ตะลุยแดนมัมมี่ XI เยือน Citadel และ Egyptian Museum ณ Cairo
ปุบปับก็ถึงวันสุดท้ายในอิยิปต์เสียแล้วแอบใจหายกันเล็กๆ
วันสุดท้ายเราใช้เวลาเดินชมเมืองไคโรกันค่ะ
อย่างที่เล่าให้ฟังกันในวันแรก เมืองไคโรซึ่งเป็นเมืองหลวงของอิยิปต์นั้นเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นนอกจากจะมีประชากรเกิน 12 ล้านแล้ว ยังมีรถถีง 2 ล้านคัน ออกไปในเมืองที ผู้คนคลาคล่ำจนมึนหัวกันเลยเชียว
อ่านเรื่องราวตอนก่อนๆได้ที่
"ตะลุยแดนมัมมี่ I ชมพีระมิดเมือง Dashur - Saqqara ตื่นตากับพิพิธภัณฑ์เมือง Memphis"
"ตะลุยแดนมัมมี่ II สัมผัสความอลังการของพีระมิดแห่งกิซ่า...หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก"
"ตะลุยแดนมัมมี่ III ชมวิหาร Deir al-Bahri วิหารของฟาโรห์หญิงผู้เกรียงไกร"
"ตะลุยแดนมัมมี่ IV วิหารแห่งองค์ฟาโรห์...สู่ชีวิตหลังความตายอันเป็นนิรันดร์"
"ตะลุยแดนมัมมี่ V ท่องลักซอร์ตะวันออก ชมวิหารคารนัคอันเลื่องชื่อ"
"ตะลุยแดนมัมมี่ VI ชิลยามบ่ายในลักซอร์ ต่อด้วยแสงสีเสียงตระการตาที่คาร์นัคยามค่ำคืน"
"ตะลุยแดนมัมมี่ VII มุ่งลงใต้ตามคุณไกด์สุดฮิปไปฟังเทพปรณัมของอิยิปต์กันเถอะ"
"ตะลุยแดนมัมมี่ VIII เยือน Sil sila ก่อนจะพากันลอยคว้างกลางแม่น้ำไนล์"
"ตะลุยแดนมัมมี่ IX เยือนเขื่อนอัสวาน ชมวิหาร Abu Simbel"
"ตะลุยแดนมัมมี่ X ฝ่าแดดระอุชมวิหาร Philae และ Unfinished Obelisk"
วันนี้ไม่มีไกด์ค่ะ ไปกันเอง ตารางหลวมๆ ชมบรรยากาศของเมืองหลวงอย่างสบายๆกัน
ก่อนอื่นก็ขอเอารูปโรงแรมมาลง ใครที่ยังไม่เคยมาประเทศแถบนี้อาจจะไม่ค่อยแน่ใจเรื่องความสะดวกสบาย แต่ถ้ามาที่เมืองหลวงอย่างไคโรนี่ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ เพราะมีความเป็นตัวเมืองสูงมากอะไรๆก็ค่อนข้างเจริญ
คืนสุดท้ายนี่หลังจากเหนื่อยตะลอนๆกันมานาน เราก็เลยวางแผนเลือกที่จะพักที่โรงแรมแมริออทบรรยากาศของแมริออท ไคโรนี่ก็หรูหราใหญ่โตไม่แพ้ที่ไหนๆ
ที่เราติดใจก็เห็นจะเป็นร้านคอฟฟี่ชอปที่มีขนมปังและเค้กแสนอร่อย อีกทั้งบริเวณระเบียงริมสระว่ายน้ำที่มีโต๊ะไม้ให้นั่งพักคุยเล่นกันอย่างชิลๆ โรงแรมที่นี่บริการก็ดีสมราคา ตอนเราจะออกมาเขาก็เรียกแท็กซี่ให้
แท็กซี่ที่ทางโรงแรมติดต่อมาเป็นแท็กซี่ที่เรียบร้อยที่สุดที่เจอมา ตั้งแต่มาอิยิปต์ตอนแรกเราติดใจจะให้อยู่กับกลุ่มเราทั้งวัน แต่ลุงคิดค่ารอค่อนข้างแพงเราเลยตัดสินใจไปเอาคันใหม่เอาดาบหน้าแทน
เช้านี้เริ่มกันที่ Citadel ค่ะ อ่านพบมาว่า Citadel ไซต์ที่นักท่องเที่ยวนิยม วิวสวย เราก็เลยไปกัน
หลังจากไปเห็นความยิ่งใหญ่ของวิหารอิยิปต์โบราณเก่าแก่หลายพันปี มาเห็นของยุคใหม่ๆบ้างนี่กลับรู้สึกจืดไปเลย
ก่อนเข้าเค้าให้ถอดรองเท้าค่ะ ข้างในเป็นพรม มีไฟแขวนกันระย้าย้อย ด้านบนมีหลายโดมดูแปลกตาผนังด้านหลังตัวแท่นบูชา เป็นหินอ่อนลวดลายสวยงาม
ความที่อยู่บนเนินเขาสูงจากตรงนี้จะเห็นวิวของเมืองไคโรทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
ทะลุจากตัวโบสถ์เข้าไปด้านในได้อีกมีทางเดินรอบๆคล้ายศาลาราย มีศาลาอยู่ตรงกลาง
การไม่มีไกด์ก็แย่อย่างตรงที่ไม่รู้ความสำคัญของสิ่งต่างๆที่เห็นนี่ล่ะค่ะ ต้องกลับไปอ่านทำการบ้านเพิ่มเติม
หลายๆ ครั้งจะติดคู่มือพวก lonely planet หรือ eye witness travel มา บางเมืองก็เขียนละเอียดมาก อ่านให้กันฟังแทยการมีไกด์ได้เลย แต่บางที่ก็จะเขียนเพียงสั้นๆ เท่านั้นเองค่ะ
ตอนเดินออกเจอเด็กกลุ่มใหญ่มาทัศนศึกษา เรากลายเป็นตัวประหลาดไปเลย มีเด็กแห่กันมาดู อาจจะว่าปกติเจอนักท่องเที่ยวยุโรปบ่อยกว่าเอเชียหรืออย่างไรไม่ทราบ เด็กๆ ส่งเสียทักทายกันใหญ่ คนใจกล้าๆหน่อยก็คว้ากล้องขึ้นมาถ่ายรูปพวกเรา เรายิ้มแล้วโบกมือให้ น้องหนูๆบางคนเดินมาซะใกล้ มาทำท่าเต๊ะจุ๊ยกะให้ถ่ายรูปเต็มที่ ขำมากๆ กว่าจะฝ่าฝูงเด็กออกมาได้ก็ทั้งเหนื่อยทั้งขำ
ออกจากซิทาเดลมาเราก็เรียกแท็กซี่ให้พาไป Khan el Khalili Bazaar ซึ่งอยู่ในส่วนของ Islamic Cairo แบบว่าอยากไปเดินดูตลาดแบบพื้นเมืองซักหน่อย
เราเริ่มจากไปเดินหาร้าน Khan el-Khalel restaurant ที่ Lonely Planet แนะนำ
ไปถึงก็เจอกับความรู้หราอลังการ ราวโรงแรมห้าดาวไม่ปาน แอร์เย็นฉ่ำ ขัดกับบรรยาการพื้นเมืองๆที่ต้องการ เราก็เลยเชิดใส่ เดินออกไปนั่งร้านข้างฟุตบาท คือร้าน Al-Halwagy ที่มีในโลนลี่เหมือนกัน
แถวตลาดมีตรอกซอกซอยเล็กๆวุ่นวาย กว่าจะหาจากแผนที่เจอก็ใช้พลังงานอีกโข นี่ขนาดมากับหนุ่มๆที่เก่งเรื่องดูแผนที่ มาเองนี่ยอมแพ้ไปนานแล้ว ร้านนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง อาหารพื้นๆ อย่างเคบับ ชวามา พาลาเฟลก็ทำได้รสชาติดี ราคานี้ก็ย่อมเยา
ที่ติดใจเป็นพิเศษก็เจ้าน้ำ Hibiscus ที่วันนี้มาในรูปแบบเย็น ชื่นใจ พอสู้กับอากาศร้อนแดดเปรี้ยงกับเค้าได้บ้าง
อิ่มกันเสร็จ ก็เดินเข้าไปนั่งเล่นต่อในร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดในย่านคือร้าน Fishawi
ร้านนี้คนนั่งสูบชิชากันปุ๋ยๆมากมาย แถมมีฝรั่งมาถ่ายสารคดีอยู่หน้าร้าน มีกล้องไมค์ตัวยักษ์เดินตามไปมาอีกด้วย เชื่อแล้วว่าฮิตมาก
เราก็สั่งกาแฟ สั่งน้ำมานั่งจิบกัน น้ำมะม่วงที่นี้เต็มเนื้อเต็มหนังมาก ข้นคลั่กได้ใจน้ำสตรอเบอรี่ก็อร่อย ส่วนคุณพี่ยังติดใจน้ำกระเจี๊ยบไม่หาย สั่งมาซดอีกคำรบหนึ่ง จิบกันเพลินๆ ถูกรมควันเพลินๆก็เลยสั่งชิชามาลองดูดกะเค้ามั่ง เราดูดไม่เป็น ควันไม่ออก เพื่อนๆ ก็ฮากันไป
ดับกระหายแล้วก็ออกมาสู้แดดร้อนเปรี้ยงกันอีกครั้ง
บรรยากาศตลาดคึกคัก ของขายก็มีสากกระเบือยันเรือรบ
ที่นี่มีทั้งส่วนที่เป็นตลาดเครื่องเทศ และตลาดเครื่องเงินเครื่องทอง ตลาดที่นี่มีของแปลกตาน่าดูหลายอย่าง
ของใช้ของขายสะท้อนให้เห็นลักษณะชีวิตประจำวัน และวัฒนธรรมของชาวอิยิปต์
ที่เห็นแล้วชอบมากคือเด็กส่งขนมปังค่ะ เค้าจะใช้ศีรษะเทินตะกร้าเดินขาย หัวแข็งนะนี่
ร้อนๆ เหนื่อย ๆ เราก็เลยล้มเลิกความตั้งใจที่จะไป Coptic Cairo ดูโบสถ์ต่างๆ แต่มุ่งตรงไปที่ Egyptian museum เลยแทน
งานนี้ได้เข้าไปชมวัตถุโบราณกันอย่างฉ่ำปอด
ที่นี่เค้าเข้มงวดมาก กล้องต้องฝากไว้ข้างนอก สแกนเจอนี่ต้องออกไปฝากใหม่ทีเดียว
ข้างใน Egyptian museum มีมัมมี มีวัตถุโบราณ มีเครื่องทอง มีโลงศพเยอะมากป้ายบอกชื่อก็เป็นลายมือเขียน กระดาษเหลืองเชียว อ่านยากหน่อย งานนี้ไม่มีไกด์เลยหมดสนุกไปเลย ได้แต่นั่งดูรูปเทพเล่น ก็ดูเป็นแล้วนี่นา ไกด์สอนวิธีสังเกตมาหมดเรียบร้อย
เวลาเห็นของที่ล้ำค่าที่สุดของอิยิปต์ไปโผล่ที่ลูฟบ้าง บริติชมิวเซียมบ้างก็แอบเศร้า ไม่นับพวกชิ้นที่ยังแย่งกันอยู่อย่างรูปปั้นเนเฟอร์ติตี้ที่อยู่ที่เบอร์ลิน หรือมัมมี่พระศพของฟาโรห์องค์สำคัญๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ
ห้องที่น่าสนใจมากก็คือห้องของฟาโรห์ตุตันคามุน (Tutankhamun) ซึ่งมีของน่าสนใจหลายอย่าง ตั้งแต่โลงศพซึ่งคล้ายๆตุ๊กตารัสเซีย คือจะทำโลงเล็กใส่ในโลงใหญ่กว่าไปเรื่อยๆหลายๆชั้น หรือหน้ากากทองที่คงได้เห็นกันจนชินตา
จบมิวเซียมไปเรียบร้อย เราก็คว้าแท็กซี่กลับโรงแรมไปนั่งอืดพุงดูรูปกัน
ตกเย็นจึงออกไปตระเวณหาร้านอาหารคราวนี้เลือกร้านใกล้ๆ เนื่องจากเริ่มเอียนอาหารอิยิปต์
วันนี้เลยมาแนวอิตาเลียนตามโพยโลนลี่เช่นเคยคือร้าน L’Aubergineร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์น
พาสต้าที่สั่งมาก็อร่อยสุดใจทุกอันเลย ปลื้มกับอาหารเสร็จแล้วก็ออกไปสนามบิน
จบการเดินทางในอิยิปต์ไปอย่างสุดแสนประทับใจ
ขอบคุณทุกๆ คนมากนะคะที่ติดตามกัน
หวังว่ารีวิวนี้จะทำให้หลายๆ ท่านสนใจและอยากไปลองเที่ยวแถบนั้นดูบ้าง
ส่วนตัวติดว่าอิยิปต์นั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์และอารยธรรมต่างๆ ที่น่าทึ่ง เป็นอีกที่ที่ควรค่าแก่การไปเที่ยวชมจริงๆ ค่ะ
ติดตามรีวิวอาหารและท่องเที่ยวได้ที่ www.foodiesjournie.com
และแวะคุยกับเราที่ www.facebook.com/foodiesjournie นะคะ