รีวิวร้านอุเมะโนะฮานะ (Umenohana) ต้นตำรับร้านอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิแท้ๆ โดดเด่นด้วยเมนูจากเต้าหู้และปู กับการบริการเยี่ยงราชา นี่พูดจิงๆนะ!
ก่อนที่เราจะไปฟินกับอาหารอร่อย ชิ้งว่าเรามาทำความรู้จักประวัติความเป็นมาของทางร้านซักนิดนุงก่อนดีก่าเน้อโดยเฉพาะร้านนี้ค่ะ รับรองว่าจะทำให้กินอร่อยขึ้นหลายเวลแน่นอน! ก็ขนาดเขียนอยู่นี่ ขนงี้ลุกซู่เลยค่า สุโค่ยจีจี ขอบอก!
เอาหล่ะ Once upon a time…
อุเมะโนะฮานะ เริ่มต้นความสำเร็จด้วยการเปิดร้าน “คานิชิเกะ” ที่เมือง คุรุเมะ จังหวัด ฟุกุโอกะ ตั้งแต่ปี 1976 เป็นร้านที่เน้นขายเมนูหลากหลายจากปู ที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงแบบดั้งเดิมแต๊ๆ 10 ปีต่อมา ร้าน อุเมะโนะฮานะ ก็เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ที่เมืองเดียวกัน คราวนี้เน้นขาย เต้าหู้และยูบะ (ฟองเต้าหู้) โดยที่จะค่อยๆเสิร์ฟอาหารออกมาทีละจานๆ เป็นคอร์สซึ่งประกอบไปด้วยอาหารจานเล็กจานน้อยมากมาย ในภาษาญี่ปุ่นเรียกการเสิร์ฟอาหารแบบนี้ว่า “ไคเซกิ” ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว เพราะได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาด ทุกวันนี้มี 70 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น และเข้าตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 1999 สวดยอดไปเลย!
ส่วนร้าน อุเมะโนะฮานะในประเทศไทย ก็ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ อุเมะโนะฮานะ ตัดสินใจขยายตลาดออกนอกประเทศ โดยขยายมาที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรกเลยค่ะ จับมือกับ S&P และเพื่อปรับให้เหมาะกับคนไทยอย่างเราๆมากขึ้น คราวนี้เลยจับทั้ง ปู และเต้าหู้ มาอยู่ในร้านเดียวกันเลยจ้า แบบนี้ถ้าไม่ฟินก็ไม่รู้จะพูดว่าไงแร้น เอาหล่ะ เรามากินกันเถอะ! เก๊าหิวแย้ว 555
มาถึงร้านนี้ก็ต้องเริ่มจากเมนูไคเซกิสิเนอะ ^___^ ซึ่งทางร้านมีให้เลือกถึง 6 คอร์สค่ะ คอร์สนี้เรียกว่า “อุเมะโนะฮานะ เซน” (UMENOHANA ZEN)
อลังการงานสร้างแท้! อุเมะโนะฮานะ เซน เป็นเมนูไคเซกิที่รวมเมนูเต้าหู้ทั้งหมดที่เป็น signature และเป็นเมนูขายดีของทางร้านเอาไว้ค่ะ อยากจะบอกว่าทางร้านพิถีพิถันฝุดๆถึงขนาดต้องนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองออร์แกนนิคมาจากญี่ปุ่น แล้วมาตั้งโรงงานทำเต้าหู้ในเมืองไทยเอง ถึงจะผ่านมาตราฐานที่สูงมากๆของทางอุเมะโนะฮานะญี่ปุ่น คอร์ส อุเมะโนะฮานะ เซน ก็จะมี...
เต้าหู้มิเนโอกะ (เต้าหูนมสด) มีส่วนผสมของครีมและนมสด ด้านบนเป็น ยูสุมิโสะ
ยูบะชิราเอะ ฟองเต้าหูกับผักปวยเล้งที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมน้ำเต้าหู้และครีม
เนื้อปูทาราบะที่อยู่ในเจลลี่ สวยงามราวกับเสพงานศิลปะ
Namafu Dengaku อันนี้จะเหนียวๆคล้ายๆโมจิ สีเหลืองเป็นรสส้มยูสุ สีเขียวจะเป็นสมุนไพรญี่ปุ่น ไม่ใช่ขนมนะจ๊ะ อิอิ
โทฟูชูไหม (ขนมจีบเต้าหู้)
เบงคมมอนจู รากบัวมาผสมกับมัน เต้าหู้ แล้วทอด ออกเหนียวๆหนึบๆ
ยูบะอาเกะ คล้ายๆลูกชิ้นปลา แต่จะนุ่มและเนียนกว่าลูกชิ้นปลา ข้างในเป็นเนื้อปลาขาวผสมเต้าหู้ ห่อด้วยฟองเต้าหู้แล้วนำไปทอด
ฟูคุ ฟูคุ โทฟุ (เต้าหู้ทำสดพร้อมซอสมาโบและซอสอังคาเคะ) ตักมาเป็นเจลลี่เต้าหู้แล้วราดซอสค่ะ
กราแตงฟองเต้าหู้ (Yuba Gratin)
ไข่ตุ๋น
นอกนั้นในคอร์สก็จะมี ปลาดิบประจำวัน ข้าว ซุป ขนมหวาน ฯลฯ เรียกว่าได้รับโปรตีนและประโยชน์จากเต้าหู้ไปเต็มๆเลยจ้า
อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คงจะเป็นการบริการของที่นี่ค่ะ ทันทีที่เราเดินเข้าร้าน ก็จะมีพนักงานคุณแอนยืนต้อนรับที่เคาว์เตอร์ด้านหน้า พูดเป็นภาษาไทยนะคะ แต่อากัปกิริยานี่ญี่ปุ่นชัดๆเลอ! ทั้งการโค้ง ท่าทาง และคำพูดที่เพราะมั่กๆ แถมเวลาเข้ามานั่งที่โต๊ะ ก็จะมีพนักงานเข้ามาแนะนำตัวว่าชื่อนี้ๆนะคะ วันนี้ดิชั้นจะเป็นผู้ดูแลโต๊ะนายท่านค่ะ หูย! เค้าก็ไปมาก็หลายร้านแล้วนะ ยังไม่เคยเจอแบบนี้ที่ร้านอื่นเลยอ๊ะ! สะพรึงอารมร์เป็นที่ซู้ดดดดดด
เอาหล่ะค่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เรามารู้จักกับ “ไคเซกิ” กันให้มากขึ้นดีก่า
“ไคเซกิ” เป็นการเสิร์ฟอาหารแบบคอรส์ ที่สะท้อนถึงสุนทรียศาสตร์ของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิ้ม ดังเดิม บรรจงปรุงแต่ละจานอย่างปราณีตเพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม แต่อาหารจะอร่อยอย่างเดียว ไม่พอน้า ต้องจัดจานออกมาอย่างสวยงามและมีศิลปะอีกด้วย สมแล้วกับแม่ครัว Ching Can Cook ที่ชอบจับอาหารอร่อยมาแต่งตัวดีๆ จนเป็นที่มาของแฟนเพจ Fashion on Food ไง อิอิ
ซึ่งจริงๆแล้วการเสิร์ฟแบบ ไคเซกิ จะต้องทยอยมาทีละจานนะคะ เพื่อให้ลูกค้าได้รสชาติที่สดใหม่ทุกจาน คือประมาณว่าให้เสิร์ฟออกมาในขณะที่อาหารมีอุณหภูมิที่อร่อยที่สุด ปังป่ะ? อิอิ และจะต้องเรียงมาแบบนี้
1 โคบาชิ (อาหารเรียกน้ำย่อย)
2 มูชิโมโนะ (อาหารนึ่ง)
3 ออนโมโนะ (อาหารอุ่น)
4 มูโคะซึเกะ (ปลาดิบ)
5 อะซึเกะบาชิ (อาหารจานหลัก)
6 นิโมโนะ (อาหารต้ม)
7 ยากิโมโนะ (อาหารย่าง)
8 อาเกะโมโนะ (อาหารทอด)
9 ฮันโมโนะ (ข้าว) / ชิรุโมโนะ (ซุป) / ซึเกะโมโนะ (ผักดอง)
10 ขนมหวาน
แต่ทางร้านไม่ได้มีแค่เมนูไคเซกินะคะ มื้อกลางวันมี Lunch Course เสิร์ฟทีละจานแบบไคเซกินี่แหล่ะ แต่มีจำนวนเมนูน้อยกว่า นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูเดี่ยวๆ และ lunch set ให้สั่งได้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูพิเศษตามฤดูกาลผลัดเปลี่ยนกันไปตลอดปีเลยจ้า
มาต่อกันด้วยเมนูถัดไปเลยนะคะ กับเมนูในดวงใจชุ้งชิ้งเลยค่ะ จัดไปกับ Umenohana’s Treasure Box หรือมีชื่อในภาษาไทยน่ารักๆว่า 'กล่องแห่งความสุข' ฮิ้วววววว
ชั้นแรกเป็น ไข่หอยเม่น (Uni) กับ ไข่ปลาแซลม่อน (Ikura) วางบนข้าวค่ะ คุณพระ! น้ำตาไหล คืออยากกินอีกจุง 555
ชั้นที่ 2 นี่เป็นปลา Otoro กับ ไข่ปลาแซลม่อน (Ikura) ค่ะ ฟิน! ไร้คำบรรยาย
ชั้นสุดท้ายเป็นปูทาราบะ ทั้งแบบสด และนึ่งมาแล้วค่ะ คือชุ้งชิ้งรักมากจิงๆ โดยเฉพาะเวอร์ชั่นทาราบะสดเนี่ย กรีสสสสสสส
มาต่อกันที่ปูเลยดีก่ากับ ชาบูปูสึวาอิ (Zuwai Shabu Nabe)
ปูสึวาอิสดๆ เนื้อแน่นๆ เด้งๆ แนะนำว่าไม่ต้องจิ้มเลยค่ะ หวานมั่กๆ สงสัยปูพวกนี้จะกินน้ำตาลเป็นอาหารสินะ! สมแล้วที่เป็นผู้นำขายปูมานานถึง 40 ปี!
ตบท้ายด้วยการใส่ข้าวลงไปต้มต่อค่ะ ได้ออกมาเป็นข้าวต้มแสนอร่อย เพราะน้ำซุปเจ้มจ้นแล้วไง แฮร่! มีความสุขจุง ^___^
งงอ่ะจิ๊ อิอิ ที่เห็นนี่คือน้ำเต้าหู้ กับเนื้อวากิวค่ะ เพราะมันคือ ชาบูน้ำเต้าหู้เนื้อคุโระเกะวากิว (Kuroge Wagyu Tonyu Shabu) เป็นเมนูที่อาจจะหาทานได้ที่ร้าน อุเมะโนะฮะนะ เท่านั้น
เนื้ออย่างนุ่มแทบจะละลายในปากเลยค่ะ น้ำซุปเป็นน้ำเต้าหู้ เพิ่มความน่าสนใจมั่กๆ แนะนำให้จิ้มพอนสึนะคะ ฟินเฟ่อร์!
กุ้งคุรุมะย่างเกลือ Kuruma Ebi Shioyaki กุ้ง species นี้เกิดมาเนื้อหวาน กรอบมั่กๆ ทำอะไรก็อร้วย อร่วย
ซุชิหน้ากุ้งคุรุมะ Kuruma Ebi Sushi
ไคเซนโดบินมุชิ (ซุปกาปลาไท หอยเชลล์และกุ้ง) Seafood Dobin Mushi
มาที่ Lunch Set กันบ้างนะคะ มาเป็นเซ็ตแบบที่เราคนไทยคุ้นเคยค่ะ คือมาทีเดียว ไม่ได้ทยอยมาจ้า
Wakaba Lunch Set เซ็ตนี้มี 2 ราคาให้เลือก ขึ้นอยู่กับความพรีเมียมของปลา เริ่มต้นที่ 650 บาทค่ะ
ชุ้งชิ้งขอทิ้งทวนด้วย Special Donburi Lunch Set ก่อนไปนะคะ ต้องบอกว่าเป็นเซ็ตสุดคุ้มจิงๆ เพราะมีครบตั้งแต่ appetizers, ข้าวหน้าต่างๆ (donburi), sobaหรือ Inaniwa Udon ยัน ขนมหวาน ราคา 300-380 บาท คุ้มเว่อร์ๆจนต้องบอกให้โลกรู้! อ้อ! มีเฉพาะมื้อเที่ยงของวันธรรมดาน้า รีบๆเลย! มี 6 เซ็ตให้เลือกสรร
Bara Sushi ค่ะ เซ็ตนี้ 380 บาท จ้า ภายในเซ็ตก็จะมี...
Appetizer เป็น เต้าหู้มิเนโอกะ (เต้าหูนมสด)
ซุป
เลือกได้ระหว่าง soba หรือ Inaniwa Udon ที่เห็นนี่เป็น อูด้งจ้า
Donburi เซ็ตนี้เป็น Bara Sushi ซึ่งก็จะเป็นปลาหลากหลายสี หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
ขนมหวาน นี่ไม่ใช่เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัดน้า เป็นเต้าหู้นมค่ะ ท็อปด้วยผลไม้ อิอิ
Donburi ของเซ็ตนี้เป็น แซลม่อน กับ ไข่ปลาแซลม่อน (Ikura)
Kani Chirashi Sushi ปูเน้นๆเลยจร้า
ข้าวหน้าเนื้อวากิว Kuroge Wagyu
ที่เห็นเป็นเม็ดสีแดงๆนั่นคือเม็ดพริกไทยสีแดงค่ะ หอมดี
อุเมะโนะฮานะ สาขาแรกและสาขาเดียวในเมืองไทยตั้งอยู่ที่ นิฮอนมูระมอลล์ ชั้น 2 ซ.ทองหล่อ 13 โดยมีร้าน อุเมะโนะฮานะ เมืองคุรุเมะ เป็นต้นแบบ ดังนั้นทั้งเสื่อ เอย ต้นบ๊วย ประตู และ decoration ต่างๆ เค้าส่งตรงมาจากญี่ปุ่นเลยจร้า บรรยากาศร้านดูออกเป็น traditional Japanese อบอุ่นดีค่ะ
อุเมะโนะฮานะ แปลว่า “ดอกบ๊วย” ดังนั้นเลยมีต้นบ๊วยที่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่น ตั้งตระหง่านอยู่ตรงทางเข้า เป็นสัญลักษณ์ของร้านค่ะ
พาชมบรรยากาศร้านพอหอมปากหอมคอนะคะ...
อุเมะโนะฮานะ เปิดให้บริการทุกวัน 2 ช่วง
ช่วงเที่ยง 11.00น.-15.00น.
ช่วงเย็น 18.00น.-23.00น.
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารดีๆจากทางร้าน เข้าไปกดไลค์ได้ที่แฟนเพจ