Exclusive Tasting Dinner: ชิมเมนูอาหารจีนตำรับเด็ดฝีมือเชฟคนใหม่ @Man Ho, JW Marriott
สวัสดีค่ะทุกคน
ใกล้ช่วงฉลองตรุษจีนเข้าไปทุกที วันนี้เลยถือโอกาสพาตามไปชมงานเปิดตัวเชฟใหม่ของห้องอาหารจีนชื่อดัง Man Ho ที่ JW Marriott กันค่ะ เผื่อใครที่ยังไม่ทันได้เตรียมตัวจองโต๊ะเพื่อไปฉลองตรุษจีนจะได้รีบจองกัน หรือบ้านไหนที่ชอบพาครอบครัวใหญ่ไปสัมผัสประสบการณ์ประทับใจกับอาหารจีนรสชาติเด็ด จะได้มีทางเลือกไว้สำหรับไปชิมกันในวันเสาร์อาทิตย์ของแต่ละสัปดาห์
ที่เน้นย้ำแนะนำร้านนี้เป็นพิเศษสำหรับครอบครัวใหญ่ก็เพราะทางร้านบรรยากาศดี คิดว่าผู้ใหญ่ที่คุ้นชินกับร้านอาหารจีนสไตล์ดั้งเดิมน่าจะถูกใจ
แถมยังมีบริเวณกว้างขวาง
มีห้องส่วนตัวขนาดใหญ่อยู่หลายห้อง
ทั้งที่เป็นห้องปิดประตูไม้มิดชิด หรือบริเวณด้านในห้องอาหารห้องใหญ่ที่สามารถกั้นฉากเป็นบริเวณส่วนตัวให้ครอบครัวใหญ่คุยไปกินไปได้อย่างสนุกสนาน
เชฟ Teng Kam Seng นั้นมีประสบการณ์ทำงานในร้านอาหารจีนมาหลายสิบปีในห้องอาหารโรงแรมระดับห้าดาวหลายแห่งหลายประเทศทั่วโลก จึงเป็นโอกาสดีที่ตอนนี้ทาง JW Marriott สามารถดึงตัวเชฟฝีมือเยี่ยมระดับนี้มาทำอาหารตำรับเด็ดๆ ให้เราชิมได้ในกรุงเทพฯ
ด้วยความที่เคยทำอาหารในหลายภูมิภาคของจีน เชฟ Teng จึงทำอาหารได้ทั้งสูตร Shandong, Guangdong, Cantonese, Sichuan, Zheng Jiang และอีกมากมายหลายขนาน
คุณเชฟใจดีได้คุยให้ฟังว่า ได้เพิ่มเมนูอีกกว่าสี่สิบเมนู ให้ลูกค้าได้มาลิ้มลองกัน
ซึ่งเราจะนำสิบเมนูใหม่หลากหลายสไตล์มาให้คุณได้ลองชมกันใน Exclusive Tasting Dinner ในค่ำคืนนี้ค่ะ
ทางโรงแรม JW Marriott ได้อุตส่าหฺเชิญพวกเรามาลองชิมกัน ดังนั้นงานก็ต้องไม่ธรรมดา
ตั้งแต่ welcome cocktail แบบจีนที่ใช้ รัม น้ำมะนาว น้ำเก็กฮวยและเหล้าจีนเป็นส่วนผสม
ไปจนถึงเปาะเปี๊ยะกุ้งที่ด้านนอกทำมาทั้งฟูทั้งกรอบไม่เหมือนที่ไหน
ได้เวลาแล้วเราก็เข้าไปชมเชฟทำอาหารกันถึงในครัวเชียวค่ะ
ซึ่งเครื่องปรุงทั้งหมดที่เป็นอาวุธลับคู่มือของเชฟได้ถูกวางเรียงไว้ให้เราได้แอบศึกษา
โต๊ะที่นั่งทานนั้นก็จัดในห้องครัว ได้ความรู้สึกพิเศษส่วนตัวและได้ชมการทำอาหารของเชฟอย่างใกล้ชิด
เริ่มกินกันจริงจังด้วยสองเมนูเรียกน้ำย่อย ที่เสิร์ฟมาพร้อมเพรียงกัน
Poached sea whelk with vinegar wasabi sauce
หอยสังข์รสสัมผัสกรุบๆ ใช้ซอสวาซาบิผสมด้วย เพื่อเพิ่มความรู้สึกคลีนๆ
River prawn with crispy cucumber
กุ้งแม่น้ำกับสลัดแตงกวาญี่ปุ่นดองซอส XO
สองเมนูนี้เป็นเมนูสูตร Shandong ที่เป็นเมนูประจำฤดูร้อน เน้นให้รสชาติสดชื่น
เชฟใช้แตงกว่าพื้นถิ่นของ Shandong ที่เล็ก ยาว และรสชาติเฉพาะตัว มีเอกลักษณ์ต่างจากแตกกวาไทย แต่เลือกใช้กุ้งแม่น้ำซึ่งเป็นวัตถุดิบไทยๆ เพื่อให้เมนูนี้มีความผสมผสานที่ลงตัว
ต่อมาเป็น Braised crab claw with dried scallop soup
เมนูซุปปูก้ามโต ใส่บวบ
ตัวน้ำซุปเข้มข้น เต็มไปด้วยหอยเซลล์แห้งหรือที่ชาวจีนเรียกว่ากังป๋วยและเนื้อปูแกะที่ให้มาแบบไม่หวง
ถัดมาด้วยเมนูเด็ด ที่แย่งกันทานจนหมดไปอย่างว่องไวชั่วพริบตาอย่าง Roasted chicken with sesame
เมนูนี้เป็นเมนู Guangdong ตัวไก่เตรียมการกันนานเป็นวันๆ โดยวันแรกหมักในสมุนไพรห้าชนิดจนรสซึมเข้าเนื้อ จากนั้นวันที่สองจึงตากแห้งโดยการเป่าจนพองทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วจึงนำมาอบจนหนังกรอบ
ความกรอบนั่นกรอบจนกัดแล้วคนที่นั่งตรงข้ามได้ยินเสียงเลยทีเดียว
เคล็ดลับของจานนี้คือเชฟเลือกใช้ไก่ไทย ซึ่งไก่ป่าเหล่านี้จะเนื้อแน่นไขมันน้อย
พออบพอดีเป๊ะๆ ด้วยความเชี่ยวชาญจึงได้ออกมาเป็นไก่อบที่กรอบนอกนุ่มในและหอมกลิ่นงาเน้นๆ
จานถัดมาเป็น Crispy scallop with butter egg floss
เมนูนี้เปลี่ยนมาเป็นสไตล์เสฉวนบ้าง เป็นหอยเชลล์ ห่อใบจินจู่ฉ่ายที่ทอดจนกรอบ วางบนแอสพารากัส ราดมาด้วยซอสถั่วลิสงรสเผ็ดสมกับเป็นสไตล์เสฉวน มีไข่ฝอยวางมาข้างๆ อีกที
จานนี้ไข่ฝอยไม่ค่อยมีรสชาติและอาจดูไม่เข้ากันเท่าไรนัก แต่ความสร้างสรรค์ของเชฟก็ทำให้การจัดจานมานำเสนอดูสวยงามดูทันสมัยสมเป็นอาหารที่เชฟบอกว่าเป็นสไตล์โมเดิร์น
ต่อกันที่ Deep fried pork ribs with "Zheng Jiang" vinegar sauce
ซี่โครงหมูทอดซอสจินเจียงก็เป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ใครๆ ก็ลงความเห็นกันว่า มาร้านนี้แล้วต้องสั่ง
เพราะเชฟทำเมนูสูตรเซี่ยงไฮ้จานนี้ออกมาได้รสชาติเข้มข้นหอมมัน โดยใช้น้ำส้มสายชูที่ส่งตรงมาจากจินเจียงซึ่งปกติเปรี้ยวจัด แต่นำมาเคี่ยวจนข้นหนืดและรสชาติเปลี่ยนแปลงไปจนกลมกล่อมพอดิบพอดี
นอกจากจะจัดเคียงมากับผักกวางตุ้ง จานนี้ก็ยังมีขิง หอมแดง และเกาลัดเป็นส่วนประกอบเพื่อเพิ่มรสชาติอีกด้วย
Braised bamboo fish in "traditional style" กลับเป็นจานที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดในอาหารค่ำมื้อนี้
ปลาบู่น้ำแดงทำขึ้นตามตำรับดั้งเดิม เน้นรสชาติมากกว่าหน้าตำ ทำออกมาทานแล้วรู้สึกอบอุ่นราวกับได้ทานรสมือแม่
ตัวปลาบู่ชิ้นโตเนื้อแน่น มากับหมูสามชั้นและฟองเต้าหู้
จานนี้เป็น home-style cooking อย่างแท้จริง โดยนำตำรับอาหารจีนจากทางตอนใต้ของจีนมาทำ เสิร์ฟมาในหม้อดินโถใหญ่ เหมาะกับทานกันเป็นครอบครัว
Homemade tofu with shimeiji mushroom and abalone sauce
เต้าหู้สดกับเห็ดชิเมจิซอสเป๋าฮื้อเป็นเมนูตำรับ Cantonese ที่ทานง่ายดูสุขภาพดี มีกลิ่นหอมของเห็ดและรสอ่อนๆ ไม่หนักเค็มของซอสเป๋าฮื้อมาควบคู่
ที่ชอบที่สุดคือการใช้เต้าหู้ทำมือ ที่เชฟโชว์ความสามารถทำออกมาเสียนุ่มเนียนโดนใจ ผิวด้านบนของเต้าหู้ยังแอบมีผักโขมขูดฝอยเพิ่มรสชาติ
เริ่มอิ่มแล้วแต่ยังไม่หมดเท่านี้ ยังมี Fried 'Pa Ku" vegetables with black bean dace fish เมนูจาก Guangdong
เนื้อปลาผัดเต้าซี่ผัดผักกูดจานนี้ ใช้ปลาหมักเต้าซี่แบบกระป๋อง นำมาผัดกับผักกูด ไม่รู้จะบรรยายยังไงแบบว่ามันรสชาติแบบ จีนมากๆ
ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเต้าซี่ แถมจานนี้รสค่อนไปทางเค็มจัด เลยไม่ค่อยประทับใจเท่าจานอื่นๆ
ปิดด้วยจานข้าวผัด Fried rice with Hong Kong sausanges and taro
ข้าวผัดกุนเชียงฮ่องกงกับเผือกจานนี้เสิร์ฟในหม้อดินร้อนๆ มีการคลุกให้ดังฉ่าๆ จอนมาเสิร์ฟข้างโต๊ะ ทำให้มีข้าวบางส่วนถูกจี่จนกรอบคล้ายๆ ข้าวตัง
แม้จะอิ่มมาก แต่พอเจอของอร่อยก็สามารถเปิดกระเพาะใหม่มาจัดการได้ต่อ จานนี้เด็ดที่กุนเชียงจากฮ่องกงที่หวานเค็มกำลังพอดี ยิ่งกินยิ่งเพลิน พอเริ่มเค็มไปก็หยิบเผือกนุ่มๆ รสชาติละมุนมาเคี้ยวตาม ได้สมดุลกำลังดี เลยเป็นจานที่ทานได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ
สุดท้ายท้ายสุดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากของหวาน
Pear with red wine & osmanthus and white fungus
สาลี่ไวน์แดงเห็ดหิมะกับดอกหอมหมื่นลี้ เมนูจากตอนเหนือของประเทศจีนจานนี้มีคะแนนเต็มแค่ไหนเทให้หมดใจเลย เพราะตัวสาลี่ตุ๋นมาจนนุ่ม รสชาติหอมกำลังดี เข้าใจว่าต้องแช่ไว้ก่อนถึงสามวัน เห็ดหูหนูขาวกรุบนิดๆ หวานหอม ทานกับน้ำหอมหมื่นลี้ที่หอมสมชื่อ เสิร์ฟมาเย็นๆ แสนสดชื่น เหมาะกับเป็นจานล้างปากปิดท้ายอาหารจีน
โดยรวมแล้วเชฟคนใหม่นั้นดูมีฝีมือสมคำร่ำลือ เมนูใหม่ดูน่าสนใจชวนให้ไปลิ้มลอง
ใครที่อยากจะจองโต๊ะจีนสำหรับตรุษจีน ทางห้องอาหารก็มีชุดหลากหลายแบบให้เลือกสรร หรือใครอยากจะไปทานกันในโอกาสอื่นๆ ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่อาหารอร่อยบริการดี และนอกจากนี้ ทางห้องอาหารยังมีบุฟเฟต์ติมซำมื้อกลางวันให้อร่อยแบบไม่อั้นในราคาเพียง 790B net สำหรับวันธรรมดา และราคาขึ้นเป็นพันกว่าๆ สำหรับวันเสาร์อาทิตย์
ชิมแล้วประทับใจจึงได้มาบอกต่อ ตามรอยไปลองทานกันได้ที่ โรงแรม JW Marriott นะคะ
***
ติดตามงานเขียนอื่นๆ ของเราได้ที่ www.foodiesjournie.com
และแวะไปพูดคุยทักทายกันได้ที่หน้าเพจ www.facebook.com/foodiesjournie นะคะ