เหินเวหา...โดดผาพาร่อนชมวิวเมือง “ริโอเดจาเนโร”
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน
ในฐานะบล็อกเกอร์น้องใหม่ก็คิดอยู่นานเชียวค่ะว่าบทความเปิดตัวจะเริ่มด้วยเรื่องอะไรดีน้า
กลับไปขุดกรุรูปที่ไปเที่ยวมาทั้งหมด 38 ประเทศแล้วก็ยังคิดหนัก
ที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่า บทความแรก ต้องจัดหนักจัดเต็มให้ extreme ไม่เหมือนใคร
ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปกระโดดหน้าผากันที่เมือง “ริโอเดจาเนโร” ประเทศบราซิลค่ะ
ใครกลัวความสูงเกาะคนข้างๆ ไว้ให้แน่นๆ นะคะ
พร้อมแล้วไปกันเล้ยยย...
ใครเป็นนักท่องเที่ยวสายผจญภัยได้เห็นชื่อเรื่องแล้วคงต้องร้องซี๊ดดด... เพราะเชื่อว่า Hang gliding อาจจะเป็นกีฬาผาดโผนทางอากาศอันดับต้นๆ ที่คุณๆ อยากจะลองท้าความสูงผ่านความเสียวด้วยตนเองกันสักครั้ง
ประสบการณ์กลางเวหาครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะได้มีโอกาสเดินทางคนเดียว เอ้ย มีเวลาอยู่คนเดียวระหว่างเดินทาง คือจริงๆ แล้วผู้ร่วมเดินทางบินจากคนละทวีปมาสมทบ แต่ด้วยความที่มาถึงต่างกันเกือบครึ่งค่อนวัน สาวขาลุยอย่างเราเลยอยากหากิจกรรมทำฆ่าเวลา และมาลงเอยที่ hang gliding เพราะอยากลองมานาน และที่ Rio de Janeiro ก็เป็นแหล่งของการเล่น Hang gliding ชั้นเยี่ยมของโลกเลยพอดี เลยตัดสินใจไปบินเดี่ยวเพื่อความเปรี้ยวส่วนบุคคล
ที่ว่า Rio เป็นที่ที่เหมาะสมกับการ hang gliding นั้นมีที่มาที่ไปไม่ได้ตู่ขึ้นมาเองค่ะ เมื่อพูดถึงกีฬาทางอากาศหลายๆ อย่าง คุณสามารถทำที่ไหนก็ได้ อาจจะแค่ต้องการน่านฟ้าเปิดที่ให้เครื่องบินบินขึ้นไปปล่อยเราลงมาได้ และทุ่งกว้างๆ ที่ลงจอดได้อย่างมั่นใจ แต่ hang gliding นั้นพิเศษตรงที่ต้องอาศัยความสูงและแรงลมที่พอเหมาะพอเจาะในการที่จะร่อนออกมาได้ ดังนั้นจึงต้องเป็นหน้าผาบนภูเขา และสภาพอากาศต้องเป็นใจ ถ้าลมไม่พอไม่เป๊ะก็จะบังคับลงมาไม่ได้ตามต้องการ
อย่างตอนที่ไปเล่นนั้นตัวเองก็ไม่ทราบว่ามันต้องอิงสภาพอากาศมากน้อยขนาดไหน ปรากฏว่าต้องขึ้นไปแช่รอบนยอดเขากว่าสี่ชั่วโมงกว่าลมจะแรงพอให้เราร่อนลงมาได้ค่ะ
รอเบื่อๆ ก็เดินชมวิวทิวทัศน์ไปพลางๆ ครูฝึกก็ใจดี เดินมาถ่ายรูปให้ ตรงลานสีเขียวคือทางวิ่งที่จะต้องสปรินท์ตอนกระโดดออกจากผาค่ะ
ระหว่างรอทุกๆ คนก็จะเอาเครื่องร่อนมากางต่อคิวเรียงรอกันอย่างเป็นระเบียบดังภาพ
ตอนรอนั้นไม่ได้มีการซักซ้อมอะไรเลยค่ะ ทุกคนยืนแกร่วไปมาเงยหน้าดูทิศทางลม
แต่พอลมมาทุกคนก็พุ่งลงไปกันทีละคนสองคนอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็ตาเราแล้ว อ่าว ต้องทำอย่างไรบ้างยังไม่รู้เลย
ก่อนถึงคิวเราหนึ่งคิว ครูฝึกจึงเริ่มให้ใส่สายรัด แล้วเกี่ยวเชือกร้อยตัวเรากับตัวเครื่องร่อน
จังหวะที่สาธิตนั้นสั้นง่ายรวดเร็วมากค่ะ คือกว่าจะลองทำท่าได้ก็ตอนเครื่องร่อนของเราวางจ่อคิวใกล้จะได้วิ่งลงอย่างนี้ล่ะค่ะ เวลาสองนาทีสั้นๆ ครูฝึกก็เอาเราแขวนกับตัวเครื่องร่อน มีล็อกตัวสองตัวให้เราห้อยอยู่กับเครื่องร่อน ส่วนครูฝึกกับเราไม่ได้ตัวติดกันค่ะ ต่างคนต่างห้อย แค่แขวนอยู่ข้างๆ กัน ครูแค่บอกว่าให้นอนราบแบบนี้ๆ แขนไว้ไหนขาไว้ไหน จบเสร็จพยักหน้าว่าเข้าใจก็ได้เวลาลุยทันทีเลยค่ะ
สำหรับตัวเองที่เคยไป sky diving มาก่อนแล้ว การตัดสินใจไปเหินเวหาท้ามฤตยูครั้งนี้ก็ยังต้องทำใจกันเล็กน้อย เพราะตอน sky diving เราไม่ได้เป็นคนกระโดดเองค่ะ นักกระโดดร่มคนที่ตัวผูกติดกับเราจะเป็นคนกระโดดผลุงลงมาจากเครื่องบินส่วนเราแค่ถูกลากลงมาด้วยสวยๆ ไม่มีปากมีเสียงอะไรกับเค้า
แต่การเล่น Hang gliding นั้นแตกต่างกัน เพราะเราเองจะต้องเป็นคนวิ่งออกจากหน้าผาค่ะ จังหวะนั้นถ้าจะมากลัวมาป๊อดกะทันหันแล้วหยุดวิ่งนี่ไม่ได้นะคะ อันตรายมาก อันนี้ต้องกลั้นใจเล็กๆ ค่ะ นับ หนึ่ง สอง สาม แล้ววิ่งสุดฝีเท้าเลยทีเดียว
จังหวะเทคตัวออกจากหน้าผาเป็นอะไรที่เซอร์เรียลพอควร ส่วนตัวชอบอะไรตื่นเต้นท้าทายยังรู้สึกว่า เออ คนเรามันต้องบ้าจี้ประมาณหนึ่งนะ ที่จะเอาตัวเองรัดไว้กับโครงเหล็กด้วยเชือกสองเส้น แล้ววิ่งโดดออกจากหน้าผาพร้อมคนแปลกหน้า แต่ถามว่ากลัวมั้ย ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ พอออกพ้นพื้นไปปุ๊บ ลมก็ยกตัวเครื่องร่อนลอยเลยค่ะ ไม่มีวูบไม่มีดิ่งฟรีฟอลให้ใจหายแต่อย่างใด
อย่างในรูปเป็นจังหวะที่เพิ่งพุ่งตัวออกมาค่ะ ด้านล่างเป็นกลุ่มคนที่รอ paragliding คือแทนที่จะใช้เครื่องร่อนจะใช้เป็นร่มแทนค่ะ
พอหายตื่นเต้นจังหวะที่ทะยานออกสู่ความเวิ้งว้าง เวลาที่เหลือก็เป็นเวลาชื่นชมทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาค่ะ เมืองริโอเดจาเนโรเป็นเมืองใหญ่ที่มีวณอุทยานอยู่ใจกลางเมืองเลย เราก็จะได้ทัศนียภาพของผืนป่าเขียวชะอุ่ม ตัดกับตึกรามบ้านช่องของตัวเมือง ตอนร่อนออกมาจากยอดเขาได้เห็น Christ the redeemer อันโด่งดังจากระยะไกลด้วยค่ะ เป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ
อันนี้เป็นรูปตอนได้ไปเที่ยวชมใกล้ๆ วันรุ่งขึ้นค่ะ ที่ได้ถ่ายรูปออกมาสวยงามไม่ติดคลื่นมหาชนเพราะเรายอมตื่นเจ็ดโมงเช้าขึ้นเขาไปกลุ่มแรกๆ ก่อนทัวร์จะลงค่ะ ตื่นเช้ากว่ากันไม่มาก แต่การได้ชมสถานที่สำคัญในความเงียบสงบและได้ถ่ายรูปก่อนที่จะคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนนี่คุ้มค่าสุดๆ เลยค่ะ
นอกจากวิวของตัวเมืองและป่าเขาเราก็จะได้เห็นผืนน้ำอันกว้างใหญ่สีฟ้าจัดทอดไกลสุดลูกหูลูกตา คือเวลาที่อยู่ในอากาศโดยรวมแล้วไม่กี่นาทีแต่ประสบการณ์ที่ได้นั้นเราจดจำไปได้อีกนานแสนนานเลยค่ะ ความสวยงามและความน่าทึ่งของการที่ได้ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ไม่มีเครื่องยนต์กลไกใดๆ ทั้งสิ้นอาศัยแต่แรงลมธรรมชาติโอบอุ้มเราให้ค่อยๆ ร่อนลง แถมได้ชมเมืองจากมุมสูงนั้นเป็นอะไรที่สุดวิเศษจริงๆ เป็นการตัดสินใจที่คุ้มมากแม้หลังจากรอดมาได้จะโดนที่บ้านบ่นจนหูชาไปเลยก็ตามที
ระหว่างที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศครูฝึกจะเป็นคนบังคับทิศทางของเครื่องร่อนค่ะ (แถมมีบอกบทให้หันไปโบกไม้โบกมือให้กล้อง Go Pro เป็นระยะๆ ) เครื่องร่อนทุกลำจะเป็นสูตรเดียวกันหมดคือพยายามบังคับให้ร่อนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ แล้วค่อยๆ ลดระดับลงมาเพื่อจอดบนชายหาด
จะวนเป็นวงกลมอย่างที่เห็นในวิดีโอนี่ล่ะค่ะ
ตอนเห็นหาดแอบตกใจว่าแคบเหมือนกัน แต่ครูฝึกทุกคนก็พาลงจอดกันได้ชิลๆ วิธีจอดก็ง่ายนิดเดียว ไม่สะเทือนอะไรทั้งสิ้น แค่ครูฝึกจะผลักตัวเครื่องร่อนไปด้านหน้าให้กินลมแล้วยกตัวขึ้นวูบหนึ่งก็เป็นอันเสร็จ เท้าแตะพื้นเบาๆ สุดสมูทอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ
การเดินทางท่องเที่ยวทวีปอเมริกาใต้ครั้งนี้ยังมีความสนุกสนานตื่นเต้นตามมาอีกมาก แต่การลงเครื่องบินปุ๊บมา hang gliding ปั๊บก็ทำให้เราได้เก็บความประทับใจไว้เต็มเปี่ยมตั้งแต่เริ่มทริป รู้สึกคุ้มตั้งแต่ยังไม่เริ่มตะลุยเที่ยวเสียอีก
เห็นเป็นกีฬาแนว Extreme แต่จริงๆ แล้ว Hang gliding ปลอดภัยมากนะคะ ทางสถิติแล้วมีอุบัติเหตุต่ำมาก ประมาณหนึ่งในหลายแสนครั้งค่ะ ถ้าเราเลือกครูฝึกที่มีประสบการณ์และดูและอุปกรณ์อย่างใกล้ชิดก็ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ
ใครที่ชอบความท้าทายและไม่กลัวความสูงแนะนำให้ลองจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นที่บราซิลหรือที่อื่นๆ อย่างนิวซีแลนด์หากมีโอกาส ได้ลองแล้วคุณจะติดใจอย่างตัวเองคิดว่าถ้ามีโอกาสอีกเมื่อไร ไม่พลาดแน่นอนค่ะ !
ข้อมูลสำหรับใครที่โอกาสไปเที่ยวริโอและอยากตามรอยไปบ้าง ติดต่อครูฝึกคนเดียวกันได้ที่นี่ค่ะ
ตอนนั้นก็คือเสิร์จหาเจอจาก trip adviser ค่ะ คุณฮิลตันแกมีประสบการณ์ มีชั่วโมงบินสูงมากและภาษาอังกฤษดีเลยทีเดียว
ตอนติดต่อก็อีเมลไปบอกวันเวลา แล้วเค้าจะอีกเมลถามรายละเอียดมาอีกที และสามารถมารับที่โรงแรมได้ด้วยล่ะค่ะถ้าไม่ไกลมาก
เกี่ยวกับผู้เขียน
ปกติแล้วจะเป็นบล็อกเกอร์สายรีวิวอาหารค่ะ ติดตามผลงานได้ที่ www.mevblog.com และเพจ www.facebook.com/mevblog
ซึ่งถึงจะเน้นรีวิวอาหารแต่ก็มีรีวิวท่องเที่ยวต่างประเทศบ้างช่นกันเผื่อใครสนใจตามไปลองอ่านกัน
ต่อไปคงทยอยเขียนท่องเที่ยวให้มากขึ้นค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
สำหรับช่องทางอื่นๆ มี IG : FoodiesJournie ที่ผู้เขียนบันทึกอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวจากเรื่องราวประจำวัน
ส่วนของ Mevblog นั้นยังสามารถติดตามได้ทั้ง IG, Twitter และ Pinterest ในนาม "MEVBLOG" นะคะ