ตะลุยแดนมัมมี่ II สัมผัสความอลังการของพีระมิดแห่งกิซ่า...หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
หลังจากพาเที่ยวชมพีระมิดเก่าแก่แห่งเมือง Dashur และ เมือง Saqqara ไปแล้วในตอนก่อน
ตะลุยแดนมัมมี่ I ชมพีระมิดเมือง Dashur – Saqqara ตื่นตากับพิพิธภัณฑ์เมือง Memphis
วันนี้เราจะพาท่านผู้ชมไปพบกับความยิ่งใหญ่ตระการตาของมหาพีระมิดแห่งเมืองกิซ่ากันค่ะ
TheGreat Pyramids of Giza ของฟาโรห์ Khufu (คูฟู) นั้นถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า (Seven Wonders of the Ancient World)
พีระมิดนี้สร้างขึ้นราวปี 2560 ก่อนคริสตกาล เชื่อกันว่าใช้เวลาสร้างราว 20 ปี
พีระมิดของคูฟูนี้ครองตำแหน่งสิ่งก่อสร้างโดยมนุษย์ที่สูงที่สุดเป็นเวลานานถึง 3,800 ปีเลยทีเดียว
ใกล้ๆกับพีระมิดของคูฟูนั้น ยังมีพีระมิดเล็กๆอีก 3 อันที่สร้างขึ้นเพื่อมเหสีของท่านอีกด้วย
พีระมิดของคูฟูนั้นนับเป็นสุดยอดของพีระมิด ความแม่นยำในการคำนวนของชาวอิยิปต์โบราณนั้นช่างน่าทึ่ง ฐานทั้งสี่ด้านของพีระมิดอันยิ่งใหญ่นั้นยาวเกือบเท่ากันคือราว 230.37 เมตร มีความผิดพลาดในการคำนวนฐานโดยเฉลี่ยเพียง 58 มิลลิเมตรเท่านั้น
ถัดจากรัชกาลของคูฟู ฟาโรห์ Khafre (คาเฟร) บุตรชาย และฟาโรห์ Menkaure (เมนคูเร) หลานชาย ต่างก็ได้สร้างพีระมิดของตนในบริเวณใกล้เคียงกัน
พีระมิดอันยิ่งใหญ่ทั้งสามตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าทำให้เรารู้สึกว่าตัวเรานั้นช่างเล็กนิดเดียว ชวนให้อัศจรรย์ใจว่าคนสมัยโบราณสรรค์สร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่โตขนาดนี้ด้วยเทคโนโลยีขณะนั้นได้อย่างไร ทั้งความชาญฉลาดในการออกแบบ และแรงกายแรงใจที่ทุ่มเทไป
พีระมิดแห่งกิซ่านี้ช่างอลังการสมเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างแท้จริง อุตส่าห์ได้มาเห็นเป็นบุญตา ว่าแล้วก็ขอทำความเคารพด้วยการบูชาสไตล์ไทยกันบ้าง และแน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะโพสท์ท่าถ่ายรูปเด็ดๆตามสูตรกันอีกหลายท่า
แถมเราก็ยังได้ไปชมสฟิงซ์ยักษ์ที่โด่งดังไม่แพ้กัน สฟิงซ์ตัวมโหฬารนี้สร้างขึ้นเพื่อคอยปกปักษ์พิทักษ์พีระมิดทั้งสาม
งานนี้พวกเราได้ไปขี่อูฐชมพีระมิดกันด้วย ตอนแรกเห็นน้องอูฐนั่งพับเพียบเรียบร้อยดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่
พอขึ้นหลังได้แล้วมันลุกยืนเท่านั้นล่ะมีอันกรี๊ด แบบว่าเสียวสยองมากๆ
อูฐนั้นยืนขาหลังก่อนแล้วตามมาด้วยขาหน้าค่ะ ตัวเราก็เลยเทไปข้างหน้าแบบจะตกมิตกแหล่ ต่อด้วยเอียงกระเท่เร่กลับมาด้านหลัง
เจ้าอูฐตัวสูงกว่าที่คิดมาก ยืนขึ้นมาแล้วนี่อย่างเสียว นั่งอูฐชมพีระมิดนี่เราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาสิบห้านาที ครึ่งชั่วโมง หรือมากกว่านั้น
ผ่านไปประมาณห้านาทีเราก็ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่บันดาลใจให้เราเลือกนั่งแค่สิบห้านาที มันเสียวจริงๆ นะเออ
น้องอูฐเดินโขยกไปมา บางตัวอารมณ์บ่จอยหายใจฟืดฟาดส่งเสียงร้องคำราม ไม่รู้จะหงุดหงิดสะบัดเราลงเมื่อไหร่มี
บางตัวเป็นโรคชอบแข่งขันเวลาเดินก็จะเบียดๆ พยายามจะแซงกันด้วย เราเกาะจนมือแดงเลยเพราะกลัวตก
แต่ได้นั่งอูฐชมพีระมิดนี่เป็นอะไรที่ได้บรรยากาศมากๆ ท้องฟ้าสีฟ้าใส ลมทะเลทรายเย็นๆ พัดผ่านผิว
พีระมิดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามอยู่ในลานสายตา ชวนให้นึกถึงว่าเมื่อคราอาณาจักรนี้ยังรุ่งเรืองคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจะงดงามตื่นตาเพียงใด ประสบการณ์ขี่อูฐครั้งแรกในชีวิตนี้เป็นประสบการณ์ที่แสนประทับใจ ไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าจะได้มาขี่อูฐชมพีระมิดแบบนี้
หลังจากที่อ่านประวัติศาสตร์และอ่านนิยายโรแมนซ์ทะเลทราย ฝันหวานถึงมนต์ขลังของอิยิปต์และสเน่ห์ของฟาโรห์มาทั้งชีวิต ความรู้สึกตอนได้มาสัมผัสจริงด้วยตาด้วยใจนี่เกินคำบรรยายจริงๆค่ะ
เดินชมวิวและถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้ว ไกด์ก็พาไปดูสาธิตวิธีทำกระดาษปาปิรุสต่อ
ขั้นตอนนั้นเริ่มจากการลอกเปลือกต้นปาปิรุสออก ก่อนจะใช้มีดฉีกเป็นเส้นๆ เส้นใยที่ได้มานั้นก็จะถูกนำมาทุบให้แบน แล้วจึงชุบน้ำ
จากน้ันเส้นปาปิรุสเปียกจะถูกนำไปซ้อนสับหว่างคล้ายๆ การสานจนเป็นแผ่น แล้วจึงใช้เครื่องมือหมุนไม้ทับอัดไว้ นานเข้าจนปาปิรุสแห้งก็กลายเป็นกระดาษปาปิรุสไป
คนสาธิตเค้าให้ลองเขียนแล้วจึงให้ดูว่าถ้าเอากระดาษที่เขียนไปแล้วไปชุบน้ำจะสามารถล้างออกได้ทั้งปากกาทั้งดินสอ อัศจรรย์แท้ (เราใช้ปากกาหมึกเจลเรา ส่วนคุณเพื่อนใช้ดินสอที่พกมาเอง ไม่ได้หน้าม้าจริงๆ นะเออ)
ร้านนี้คงมีเอี่ยวกับไกด์เพราะเชียร์กันจัง เราก็เพลินถูกกล่อม ซื้อไปหลายตังคฺ์อยู่ ต่อราคาก็ไม่ค่อยเก่ง ท่าทางจะถูกฟันราคากันหัวแบะ
ตอนเย็นพวกเราแวะกินอาหารเย็นกันอย่างรวดเร็วพอประทังหิว กินเสร็จก็ถึงเวลาดูแสดงแสงสีเสียง
หน้าพีระมิดมีนักท่องเที่ยวมารอดูกันคลาคล่ำเชียวค่ะ
ที่กิซ่านี่มีความเป็นแหล่งท่องเที่ยวมากๆ คนขายของค่อนข้างหน้ากลัวจะมีการเดินตามตื้อ เดินเข้าหา หรือแม้กระทั่งเดินขอเงินกันเฉยๆ ต้องระวังตัวกันหน่อย
การแสดงแสงสีเสียงของที่นี่จืดชืดสักหน่อย ไม่น่าประทับใจอย่างที่หวังไว้ อาจเป็นเพราะวิธีการบรรยายที่ไม่ค่อยประติดประต่อทำให้ไม่ได้อรรถรสเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ดีเราก็ยังได้รูปพระอาทิตย์ตกดิน ณ กิซ่าสวยๆ มาเป็นรางวัลปลอบใจ ก่อนจะกลับไปนอนเอาแรงเตรียมตะลุยเมืองลักซอร์กันในวันต่อไป
ตอนหน้าก็จะได้ไปชมเมืองลักซอร์หรือเมือง Thebes (ธีบส์) ที่เป็นศูนย์กลางความเจริญของอารยธรรมอิยิปต์มายาวนานตั้งแต่สมัย Middle Kingdom ไปจนถึงสมัย New Kingdom
เมืองลักซอร์มีวิหารสลักสำคัญมากมาย พลาดไม่ได้เชียวนะคะ อย่าลืมติดตามอ่านตอนต่อไปกันด้วยค่าทุกๆคน
เกี่ยวกับผู้เขียน
ปกติแล้วจะเป็นบล็อกเกอร์สายรีวิวอาหารค่ะ ติดตามผลงานได้ที่ www.mevblog.com และเพจ www.facebook.com/mevblog
ซึ่งถึงจะเน้นรีวิวอาหารแต่ก็มีรีวิวท่องเที่ยวต่างประเทศบ้างเผื่อใครสนใจตามไปลองอ่านกัน
ต่อไปคงทยอยเขียนท่องเที่ยวให้มากขึ้นด้วยค่ะ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
สำหรับช่องทางอื่นๆ มี IG : FoodiesJournie ที่ผู้เขียนบันทึกอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวจากเรื่องราวประจำวัน
ส่วนของ Mevblog นั้นยังสามารถติดตามได้ทั้ง IG, Twitter และ Pinterest ในนาม “MEVBLOG” นะคะ