หนาวนี้ห้ามพลาด! ชมดอกไม้และแสงสีตระการตา @ดาษดาแกลเลอรี่
กลับมาอีกแล้วค่ะกับนิทรรศการดอกไม้เมืองหนาวที่จะมาร่ายมนตร์ให้คุณได้หลงรัก
วันนี้เราจะพาไปสัมผัสบรรยากาศสวนดอกไม้เมืองหนาวที่เขาใหญ่
พร้อมแล้วตามมาทางนี้เลยค่า
พอพูดถึงการไปชมดอกไม้แน่นอนว่าดาษดาจะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ใครๆ ก็นึกถึง
ดาษดานั้นตั้งอยู่ที่ปราจีนบุรีก่อนทางขึ้นเขาใหญ่ การเดินทางไปไม่ยากเลย ขับรถประมาณสองสามชั่วโมงจากกรุงเทพฯ เราก็ได้สูดอากาศบริสุทธิ์และสัมผัสกับลมหนาวแผ่วๆ ของเขาใหญ่ได้อย่างสบายใจ
ทุกๆ ปี Dasada Gallery จะมีงานแสดงดอกไม้ที่นำดอกไม้นานาพันธุ์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาจัดแสดงให้ได้ชม
แน่นอนว่าความสวยงามของดอกไม้และสถานที่ทำให้มีคนมาชมมากมายไม่ขาดสาย ทำให้ทางดาษดาเองก็ต้องปรับปรุงบริเวณแสดงให้กว้างขวางขึ้นและเพิ่มเติมลูกเล่นใหม่ๆ มาให้คุณตื่นตาตื่นใจไม่จำเจ
ปีนี้ทางดาษดาจัดเตรียมงานแสดงดอกไม้ไว้ยิ่งใหญ่เช่นเคย โดยวางคอนเสปท์ไว้เป็น Art in HeArt…แค่เห็นก็เข้าใจ โดยงานครั้งนี้จะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 5 ธค ไปจนถึง 14 กพ ปีหน้ากันเลยค่ะ
โดยงานแสดงดอกไม้จะประกอบไปด้วย
HeArt of the Glasshouse การแสดงดอกไม้ในเรือนกระจก
ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ถ่ายรูปได้สวยทุกมุม และเต็มไปด้วยดอกกล้วยไม้หลากพันธุ์ จุดเด่นของที่นี่เค้า
ที่นี่มีกล้วยไม้กว่า 80 ชนิดเลยนะคะนี่
HeArt of the Season
จากปีก่อนๆ ที่มีการจัดแสงสีเสียงให้เล่นล้อกับช่อดอกไม้ที่ประดับไว้
ปีนี้ดาษดาเพิ่มความพิเศษยิ่งขึ้นด้วยการใช้เทคนิคล้ำสมัยอย่าง 3D Mapping มาฉายภาพในฮอลล์นี้
ชมคลิปตัวอย่างเรียกน้ำย่อยได้ที่ 3D Mapping Light Show ค่ะ
HeArt of the Outdoor
ด้านนอกนั้นจะมีตลาดลอยน้ำให้เลือกชิมกันได้หลายหลากรายการ ซึ่งตรงนี้จะมีเฉพาะเสาร์อาทิตย์และวันหยุดพิเศษค่ะ
และยังมีสวนสัตว์เล็กๆ ไว้ให้ได้ชม
HeArt of the Field
ให้คุณได้ตระเวณชมทุ่งกว้าง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของศาลาเทวดา จุดที่สวยงามจนละครหลายๆ เรื่องต้องยกกองถ่ายมาใช้เป็นโลเคชัน
หรือ Colorful Pavillion สีสันสดใสที่สร้างขึ้นมาเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ให้คุณได้ใช้เป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ
ซึ่งในส่วนทุ่งกว้างด้านนอกนั้นมีจักรยานให้ยืมปั่นฟรี หรือใครอยากลุยด้วย ATV ที่นี่ก็มีให้เช่าค่ะ
มีวิวสวยหลายมุมจริงๆ
ส่วนใครที่รออยู่จนค่ำหน่อยก็จะได้เห็นแสงสีตระการตาของในส่วน HeArt of the Night
ที่ดาษดาจัดอุโมงค์แสงหลากสีสันให้ได้ถ่ายรูปสวยๆ (อีกแล้ว)
โดยปีนี้ครีเอทีฟขึ้นอีก จากอุโมงค์แสงหมุนวนเป็นก้นหอยกลมๆ ของปีที่แล้ว
คราวนี้เป็นรูปหัวใจ ส่งมอบความรักให้กับทุกๆ คน
และที่ไม่พูดถึงเห็นจะไม่ได้นั่นคือการจัดแสดงน้ำพุดนตรีตอนหัวค่ำที่ถ้าไม่รีบกลับเสียก่อนก็จะได้ชมความยิ่งใหญ่ของระบบน้ำพุที่ทันสมัยติดอันดับต้นๆ ของโลก ที่ออกแบบโดยผู้สร้างน้ำพุดนตรีชื่อดังที่โรงแรม Bellagio ที่ลาสเวกัสอีกด้วย
photo credit: www.facebook.com/dasadaflower
งดงามตระการตาแค่ไหนใครอยากชมเป็นวิดีโอตามไปชมตามลิงค์นี้ได้เลยค่า
กล่าวมาเยอะแยะมากมาย มีหลายส่วนหลายบริเวณให้เลือกชม เรียกว่าอยู่ได้เต็มวันเพลินๆ ทั้งหมดนี้คุณสามารถเข้าชมได้ในราคาเพียง 250 บาทเท่านั้นค่ะ สำหรับเด็กๆ ส่วนสูง 90-140cm นั้น ราคาจะเหลือ 150 บาท และเด็กสูงต่ำกว่า 90 cm จะได้เข้าฟรีค่ะ
ราคาไม่แพงเลยเทียบกับความสนุกสนานที่ได้รับ
นอกจากในส่วนที่กล่าวไปแล้ว ทางดาษดาก็ยังมี ร้านอาหาร The Bloom
ให้คุณได้ลิ้มรสอาหารอร่อยๆ
พร้อมชมวิวสวยๆ ในบรรยากาศร้านนั่งสบาย
แถมด้วยร้านขนมหวานและไอศกรีม La lulla
ที่มีไอศกรีมดอกไม้กลิ่นหอมหวานรสชาติแปลกใหม่สร้างสรรค์หลากรสมาเอาใจนักชิมด้วยค่ะ
ถูกใจมาก ลองทานไปหลายรสด้วยกัน อร่อยทุกอันเลย
อิ่มท้องและอิ่มใจแล้วก่อนกลับก็อย่าลืมนำความสุขกลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนะคะ
ที่นี่ของฝากน่ารักๆ ให้เลือกหลากหลายมาก
ตัวเองไปกับครอบครัว คุณพ่อได้เสื้อยืดกลับมาใส่ คุณแม่ได้กล้วยไม้ไปประดับบ้าน
และยังซื้อตุ๊กตาหมีน่ารักและของกระจุกกระจิกกลับไปฝากญาติๆ หลานๆ อีกเพียบเลยค่ะ
เห็นของเค้าครบเครื่องดีงามขนาดนี้อยากไปกันหรือยังคะ
ส่วนตัวการแวะชมดาษดาครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมาก เรียกว่ามีสิบก็ให้คะแนนเต็มสิบเลยทีเดียว ว่าแล้วจึงเอามาฝากมาแนะนำกัน เผื่อผู้อ่านจะได้ตามรอยไปซึมซับความงดงามและพบกับความสุขสนุกสนานที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่เรียกว่ายกไปได้ทั้งครอบครัวจริงๆ ค่ะ
***
ใครอยากติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารและการท่องเที่ยวอื่นๆ ไปกับเรา อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ www.foodiesjournie.com
และทักทายพูดคุยอัพเดทกันได้ที่ www.facebook.com/FoodiesJournie ค่า