Weekends Lunch @ "Whale's Belly" ความอร่อยสุดสร้างสรรค์ที่ราคาสุดคุ้ม !
![Weekends Lunch @ "Whale's Belly" ความอร่อยสุดสร้างสรรค์ที่ราคาสุดคุ้ม !](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-thumbnail.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
กลับมาคราวนี้มีร้านอาหารในดวงใจคือร้าน "Whale’s Belly" มาแนะนำให้ทุกคนค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสระดับหรูที่ปกติแล้วจะเปิดบริการเฉพาะดินเนอร์ แต่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ทางร้านจะให้บริการมื้อเที่ยงวันสุดสัปดาห์ด้วย โดยจัดเป็น 3-course Weekends Lunch เพื่อเอาใจคุณลูกค้าด้วยราคาสุดพิเศษ 3 คอร์ส เพียง 590B++ เท่านั้น หลายๆ เมนูก็ดึงมาจากจานเด่นๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ในเมนูอาหารค่ำอยู่แล้ว สำหรับเมนูเด็ดบางเมนูที่ใช้วัตถุดิบราคาสูงเช่นเนื้อวากิวหรือฟัวกราส์นั้นก็มีมาให้ผู้มาลองเซ็ทอาหารกลางวันได้ชิมกันด้วยโดยจ่ายเพิ่มจากราคา 590B ของเซ็ทอีกเล็กน้อย ทั้งอร่อยทั้งคุ้มค่าอย่างนี้เราจึงต้องรีบมารีวิวให้ฟังเพื่อคุณๆจะได้หาเวลาไปลิ้มลองกัน
ร้าน Whale's Belly นั้นอยู่ที่สุขุมวิท 39 การตกแต่งอันสวยงามภายในร้านได้แรงบันดาลใจมาจากนิทาน The Adventures of Pinocchio ในฉากที่ Pinocchio เข้าไปอยู่ในท้องของวาฬ ภายในร้านจึงมีพื้นที่กว้างขวางราวกับอยู่ในท้องของวาฬตัวใหญ่ ส่วนเพดานของร้านตกแต่งด้วยไม้ระแนงลักษณะโค้งเว้าเหมือนซี่โครงของวาฬ โทนสีที่ใช้เป็นสีน้ำเงิน-ขาว ให้ความรู้สึกราวกับว่าเรากำลังอยู่ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ประดับด้วยไฟเล็กๆ สวยงาม
นอกจากนี้ยังมีของตกแต่งอื่นๆ ที่สื่อความหมายถึงท้องทะเล เช่น หีบสมบัติ และกล้องดูดาว
นอกจากบรรยากาศของร้านที่สอดคล้องกับชื่อแล้ว ท้องของวาฬยังแทนความหมายของแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ คุณภาพสูง หลากชนิด เช่นเดียวกับที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ปรุงอาหารชั้นเลิศให้กับลูกค้า
ก่อนอาหารจะเสิร์ฟก็จะมี Charcoal bread ขนมปังถ่านสีดำ กรอบนอก นุ่มใน เคียงมากับ Truffle butter หอมๆ และ Chicken liver pate ตับไก่บดเนื้อนุ่มเนียน มาให้ทานรองท้องกันก่อนด้วย
![Charcoal bread with Truffle butter & Chicken liver pate](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051842-226681d.jpg)
คอร์สแรกของวันนี้เราเริ่มกันที่ Truffle soup ซุปครีมเห็ดทรัฟเฟิลหอมกรุ่น ด้านบนเป็น white truffle foam ชอบที่มีอัลมอนด์ฝานบางมาในซุปด้วยและทำรสชาติออกมาได้นุ่มนวลกลมกล่อมไม่เค็มจนเกินไป
![Truffle soup](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051842-e9932bf.jpg)
ถัดมาเป็น Yuzu tuna cold capellini เมนูนี้เป็นเมนูเด็ดที่คุณเชฟนำไปใช้ต่อสู้ในฐานะผู้ท้าชิงในรายการ Iron chef Thailand จนได้ชัยชนะเหนือเชฟกะทะเหล็กมาเมื่อปี 2014 ค่ะ
![Yuzu tuna cold capellini](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051842-25252cf.jpg)
จานนี้ชิมแล้วก็เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นหนึ่งในเคล็ดลับพิชิตใจคณะกรรมการ เพราะเนื้อปู (Blue crab meat) ก็ให้มาเยอะแบบไม่หวง ตัวเส้นพาสต้าเล็กบางทำสุกมากำลังหนืดพอดีๆ แบบ al dente เพิ่มกลิ่นหอมด้วย white truffle พาสต้าจานนี้ออกรสเผ็ดเด่นแล้วจึงมีรสเปรี้ยวนิดๆ ของ yuzu vinaigrette ที่ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัว โรยหน้าด้วย caviar อีกที
![Yuzu tuna cold capellini](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051843-7ff59bd.jpg)
จานนี้เป็นจานซิกเนอเจอร์ที่มื้อเย็นราคาอยู่ที่ 650 บาท แต่เมื่อมาอยู่ในเซ็ทไม่ได้คิดเพิ่มแต่อย่างใด เรียกว่าเป็นรายการคืนกำไรให้ลูกค้าจริงๆ
ต่อด้วยอีกจานที่คนรักฟัวกราส์อย่างเราไม่พลาดแน่นอน คือ “Rougie” Foie gras de carnard ตับห่านยี่ห้อดังนำเข้าจากฝรั่งเศสที่ sear มาพอดีเป๊ะ กรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยซอสทำจาก port wine รสชาติเข้ากันสุดๆกับตัวฟัวกราส์ แถมยังมีซอสบีทรูทและแอปเปิ้ลหวานๆ แต่งแต้มจานนี้ให้มีสีสันสดสวย
![“Rougie” Foie gras de carnard](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051843-4a78128.jpg)
จานนี้ออกหวานนำโดยเฉพาะตัว apple gelee ที่หวานจนเริ่มจะรู้สึกไม่แน่ใจว่าจานนี้เป็นของหวานหรือเปล่า :)
![“Rougie” Foie gras de carnard](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051843-312197d.jpg)
เมนูนี้ตอนกลางคืนสนนราคาอยู่ที่ 890 บาท เมื่อมาอยู่ในเซ็ทกลางวันนั้นต้องเพิ่มจากชุดปกติอีก 250 บาท ซึ่งก็ยังถือว่าคุ้ม
นอกจากที่เราสั่ง ทางร้านก็ยังมีเมนู Whale’s Belly Caesar Salad ที่ใช้ผักไฮโดรโพนิกส์ของโครงการหลวง โรยด้วย crouton กับ parmesan chips กรอบๆ
![Whale’s Belly Caesar Salad](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051843-3378681.jpg)
และ ซุปมะเขือเทศเย็นแบบสเปน Crab cannelloni & Gazpacho andaluz ซุปมะเขือเทศรสสดชื่นมากับเนื้อปูที่ห่อด้วยเยลลี่แผ่นบางเฉียบสีสวยงามให้เลือกสรรอีกด้วย
![Crab](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051843-c8dd344.jpg)
จบจากจานแรกทางร้านมี palate cleanser ให้คือ Crysantimum jelly and peach granita with navel orange foam เกล็ดน้ำแข็งเย็นๆ แสนสดชื่นถามรสเปรี้ยวอ่อนๆของพีชและส้มกับความหวานหอมของเยลลี่เก๊กฮวยนั้นแสนจะเข้ากัน เป็นจานล้างปากที่ทำให้สดชื่นพร้อมทานอาหารจานหลักขึ้นมาทันที
![Crysantimum jelly and peach granita with navel orange foam](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051843-fe783ef.jpg)
และแล้วก็ถึงเวลาของอาหารจานหลัก
วันนี้เรามี King Salmon ปลาแซลมอนชิ้นโตเสิร์ฟมาบนซอส pomodoro รสชาติซอสมะเขือเทศที่สดชื่นเข้ากันได้ดีกับปลาแซลมอนที่ sous vide มาจนนุ่มชุ่มฉ่ำทั่วกันทั้งชิ้นก่อนที่จะนำไปจี่จนหนังกรอบ
![King Salmon](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051844-5913ed1.jpg)
บอกเลยว่าร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านที่ execute จานปลาได้ดีที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในกรุงเทพ ไม่ว่าจะทำปลาอะไรก็ทำได้หนังกรอบส่วนเนื้อปลานุ่มฉ่ำสั่งกี่ครั้งก็ทำออกมาแม่นยำเสมอ
![King Salmon](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051844-3a7a69a.jpg)
จานนี้ยังมีทีเด็ดอยู่ที่เห็ดหายาก Wild mushroom duxelle ที่เพิ่มรสสัมผัสและกลิ่นหอมให้กับจานนี้อย่างลงตัว
ถัดมาเป็น 62c Sous-vide duck breast ที่ตกแต่งมาสวยงามด้วยไช้เท้าก้อนเล็กพอดีคำ เยลลี่พีชรสอมเปรี้ยวที่หยดมาอย่างกลม และ carrot puree หอมข้นที่ทำให้สีสันของจานนี้สดสวยสะดุดตา
![62c Sous-vide duck breast](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051844-31fdc10.jpg)
ตัวเนื้ออกเป็ดนั้นทำมาได้นิ่มและฉ่ำสมกับที่ผ่านการ Sous-vide มาอย่างพอเหมาะ ทานกับซอส port wine ที่ช่วยชูรสเป็ดได้เป็นอย่างดี
![62c Sous-vide duck breast](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051844-cb85a34.jpg)
และที่เห็นแล้วต้องรีบสั่งมาลองก็เป็นเมนู Free range chicken rollatini เมนูนี้เป็นหนึ่งในเมนูคลาสสิคของฝรั่งเศสที่นำเนื้อมาม้วนจนเป็นก้อนกลมที่เรียกว่า roulade ที่หาอร่อยๆ ทานไม่ได้ง่ายนัก
![Free range chicken rollatini](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051844-17d8527.jpg)
ของที่นี่นำส่วนขาของไก่ไป Slow cook เสียจนเนื้อนิ่ม วางมาบน spinach risotto ที่ทำออกมาได้ครีมๆเนียนๆถูกใจ ข้างเคียงมี asparagus ทั้งแบบแท่งและหั่นแว่นเพิ่มรสสัมผัสให้จานนี้ ราดด้วย wild morel cream sauce หอมอร่อยซึ่งอันนี้มีบริกรมาเทซอสให้ถึงข้างโต๊ะกันเลยทีเดียว
![Free range chicken rollatini](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051844-c7b4cb0.jpg)
และยังมี Bacon-wrapped king tiger prawn
![Bacon-wrapped king tiger prawn](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051844-6c26aa9.jpg)
และ Slow-braised Wagyu beef cheek (เพิ่ม 190 บาท) ที่เนื้อตุ๋นมาจนนุ่ม ซอสรสชาติเข้มข้น หวานนำ ซึมเข้าเนื้อจนชุ่มฉ่ำ
![Slow-braised Wagyu beef cheek (เพิ่ม 190 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051845-1cc7f2c.jpg)
จบเมนูอาหารจานหลักกันไปอย่างน่าประทับใจ
ปิดท้ายด้วย สามเมนูขนมหวานสุดอร่อย New Zealand natural premium ice cream
ที่มีทั้งรสVery berry sorbet ซอร์เบทรสเบอร์รี่หวานอมเปรี้ยวที่มาพร้อมกับ strawberry caviar หวานเจี๊ยบ ที่คุณเชฟใช้กลวิธีทางวิทยาศาสตร์ทำเม็ดกลมๆ เล็กๆ ที่กัดแล้วก็จะได้รสชาติของสตรอเบอร์รี่ที่ระเบิดออก เป็นลูกเล่นที่เพิ่มความน่าตื่นตาให้กับจานขนมหวานได้เป็นอย่างดี
![New Zealand natural premium ice cream-Very berry sorbet](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051845-9254007.jpg)
และรส Mango sorbet ซอร์เบทรสมะม่วงหวานอมเปรี้ยวกำลังดี เสิร์ฟพร้อมคาเวียร์สตรอเบอรี่รสหวาน ทานอย่างละคำสลับไปมาเข้ากันดี๊ดี
![Mango sorbet](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051845-537555d.jpg)
ต่อด้วย Crepe Suzette เนื้อนุ่มราดซอสส้มที่ผสมลิคเคอร์รสส้ม Grand Manier มาอย่างเต็มที่ ตัวซอสเปรี้ยวจัดและหวานจัด ที่ชอบเป็นพิเศษคือตัวเนื้อส้มชิ้นๆ และเปลือกส้มฝานบางด้านบน ที่ออกหอมๆเปรี้ยวๆแบบพอดีๆ จานนี้ต้องทานกับไอศกรีมวนิลาช่วยตัดความหวานและเพิ่มความเย็นสดชื่น โดยเมนูนี้มีต้องเพิ่มอีก 180 บาทด้วยค่ะ
![Crepe Suzette](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051845-d4cd84a.jpg)
จบที่ Homemade dark chocolate brownie (เพิ่ม 180 บาท) ที่คนรักช็อกโกแลตจะต้องฟินมาก เพราะช็อกโกแลตนั้นดาร์กและเข้มข้นสุดๆ
![Homemade dark chocolate brownie (เพิ่ม 180 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1407905/1407905-20180207051845-3efaf01.jpg)
สำหรับคนที่ปกติไม่ทานช็อกโกแลตมากนักอย่างเรานั้นถ้าไม่มีไอศกรีมวนิลาข้างๆ มาช่วยคงทานหมดชิ้นลำบากพอสมควร บราวนี่นี้เสิร์ฟมาพร้อมกับ Lychee caviar ด้วย ตัวเม็ดลิ้นจี่ทานแยกกันรสชาติหวานหอม ส่วนตัวคิดว่าลิ้นจี่กับช็อกโกแลตไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร แต่ก็ได้ยินว่าลูกค้าหลายๆท่านชื่นชอบกับการจับคู่นี้อยู่เหมือนกัน
สรุปว่าอิ่มอร่อยไปกับอาหารฝรั่งเศสที่คุณภาพและฝีมือสูงทัดเทียมกับเวลามาทานมื้อเย็นด้วยราคาที่แสนคุ้มค่า อย่างที่บอกว่าส่วนตัวแล้วร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านอาหารตะวันตกอันดับต้นๆ ในดวงใจ จึงแนะนำคุณๆ ได้อย่างมั่นใจว่าให้มาลองแล้วคุณจะได้ประสบการณ์ที่สุดแสนจะประทับใจกลับไปอย่างแน่นอนเชียวค่ะ
ติดตามชมอาหารเมนูเด็ดและสถานที่ท่องเที่ยวแปลกตาจากประสบการณ์ของผู้เขียนได้ที่ IG, Twitter & Pinterest : FoodiesJournie
ผลงานรีวิวอาหารและท่องเที่ยวสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.FoodiesJournie.com
หรือติดตามได้ที่เพจ www.facebook.com/FoodiesJournie