Sankyodai ร้านซูชิคุณภาพพรีเมี่ยมที่นำหลากหลายเมนูเด็ดส่งตรงจากตลาดปลามาให้คุณ
![Sankyodai ร้านซูชิคุณภาพพรีเมี่ยมที่นำหลากหลายเมนูเด็ดส่งตรงจากตลาดปลามาให้คุณ](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-thumbnail.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
วันนี้มารีวิวร้านโปรดในดวงใจคือร้าน Sankyodai ค่ะ
ร้านนี้อยู่ที่ 24th Avenue สุขุมวิท 24 เดินทางไม่ยากเท่าไร มีทีเด็ดอยู่ที่ปลาสดใหม่ มีปลาหายากหลายอย่างให้ได้ลองชิมหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาลอยู่ไม่ขาด
และที่สำคัญคือเชฟน่ารักใจดี พิถีพิถันและเอาใจใส่กับการทำซูชิอร่อยๆมาให้ลูกค้าได้ฟินทุกครั้งที่ไปอุดหนุนค่ะ
![ซูชินอกเมนูที่คุณเชฟรังสรรค์ขึ้นมาให้ได้ลองชิมกัน](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060018-af3dd8c.jpg)
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับร้านอาหารญี่ปุ่นอันดับต้นๆ ในดวงใจก็คงจะหนีไม่พ้นคุณภาพและความสดของวัตถุดิบ รวมไปถึงความพิถีพิถันในการรังสรรค์ปั้นซูชิชนิดต่างๆ
ร้าน Sankyodai จึงได้ขึ้นแท่นเป็นอันดับแรกๆ ที่เรานึกถึงเมื่ออยากทานซูชิ เพราะนอกจากจะได้อิ่มอร่อยกับวัตถุดิบชั้นเลิศที่เชฟบรรจงทำออกมาให้ลิ้มลอง ก็ยังจะได้อิ่มอกอิ่มใจกับความรู้สึกดีๆ ที่ได้จากการบริการอันน่าประทับใจของทางร้านกลับมาด้วยเสมอ
![ตั้งใจทำมากจริงๆค่ะ บรรจงจัดวางจนงามงดทุกจาน](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060018-b7b4d84.jpg)
ใครที่จะมาลองชิมร้านนี้แนะนำให้จองเป็นที่ sushi bar เพราะนอกจากจะได้พูดคุยสะสมความรู้เกี่ยวกับปลาชนิดต่างๆ จากคุณเชฟผู้ใจดี คุณยังจะได้พินิจพิจารณาเทคนิคในการรังสรรค์อาหารแต่ละจานของเชฟอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
ครั้งแรกที่เราไปคนไม่มากจึงได้ถามไถ่เชฟกันอย่างจุใจ
เริ่มจากจาน San Umi Sake Sashimi (480 บาท) เป็นซาชิมิแซลมอนชิ้นโต มีที่มาจากสามแหล่งด้วยกัน ทั้ง Norway Tasmanian และ King Salmon
![Salmon สามแหล่งน้ำ](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060018-55ff255.jpg)
ส่วนตัวชอบ King Salmon มากที่สุด บางครั้งเมนูนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงตามวัตถุดิบที่มี บางทีก็จะมีโอกาสได้ชิมแซลมอนจาก Lochduart มาไกลจากทางเหนือของสก็อตแลนด์เลยทีเดียว
แซลมอนซูชิของที่นี่ก็มีหลายแบบ แบบดั้งเดิมก็มี แบบฟิวชันก็อีกหลายเมนู
อย่างถ้าสั่งแบบ Salmon Toro ส่วนท้องที่มีมันเยอะหน่อยก็สามารถสั่งให้เป่าไฟได้ออกมาจะหอมมันยิ่งขึ้น
![Salmon Aburi](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060018-b61e29f.jpg)
หรือถ้าอยากชิมความแปลกใหม่แนะนำให้ลอง Jelly Belly (130 บาท) แซลมอนส่วนท้องที่มากับซอสพอนซึที่นำไปทำเป็นเยลลี่ รสเค็มและเปรี้ยวของพอนซึนั้นเข้ากันได้ดีกับแซลมอนอยู่แล้ว ยิ่งทำเป็นเยลลี่ก็ยิ่งให้รสสัมผัสที่พิเศษยิ่งขึ้นไปอีก
![Jelly Belly (130 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060018-73fab27.jpg)
เมนูปลาดิบของทางร้านมีให้มากจนแทบเลือกไม่ถูก
เราเลือก Ika (70 บาท)
![Ika Sushi (70 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060018-16ec9d3.jpg)
Madai Ikura Sushi (190 บาท)
![Madai Ikura Sushi (190 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060018-896bd0c.jpg)
และ Kinmedai Sushi (310 บาท)
![Kinmedai Sushi (310 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060018-2c4de16.jpg)
ลองแล้วอร่อยทุกอย่างจริงๆ
จุดเด่นของร้าน Sankyodai คือการนำเข้าวัตถุดิบพิเศษส่งตรงจากตลาดปลา tsukiji มากันเลย ดังนั้นก็จะมีปลาสดตามฤดูกาล และสามารถนำเสนอหลายๆ อย่างที่เราเองก็อาจไม่ได้ทานกันบ่อยนัก เช่นปลา Nodoguro (Blackthroat Seaperch) ที่มีน้อยร้านจริงๆที่จะมีขาย หรือ Kawahagi ปลาหน้าวัวที่จะทานคู่กับตับจึงให้ความหอมมัน และอีกมากมายซึ่งเมื่อแวะเวียนไปหลายรอบเข้าก็จะได้รู้จักได้ลองปลาใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ
อย่าง Akagai หรือหอยแครงที่นี่ก็มีให้ได้ลิ้มลอง
![Akagai Sushi](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060018-8d7f8a1.jpg)
หอยแครงที่นี่สดมากเนื้อกรุบกรอบ
หรือบางวันก็จะมี Karsuki Hotate Sashimi (700 บาท) หรือหอยเชลล์เป็นๆ รสหวานเจี๊ยบมาให้ได้ชิม
![Karsuki Hotate Sashimi (700 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060019-c431cfd.jpg)
Amaebi Sushi (140 บาท) หรือกุ้งหวานของที่นี่ก็สด
![Amaebi Sushi (140 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060019-6a5466a.jpg)
ที่ประทับใจมากก็คือ Kuruma Ebi (260 บาท) กุ้งคุรุมะที่เนื้อสดหวานรสแตกต่างชัดเจนจากกุ้งธรรมดาทั่วไป
![Kuruma Ebi (260 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060019-0603993.jpg)
อีกหนึ่งเมนูที่ขึ้นชื่อของร้านก็เห็นจะเป็น Otoro (460 บาท) หรือส่วนท้องของปลาทูน่า
![Otoro (460 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060019-b6cdb00.jpg)
ชิมมาหลายร้านบอกได้เลยว่า Otoro ร้านนี้คุณภาพสูงหาตัวจับยาก เนื้อนี่แทรกมันจนนุ่มละลายในปากทันทีที่สัมผัส ไม่เคยเจอเส้นใยให้ระคายใจเลยสักครั้ง
ดูจากรูปก็คงพอจะบอกได้ว่า Otoro ของที่นี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ยิ่งทานกับไข่ปลาคาเวียร์เค็มๆที่ทางร้านให้มาเคียงกัน รสชาติเข้ากันอย่าบอกใคร
สำหรับคนชอบทานซูชิแบบเป่าไฟ ที่นี่มีให้เลือกหลายอย่าง
ส่วนตัวคิดว่าเซต Seikai Aburi (1,450 บาท) นั้นคุ้มค่าที่เดียวเพราะมีทั้ง Otoro, Kuruma Ebi, Engawa, Matsuzaka Beef, Foie Gras และ Beef Tongue ในชุดเดียว วัตถุดิบชั้นเยี่ยมพอเป่าไฟมาก็จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ รสสัมผัสนุ่มกำลังพอดี ครีบปลาตาเดียวของที่นี่ยังไม่ค่อยหอม แต่อย่างอื่นอร่อยจนไม่รู้จะติอะไร โดยเฉพาะเนื้อและตับห่านที่เราชื่นชอบมากจนต้องสั่งเพิ่ม
![Seikai Aburi (1,450 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060019-be764e2.jpg)
โดยลองสั่งเป็น Foie gras Engawa Matsuzaka Sushi (650 บาท) ที่มีวัตถุดิบชั้นเลิศทั้งสามในคำเดียวกัน
![Foie gras Engawa Matsuzaka Sushi (650 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060019-0790aaf.jpg)
ส่วนถ้าชอบอีกคอมโบหนึ่งก็สามารถสั่งเป็นคู่อย่างสั่งเพียง Foie gras Engawa Sushi
![Foie gras Engawa Sushi](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060019-5611728.jpg)
หรือ Foie gras Matsuzaka Sushi (550 บาท) ก็ได้
คุณเชฟร้านนี้เอาใจลูกค้ายืดหยุ่นให้เราขอจับคู่ในแบบที่เราต้องการได้
เช่นคู่ง่ายๆ อย่าง Unagi Avocado(90 บาท) ที่ไม่มีในเมนูแต่เชฟก็ทำให้ตามคำขอ
![Unagi Avocado(90 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060019-b9a926d.jpg)
หรือ Special Nigiri (350 บาท) ที่เราบอกให้เชฟลองเดาใจทำมาเซอร์ไพรส์ เชฟจึงจัดพิเศษเป็น Madai, Foie gras, Quail egg & Caviar ในคำเดียวกัน ออกมาได้รสชาติแปลกใหม่ ไข่นกกระทาช่วยหลอมรวมให้วัตถุดิบอื่นเข้ากันอย่างดีเยี่ยม เป็นอีกหนึ่งไอเดียเก๋ๆ ที่เราต้องกลับมาสั่งให้เชฟทำให้อีกเกือบทุกครั้งที่มา
![Special Nigiri (350 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060020-24e7c22.jpg)
ที่ถูกใจสุดๆ คือเคยขอซื้อ Uni ยกกล่อง (6,000 บาท)
![Uni ยกกล่อง (6,000 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060020-0dbb6e4.jpg)
และคุณเชฟก็คิดเมนูที่ใช้ไข่หอยเม่นออกมาให้เราชิมสองเมนูด้วยกัน
มีทั้ง Uni กับปลาหมึกฝานเส้นบางพร้อมสาหร่ายเส้นๆ โปะด้วยไข่นกกะทาที่จัดมาในแก้วเล็กใสวางบนน้ำแข็งในถ้วยทรงสูงอีกชั้น
![Uni & Ika](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060020-00e8dbd.jpg)
จานนี้รสชาติละมุนยอดเยี่ยมไม่แพ้การจัดวาง
![Uni & Ika + Quail Egg](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060020-15c7f30.jpg)
คือเชฟตั้งใจมาก
อีกเมนูนั้นวางไขหอยเม่นบนสาหร่ายหอมกรอบกับข้าวซูชิ
![Uni Ikura Special](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060020-810dc6f.jpg)
แล้วโปะไข่ปลาแซลมอนและคาเวียร์ด้านบน
![Uni Ikura Special](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060020-062498d.jpg)
ไข่สามอย่างเข้ากันได้ดีสุดๆ Uni เน้นๆ สองเมนูนี้ ด้วยวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมและการจับคู่ที่เข้าใจรสชาติขององค์ประกอบต่างๆ อันเหนือชั้นของคุณเชฟเรียกได้ว่าทำให้ฝันของคนรัก Uni เป็นจริงกันเลย
สุดท้ายเราสั่งไข่หวานของที่นี่มาลอง โดยลองทั้ง Tamago Sashimi (130 บาท)
![Tamago Sashimi (130 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060020-c3018c9.jpg)
และ Tamago Sponge (120 บาท) อันเลื่องชื่อ
![Tamago Sponge (120 บาท)](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060020-8c69416.jpg)
ทานแล้วติดใจกับไข่สปันจ์สุดๆ เพราะเนื้อนุ่มฟู รสสัมผัสละมุนละไม ที่หอมอร่อยเพราะใช้ปลา Madaiและกุ้งคุรุมะบดละเอียดในการทำ ทานแล้วถึงกับเคลิ้ม ไม่เสียแรงที่เป็นสูตรลับตำรับเด็ดของทางร้านที่เลือกสรรมาให้เราได้ลอง
ปิดท้ายด้วยพุดดิ้งเนื้อนวลหวานอร่อย
![Pudding](http://s.isanook.com/tr/0/ud/281/1408221/1408221-20180207060021-7c74a44.jpg)
ด้วยความที่ทุกอย่างทำออกมาได้เหมาะเจาะลงตัว ร้านนี้จึงเป็นร้านที่เราแวะเวียนไปอยู่เสมอไม่ได้ขาดจนกลายเป็นขาประจำไป จึงมั่นใจที่จะแนะนำร้านนี้ให้คุณลองเพราะคุณจะได้พบกับปลาดิบคุณภาพเยี่ยมและบริการประทับใจในราคาที่สูงแบบสมเหตุสมผลค่ะ
ติดตามชมอาหารเมนูเด็ดและสถานที่ท่องเที่ยวแปลกตาจากประสบการณ์ของผู้เขียนได้ที่ IG : FoodiesJournie
ผลงานรีวิวอาหารและท่องเที่ยวสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.mevblog.com
หรือติดตามได้ที่เพจ www.facebook.com/mevblog
และ IG, Twitter & Pinterest : “MEVBLOG” นะคะ