สู่ยอด Helix Quartier ชมวิวแบบชิลๆที่ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรู "Mugendai Penthouse"
เปิดตัวกันอย่างยิ่งใหญ่ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม สำหรับ Mugendai Penthouse ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรูที่ครั้งนี้มาอวดโฉมอยู่บนชั้น 9 ของ The Helix Quartier ของห้างสรรพสินค้า EmQuartier ให้คุณลูกค้าได้สัมผัสกับวิวพาโนรามาของกรุงเทพฯ ในบรรยากาศเรียบหรูโปร่งสบายในชั้นบนสุดราวกับกำลังเพลิดเพลินอยู่ในเพนท์เฮาส์ส่วนตัว
ทีมงานรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานในครั้งนี้และได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหาร คุณ กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี หรือ คุณก้อง ที่ให้ข้อมูลและเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับแนวคิดการวางรูปแบบของร้านให้ฟังอย่างเป็นกันเอง
โดยคุณก้องเล่าให้ฟังว่าร้านนี้นั้นต้องการเน้นเรียบหรู จึงใช้สีโทนขรึมๆ แต่ก็อยากให้ได้ความโปร่งโล่งสบายจึงออกแบบให้ร้านมีเพดานสูงถึง 8 เมตร ส่วนด้านนอกที่จะเห็นวิวของกรุงเทพฯจากมุมสูงนั้นยังทำสระน้ำล้อมไว้อย่างสวยงาม บรรยากาศดีขนาดนี้แน่นอนว่าต้องมีที่นั่งด้านนอกด้วย ซึ่งพื้นที่ด้านนอกนั้นจุลูกค้าได้ราว 30 ท่าน
ความแปลกใหม่ที่ทำให้ Mugendai Penthouse แตกต่างจากสาขาอื่นๆ คือการเพิ่มเมนูพรีเมี่ยมสุดพิเศษ ที่รังสรรค์ขึ้นโดยเน้นคุณภาพของวัตถุดิบและความน่าตื่นตา
เช่น Penthouse Roll ที่รวมของอร่อยอย่างกุ้งโบตัน ปลาไหลญี่ปุ่น คาเวียร์ และ ไข่หอยเม่นเข้าไว้ในคำเดียว
จานนี้คุณเชฟนั่งม้วนอย่างประณีต
ตกแต่งมาอย่างสวยงามน่าทานด้วยความอลังการของหัวกุ้งโบตัน และ สีสันสดใสตัดกันระหว่างโรลและวาซาบิซึ่งมีทั้งวาซาบิสดและวาซาบิดองให้คุณเลือกทานตามชอบใจ
แถมมีเมนู Tennen Unagi Foie Gras Mille Feuille
เมนูนี้คุณเชฟจับเอาสองสุดยอดวัตถุดิบอย่างปลาไหลย่างและฟัวกราส์หอมมันมาไว้ในคำเดียวกันเรียงเป็นชั้นๆ ราวกับขนม Mille Feuille ของฝรั่งเศส
และที่นี่ยังมีเมนู Salmon Confit
เมนูนี้ทำด้วยแซลมอนเกรดดีที่นำไป Sous Vide จนออกมาเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ
คุณก้องกระซิบมาว่าที่นี่ยังมีเมนู Toro Confit และ Wagyu Beef Confit ให้ลิ้มลองกันอีกด้วย สำหรับ Wagyu Beef นั้น ที่นี่จะมีทั้งเกรด A4 และ A5 โดยจะเลือกมาใช้ให้เหมาะเจาะ
เช่นหากทำเป็นเนื้อสไลด์บางก็จะจัดเป็นเกรด A5 ให้ได้ยลลายหินอ่อนแทรกมันของเนื้อเกรดนี้กันจะๆ แต่หากเป็นเนื้อที่ต้องเสิร์ฟชิ้นใหญ่เช่นสเต็กถ้ามันมากก็จะเลี่ยนหมดอร่อยก็จะใช้เกรด A4 แทนเพื่อให้ได้ระดับความมันและรสสัมผัสที่ลงตัว ซึ่งเนื้อ Wagyu นี้ก็จะมีการสั่งเข้ามาใหม่ทุกๆสองอาทิตย์
แตกต่างกับปลาที่รับประกันความสดด้วยการนำเข้าตรงจากตลาดปลา tsukiji ทุกๆ 5 วัน
โดยทางร้านมีผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นที่คร่ำหวอดในวงการปลาดิบมากว่า 30 ปี และรู้จักกับเจ้าของร้านต่างๆ ในตลาดปลาเป็นอย่างดีถึง 3 ท่านที่ช่วยดูแลเรื่องการสรรหาวัตถุดิบชั้นเลิศมาให้ ทำให้ที่ร้านได้ปลาชั้นเยี่ยมที่ไม่เคยผ่านการแช่แข็งมาให้เราได้ทาน
อีกทั้งปลาอย่าง Kinmedai, Madai, Tai นั้น จะเน้นรับแต่ปลาที่ตกมาได้ ไม่ใช่จากการลากอวน ซึ่งจะทำให้สดและสภาพสมบูรณ์กว่า ควรค่าแก่การนำมาวางโชว์ในตู้โชว์สองชุดที่ยาวเป็นพิเศษถึงตู้ละ 1.8 ม. ที่ทางร้านจัดไว้ให้ลูกค้าที่นั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ได้ชมกันอย่างใกล้ชิด
เห็นถึงความพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดของทางร้าน เราเลยอดถามไม่ได้ว่ามีการจัด Omakase หรือแบบที่เป็น Chef’s Choice ด้วยหรือไม่ สำหรับ Omakase นั้นเชฟจะเลือกปลาตามฤดูกาลที่สดที่สุดของวันนั้นๆ มาทำให้ท่านได้ลิ้มลองทีละคอร์สทีละคอร์สอย่างละเมียดละไม ซึ่งเราก็ดีใจมากที่ได้ทราบว่าสาขานี้จะมี Omakase บริการอย่างแน่นอนและจะมีสามราคาให้ได้เลือกตามความพึงพอใจ ซึ่งหากเลือกทานแบบนี้เชฟที่นี่ซึ่งผ่านการเทรนมาอย่างเข้มข้นก็จะสามารถพูดคุยอธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับปลาชนิดต่างๆ ที่คุณได้ทานในแต่ละคอร์สให้ฟังอย่างละเอียดอีกด้วย
นอกจากนั้นความพิเศษของสาขานี้ก็ยังมีในส่วนของไลฟ์สไตล์ที่คุณก้องมองว่าอยากให้ร้านเป็นที่พบปะสังสรรค์และเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาจึงได้จัดแคมเปญหลายอย่างขึ้นเพื่อเอาใจคุณลูกค้า ทั้ง “Happy Hour” ชั่วโมงแห่งความสุขที่จะจัดขึ้นทุกวันจันทร์ถึงพฤหัสระหว่างช่วง 2-5PM โดยเสิร์ฟหอยนางรมสดคู่กับแชมเปญและเปิดเพลงจังหวะเร้าใจ
หรือ “Lady Night” ที่จะจัดเครื่องดื่มพิเศษเอาใจสาวๆ โดยบางวันจะมี DJ ชื่อดังเข้ามาร่วมสร้างสีสันและบรรยากาศสนุกสนาน
แถมเราแอบได้ยินมาว่าเมื่อร้านอยู่ตัวสักเดือนหรือสองเดือนทางร้านจะจัด “Sunday Brunch” ที่ให้คุณได้อิ่มอร่อยกับซูชิและซาชิมิแบบไม่อั้นอีกต่างหาก ซึ่งสำหรับบรรยากาศสบายๆ ในวันหยุดก็จะมีการนำวงดนตรีแจ๊ซมาแสดงสดให้ฟังคลอไปด้วย
สำหรับงานในวันนี้เราก็มีโอกาสได้ชมเชฟรังสรรค์อาหารหลากหลายเมนู
หนึ่งในนั้นก็จะเป็น Uni Hotate Tempura
ที่นำเอาหอยเชลล์ชิ้นโตมาห่อกับไข่หอยเม่นหอมมันแล้วทอดเท็ม ซึ่งเมนูนี้เป็น Signature dish จากสาขาทองหล่อที่ยกมาไว้สาขานี้ด้วย
และยังมี Wagyu and Yasai Seiro Mushi
จานนี้ใช้เนื้อสไลด์เกรด A5 เลยทีเดียว
ต่อด้วย Tarabagani Yaki หรือปูทาระบะย่าง
จานนี้ส่งกลิ่นหอมหวนชวนทานมายั่วยวนตั้งแต่จานยังเดินทางไม่ถึงโต๊ะ
แถมด้วย Hot Bangkok Maki : Lotus Root Chips, Chopped Scallop, and Flying Fish Roe เมนูรสจัดจ้านที่มี spicy mayo เสริมรสให้กับข้าวห่อสาหร่ายไส้หอยเชลล์สับที่โปะมาด้วยไข่ปลาและรากบัวทอด อร่อยแบบพอดีคำ
และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นของทานเล่นอย่าง เม็ดแปะก๊วยคั่ว
ซูชิปลาฮามาจิ
California Maki
หรือ ข้าวผัด
และที่ขาดไม่ได้คือของหวานอย่าง โรลสตรอเบอร์รี่ ที่ใครๆ ก็ต้องติดใจกับสตรอเบอร์รี่สดลูกโตและเนื้อเค้กนุ่มฟู
ชิมอาหารเสร็จเราก็มีโอกาสได้ถ่ายรูปคุณเชฟ รวมไปถึงได้ถ่ายภาพร่วมกับคุณก้องและสื่อมวลชนหลายๆ แขนง
ทางทีมงานก็ต้องขอขอบพระคุณทางร้านอีกครั้งที่เชิญพวกเราไปเข้าร่วมกิจกรรมงานเปิดตัวให้ครั้งนี้เพื่อเก็บข้อมูลรายละเอียดมาฝากผู้อ่านกัน
เห็นเมนูอาหารสวยงามละลานตาเหล่านี้แล้วคงอดอยากทานกันไม่ได้ ดังนั้นถ้าได้มีโอกาสไปที่ EmQuartier ก็อย่าลืมลองแวะเข้าไปชิมสาขาใหม่ของ Mugendai นะคะ
ติดตามชมอาหารเมนูเด็ดและสถานที่ท่องเที่ยวแปลกตาจากประสบการณ์ของผู้เขียนได้ที่ IG : FoodiesJournie
ผลงานรีวิวอาหารและท่องเที่ยวสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.mevblog.com
หรือติดตามได้ที่เพจ www.facebook.com/mevblog
และ IG, Twitter & Pinterest : “MEVBLOG” นะคะ