ตะลุยพากินพาเที่ยว เวียงจันทน์ หลวงพระบาง วังเวียง++ ประเทศลาว
ในทริปนี้ ลุงไปกัน 7 คน และลุงใช้เวลาเตรียมตัวก่อนเดินทาง 1 สัปดาห์ และลุงตัดสินใจเดินทางไปประเทศลาวทางรถยนต์ครับ
- เริ่มจากการจองตั๋วเครื่องบินสายการบินนกแอร์ ผ่านทาง call center จ่ายโดยหักบัตรเครดิต จากรุงเทพฯไปลงที่สนามบินจังหวัดอุดรฯครับ
- ต่อมาได้ติดต่อจองโรงแรมผ่านทางอโกดา (โดยลุงเน้นเลือกจองโรงแรมที่มีการให้คะแนนในการรีวิว จองโรงแรม 4 ห้อง)
- ต่อไปเป็นการจองรถตู้จากฝั่งประเทศไทย (เมื่อครั้งก่อนที่ลุงไปจังหวัดนครพรมเกิดถูกใจ มารยาท และการขับรถ เลยขอเบอร์ติดต่อไว้ก่อนหน้านี้แล้ว)
- เบ็ดเสร็จค่าเช่ารถตู้ รวมน้ำมัน พร้อมคนขับ และไกด์นำเที่ยวในท้องถิ่นประเทศลาว (อันนี้จำเป็นต้องมี) และค่าธรรมเนียมต่างๆ ในประเทศลาว
- ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถตู้ 34,200.- บาท ทริปนี้ลุงหารกัน 7 คน เฉลี่ยค่าใช้จ่ายแล้ว ก็ตกคนละประมาณ 17,000.-บาท รวมอาหารทุกมื้อตลอดการเดินทางครับ
>..>..> พร้อมลุยกันเลย..>..>..>
เริ่มเดินทางกรุงเทพฯ ไฟลท์เช้า จากดอนเมือง 8 โมง ถึงสนามบิน อุดรฯ 9 โมง
มีรถตู้ที่จองไว้มารับแวะกินข้าวเช้าก่อนเลยครับ
หลังจากนั้นอิ่มท้องแล้ว ก็มุ่งสู่จังหวัดหนองคาย เพื่อที่จะข้ามสะพานมิตรภาพสู่ นครเวียงจันทน์ ประเทศลาวครับ
เริ่มจากการแวะเข้านมัสการพระธาตุหลวง ประตูชัย เมืองเวียงจันทน์
จากนั้นก็แวะซื้อ "ข้าวจี่" ขนมปังฝรั่งเศษ ใส่ไส้ หมูยอ หมูแดง แตงดอง ตับบด ลุงบอกเลยอร่อยมากกก
ออกจากตลาดก็เข้าสู่ที่พัก โรงแรมสบายดี@ลาว ซึ่งเป็นของนักธุรกิจชาวไทย
และมีร้าน "ตำมั่ว" (ของคนไทย) สาขา 2 ตั้งอยู่ติดโรงแรม ลุงพากันเก็บข้าวของและพักผ่อนเอาแรงในตอนค่ำๆ
พอตกค่ำออกมาดูแสงสีของเวียงจันทน์ ที่นี่พัฒนาขึ้นเยอะมาก ลุงไปกินข้าวเย็นที่ร้าน MIX
และออกมาเดินเที่ยวดูถนนคนเดิน ที่ผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาตและชาวลาว เดินกันกวักไกว่
สำหรับคืนแรกในเวียงจันทร์
---------------------------------------
วันที่ 2
รุ่งเช้ากับอาหารเช้าในโรงแรม อาหารเช้าที่นี่อร่อยมากครับ
เมื่ออิ่มแล้วก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หลวงพระบาง (ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง)
ระหว่างทางแวะตลาดชาวบ้านริมทาง มีหนังควายตากแห้งขายเยอะมากๆ และปลาตากแห้ง
และเดินทางต่อในถนนเส้นเก่า เขาสูงชัน ที่แคบ แวะกินมื้อเที่ยงจุดพักรถ
เป็นร้านอาหารบนยอดเขาที่เห็นวิวได้รอบตัวเลยครับ อากาศดีมาก
ขนาดนั่ง ปลดทุกข์ ยัง ชิวๆเลย
อิ่มหมีพีมันกันแล้ว ก็ตีรถยาว เข้าสู่เมืองหลวงพระบาง พร้อมเข้าพักที่" วิลล่า เมืองลาว"อยู่ใจกลางหลวงพระบาง
พากันเก็บข้าวของเรียบร้อย ออกเดินจากที่พัก ครึ่งนาทีก็เจอตลาดอาหารที่ขายแบบ บุฟเฟห์
คือ ชามใบนึงตักจนเต็ม ในราคาคนละ 60.- บาท
คณะลุงเลยขอบาย เพราะกลัวกินกันไม่ได้ แต่นักท่องเที่ยงอื่นๆ กินกันอย่างสนุกสนานมีสีสันครับ
เลยมาทานกันที่ร้านอาหารในหลวงพระบาง คนเยอะมาก เรากินกันแบบง่าย ๆแบบอาหารจานเดียว
และเข้าพักผ่อนคืนแรกในหลวงพระบาง (คืน 2 ในลาว)
ราตรีสวัสดิ์ครับ
-----------------
วันที่ 3
เช้าตื่นตีห้ากว่า เดินผ่านตลาดเช้า
เพื่อไม่พลาดกิจกรรมดีๆของหลวงพระบางคือ ใส่บาตรข้าวเหนียว
ซึ่งคือไฮไลต์ กิจกรรมในหลวงพระบาง
และเดินผ่านตลาดเช้าอีกรอบ กลับมากินข้าวเช้าที่โรงแรมจัดไว้ให้ กาแฟ ขนมปัง ไข่
กินกันเสร็จก็ เดินทางออกไปเที่ยวรอบๆเมืองกันเลย
ที่แรกพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง
ใช้วังเก่าของเจ้ามหาชีวิต มาเป็นสถานที่ จัดการแสดง
มีเครื่องใช้ ส่วนตัวที่เป็นทองคำแท้มาแสดงเลยไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป
จากนั้นออกเดินทางต่อไปนอกเมือง อุธยานแห่งชาติน้ำตก "ตาดกวางสี"
แวะกินเที่ยง ข้าวเปียก ข้าวซอย (ที่นีเหมือนน้ำเงี้ยวทางเหนือบ้านเรา)
และไปท่าเรือที่บ้านช่างไห. หมู่บ้านต้มเหล้า เพื่อไปลงเรือไปเที่ยวที่ ถ้ำติ่ง ในลำน้ำโขง
ขากลับจากลำน้ำแวะเข้าชมหมู่บ้ายช่างไห
จนได้เวลากินที่ร้านอาหารพื้นเมืองหลวงพระบาง
และต่อด้วยไปจิบกาแฟร้านดัง JOMA กับเค้ก อร่อยๆ
กลับมาฝันอีกคืนที่หลวงพระบาง(คืนที่ 3 ในลาว)
----
วันที่ 4
เช้านี้เรางดอาหารเช้าที่ทางห้องพักจัดไว้ให้ เช็คเอาท์ ออกมาเลย เพื่อเดินทางสู่วังเวียง(ล่องกลับ)
มื้อเช้าที่ ร้าน "ประชานิยม" กินโจ้ก ข้าวเปียก ข้าวจี่ กาแฟปาท่องโก๋ กันครับ
มุ่งสู่"วังเวียง"นั่งรถกันอีกประมาณ 4 ชั่วโมง แวะกันมาเรื่อยเปื่อยเส้นทางใหม่
หมู่บ้านเล็กๆแวะเข้าห้องน้ำ มีเอาสัตว์ป่ามาวางขายกันด้วย
ถนนกว้าง วิวสวย แต่สูงชันกว่าเส้นทางเก่า(ขาไป) เส้นนี้รถประจำทางจะไม่ใช้
เพราะกำลังเครื่องไม่พอ และค่อนข้างเปลี่ยว ยังไม่มีชุมชนมากมายเหมือนเส้นทางเก่าครับ
เข้าเขต "วังเวียง" กับมื้อเที่ยงร้านอาหารเพื่อสุขภาพ และเป็นต้นน้ำที่บริษัททัวร์
นำนักท่องเที่ยวมาปล่อยลงแม่น้ำ เพื่อให้ไหลล่องกลับไปในตัวเมือง
บรรยากาศสนุกสนานในวังเวียง
ก่อนเข้าที่พักแวะถ้ำ "ปูคำ"ปูทองคำ แต่ปรากฎว่ามีแต่แอ่งน้ำสีเขียวใส ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นกันมาก
เราเข้าที่พัก "ซิลเวอร์ นาคา" วิวสวย ติดแม่น้ำ บรรยากาศดีครับ
พอเริ่มแดดร่มลมตก พวกเราลงเรือหางยาวชมทิวทัศน์ และบรรยากาศยามเย็น
พร้อมนักท่องเที่ยว ที่ล่องห่วงยางกัน หรือพายเรือแคนนู เป็นที่สนุกสนานครับ
จนตกค่ำเดินออกไปกินข้าวข้างโรงแรม รวมทั้งไปกินพิซซ่าวังเวียง โรตีวังเวียง
ที่กล่าวกันนักหนาว่ามาวังเวียงต้องกินให้ได้ กับร้านอาหารแบบ "นั่งนอน"
กลับมาพักด้วยความอ่อนเพลียกับคืนที่ 4 (คืนสุดท้ายในลาว)
--------
วันที่ 5
อาหารเช้าในโรงแรมกับวิวที่ประทับใจจากโรงแรม
บรรยากาศเส้นทางใหม่ตอนกลับเข้าเวียงจันทน์
นั่งรถยาวเข้าเวียงจันทน์(4 ชั่วโมง)แวะกินร้าน"แหนมเนือง"ที่ขายดีสุดในเวียงจันทน์
ซึ่ง จิ้มจุ่ม ร้านนีเใช้น้ำมะพร้าวล้วนๆ มาเป็นน้ำซุปในหม้อต้มครับ
กับร้านข้าวจี่ที่ขายดีสุดอีกร้านในเวียงจันทน์ แวะซื้อกลับบ้านคนละ 5-10 แท่ง เพราะมันอร่อยมาก
แวะผ่านด่าน ตม. ร้านปลอดภาษีลาว ก่อนข้ามกลับไทย
แวะหนองคาย นมัสการหลวงพ่อ "พระใส
จากน้ันเข้าอุดร นมัสการศาล"ปู่ ย่า" ซึ่งเป็นที่เคารพสักระของชาว อุดร
กับที่ขาดไม่ได้เลยถ้ามา อุดร ร้าน"วีที"
พอกินเสร็จ ก็มุ่งหน้าเข้าสนามบิน กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)
ทริปนี้เหน็ดเหนื่อยต่อการนั่งรถ แต่ ก็ได้ซึมซับ บรรยากาศไปอีกแบบ
หากเราบินตรง คงไม่มีโอกาศได้เห็น วิวสวยๆข้างทาง
ขอบคุณครับ ที่นั่งดูจนจบ ทริปหน้าที่ไหน น่าเที่ยว น่ากิน ตามดูกันได้เลย