บุฟเฟต์ทะเลเน้นๆ! ปูยักษ์จากชิลี กั้งเผาบนเตาถ่าน ของหวานอีกเพียบ @The Berkeley Hotel
เดี๋ยวนี้มีบุฟเฟต์มากมายหลากหลายให้เลือกสรรจนนักชิมอย่างเราๆเลือกกันไม่หวัดไม่ไหว
วันนี้ขอแนะนำ The Berkeley Hotel Pratunam ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนชอบทานบุฟเฟต์อาหารทะเลค่ะ
เพราะทางโรงแรมจัดหนักจัดเต็มให้ได้อิ่มกันสุดคุ้มกับ Charcoal Grill Seafood Buffet บุฟเฟต์ปิ้งย่างสุดอลังการที่ขนปูยักษ์จากชิลี หอยนางรม หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งแม่น้ำ กั้ง ปลาหมึก หอยหวาน มาให้คุณเลือกทานได้ตามชอบใจไม่ว่าจะทานดิบๆจาก raw bar หรือจะเลือกให้เชฟย่างให้บนเตาถ่านให้ได้กลิ่นหอมๆชวนน้ำลายสอ
อีกทั้งยังมีอาหารนานาชาติอีกมากมายให้คุณอิ่มได้ไม่อั้นในราคา 1,800B net!
สำหรับบุฟเฟต์ซีฟู้ดของที่นี่จะจัดทุกค่ำคืนวันศุกร์และวันเสาร์ เวลา 18.00-22.30น ที่ The Berkeley Dining Room ชั้น 10
บรรยากาศของห้องอาหารโปร่งโล่งสบาย พื้นที่กว้างดูโอ่โถง
เมื่อมาถึงคุณสามารถแวะไปที่บาร์
และ เลือกสั่งไวน์หรือค็อกเทลมานั่งจิบได้เลยฟรีหนึ่งแก้ว
จากนั้นก็ถึงเวลาเอร็ดอร่อยไปกับอาหารทะเลที่เรารอคอย
เราเริ่มกันที่ raw bar
ปูยักษ์จากชิลีของที่นี่สดจริงอร่อยจริง
เนื้อหวานเจี๊ยบ ทานกับมะนาวหรือน้ำจิ้มซีฟู้ดจะได้อารมณ์มาก
ใครชอบหอยก็มีหอยนางรมให้หยิบกันตามสะดวก
ค็อกเทลกุ้งก็มี
หอยแมลงภู่ของที่นี่มาจากนิวซีแลนด์
จากนั้นก็แวะไปสั่งอาหารทะเลแนวปิ้งย่างซึ่งจะจัดตัวเตาถ่านไว้ที่ด้านนอกที่เป็น open air ไม่ต้องกลัวหัวเหม็นควัน
อันนี้ชอบกั้งและกุ้งแม่น้ำเป็นพิเศษเพราะทำมาได้สุกกำลังพอดีไม่แห้งจนเกินไป ข้าวโพดปิ้งก็หวานอร่อย
แวะต่อกันที่มุมอาหารญี่ปุ่นที่มีซูชิ ซาชิมิและโรลหลายแบบ
คำถามในใจหลายๆคนคงเป็นเรื่องคุณภาพของแซลมอน ซึ่งของที่นี่สดใช้ได้ทานกันเพลินเลยทีเดียว
ใครอยากได้ยำสาหร่ายหรือโซบะเย็นไปทานเคียงก็มีให้หยิบค่ะ
หรือถ้าชอบอาหารญี่ปุ่นจานร้อนก็มีเทมปุระและไข่หวานในฝั่งโซนอาหารร้อนให้ทานกัน
ในส่วนของสลัดบาร์ก็มี Salad bowl ให้คลุกเคล้า Caesar Salad ของคุณให้เข้ากัน
ชอบทาน dressing แบบอื่นก็มีน้ำสลัดอีกห้าหกชนิดจัดไว้ให้คุณลอง
หรือถ้าอยากจะชิมสลัดถ้วยเล็กๆ กับปลาทูน่าหรือหอยแมลงภู่ ก็จะมีจัดไว้ให้
สำหรับสาวกแซลมอนก็คงไม่พลาดที่จะลิ้มลองสลัดคู่กับ Smoked Salmon
ที่นี่มี Sour Cream และเครื่องเคียงหลายแบบให้เลือกทานคู่กับแซลมอนรมควัน
ปกติส่วนตัวแล้วชอบนำมาทานกับขนมปังและชีส
ซึ่งชีสที่นี่มีทั้งแบบ firm และ soft มีผลไม้แห้งและถั่วหลายชนิดทั้งพิสตาชิโอ พีแคน แมคคาดีเมียให้ทานคู่กัน
รวมไปถึงมี Cold cuts ที่มีเนื้อรมควันและแฮมหลายชนิด
ส่วนขนมปังก็มีหลายแบบ
ชอบ Taro bread ที่ใส่เผือกจนได้เป็นสีม่วงสวยงาม
ทานสลัดทานขนมปังแล้วก็ต้องต่อด้วยซุป
ที่นี่ซุปข้นกุ้งก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์
นอกจากจะมีเนื้อกุ้งอยู่ในซุปเพียบก็ยังมีลูกเล่นพิเศษคือตัวแป้งเพสตรี้กรอบๆฟูๆที่ครอบมาบนซุปข้นกุ้ง ทานแล้วเข้ากันสุดๆ
อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คงเป็นจานเนื้อ สำหรับ ไก่ หมู แซลมอน เนื้อวัว แกะ หรือ ไส้กรอก นั้นก็สามารถสั่งให้นำไปย่างให้ได้
และมีส่วนที่เป็นขาแกะอบที่เชฟยืนคอยแล่ให้ตามสั่ง
แกะอบยังสุกน้อยไปนิดและเหนียวไปหน่อยเลยยังไม่ฟินเท่าที่ควร
แต่ชอบที่ตัวน้ำเกรวี่มีเตาอุ่นทำให้ได้ทานแกะกับเกรวี่ที่ยังร้อนๆ ไม่เย็นชืด
ถัดจากสเตชั่นแกะก็เป็นอาหารอินเดียก็จะมีขนมปังนานแบบอินเดียให้ทานคู่กับแกงกะหรี่หอมมัน
ส่วนฝั่งอาหารไทยก็มีเมนูรสจัดจ้านเพียบ
ทั้งอาหารเรียกน้ำย่อยที่เป็นของทอดต่างๆ จัดอยู่ในถ้วยเล็กๆ น่ารักทานสะดวก
ทั้งแนวยำต่างๆ
หรือจะเป็นแนวสำหรับคนรักสุขภาพอย่างผัดผักรวม
และ ปลากะพงนึ่งมะนาว
ส่วนใครชอบอาหารฝรั่งก็มีพาสต้าที่จัดใส่จานเล็กไว้ให้เช่นกัน
ปิดท้ายด้วยของหวานที่มีผลไม้สดมีขนมไทยให้ทาน
มีสตรอเบอร์รี่ฟองดู
มีไอศกรีม ete
มีเค้ก บราวนี่ และทาร์ต รวมไปถึงมูสในแก้วสีสดสวย
ที่ถูกใจในความกล้าคือเค้กทุเรียนที่คนทานเองก็ต้องอาศัยความกล้าพอสมควรในการชิม
แต่พอชิมแล้วปรากฏว่าหอมอ่อนๆ เนื้อนวลๆ ทานง่ายกว่าที่คิด
อีกตัวชูโรงของฝั่งขนมหวานก็คือสเตชั่นแพนเค้กที่มีเชฟมาทำให้สดๆใหม่ๆ และมีเครื่องเคียงเพียบทั้งซอสทั้งผลไม้และถั่วต่างๆ
โดยรวมแล้วถูกใจปูยักษ์เป็นที่สุด รองลงมาก็เห็นจะเป็นความหลากหลายของอาหารที่จัดมาได้หลายรูปแบบหลายสัญชาติ
ขนมหวานก็มีฟองดูสตรอเบอร์รี่ที่แปลกแตกต่างจากฟองดูช็อกโกแลตของที่อื่นๆ
และที่สะดวกสบายมากๆ ก็คือวิธีการจัดเรียงที่มีการแบ่งเป็นจานเล็กๆ ไว้ให้อยู่แล้ว ทั้งอาหารจานร้อนและเย็น ทำให้หยิบง่ายทานง่าย ไม่เลอะเทอะ ไม่เสียเวลา
และพิเศษสุดคือโปรโมชันมาสี่ท่าน รับฟรี Canadian Lobster มูลค่า 1,800 บาท ปรุงได้หลายแบบ
โปรโมชันแถมลอบสเตอร์อันนี้ถือว่าคุ้มมาก ควรจะรวมพลให้ได้สักสี่คนมาทานด้วยกันค่ะ
ติดตามชมอาหารเมนูเด็ดและสถานที่ท่องเที่ยวแปลกตาจากประสบการณ์ของผู้เขียนได้ที่ IG : FoodiesJournie
ผลงานรีวิวอาหารและท่องเที่ยวสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.mevblog.com
หรือติดตามได้ที่เพจ www.facebook.com/mevblog
และ IG, Twitter & Pinterest : “MEVBLOG” นะคะ