5 อันดับ Macaron แบรนด์ดัง กับรสชาติที่แนะนำให้คุณลิ้มลอง
"Macaron" เจ้าขนมหวานก้อนกลมน่ารักที่มักจะมากับสีหวานๆ ละลายใจ จนกลายเป็นหนึ่งในขนมสุดโปรดของใครหลายๆ คนไปโดยปริยาย
ยิ่งในช่วงสองสามปีมานี้ ความนิยมพุ่งขึ้นสูงจะมีร้าน Macaron เปิดใหม่กันมากมายไม่ว่าจะเป็นร้านสาขาจากแบรนด์ดังระดับโลก หรือร้านขนมของประเทศไทยเองที่ทำออกมาได้หลากหลายรสชาติน่าสนใจไม่แพ้กัน
วันนี้เลยจะมาแนะนำ 5 แบรนด์ที่โปรดปรานเป็นการส่วนตัว รวมถึงรสชาติอร่อยที่คุณไม่ควรพลาดค่ะ
อันดับ 1 Pierre Herme
ยอมรับเลยค่ะว่า Pierre Herme ชนะอันดับสองคือ Laduree ไปอย่างสูสี
อันดับหนึ่งและสองนั้นเป็นอะไรที่ตัดสินใจลำบากมาก เพราะต่างเป็นแบรนด์ดังต้นตำรับจากฝรั่งเศสทั้งคู่ เรียกได้ว่าเป็นศึกของรุ่นใหญ่เพราะรสสัมผัสของ shell ของสองที่นี้ดีที่สุดในความเห็นส่วนตัว กรอบ เบา ฟู ชนะรุ่นกลางที่เราคุ้นกันอย่าง Harrods, Mandarin Oriental Shop, Dhara Dhevi ไปใสๆ
[gallery columns="4" ids="57183,57195,57199,57223,81463,81467,81471,81475"]
ที่นี้ก็มาตัดกันที่รสชาติและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งทั้งสองผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอย่างไม่มีใครยอมใคร ถ้าเปรียบเทียบกับหญิงสาว Laduree ก็เป็นเสมือนคุณหนูผู้ดีมีตระกูล รสส่วนใหญ่จะหอมอ่อนๆ สีสันจะไม่ฉูดฉาดมาก แต่รสชาติเป็นเลิศมีความละเมียดละไมอยู่ในที ในขณะที่ Pierre Herme ก็คงเป็นสาวปารีเซียงรุ่นใหม่ทันสมัยและจี๊ดจ้าดจัดจ้าน อย่างที่จะเห็นได้จากสีสันและลูกเล่นแพรวพราวที่ทำให้คุณตื่นตาตื่นใจได้เสมอ
ที่ยกให้ Pierre Herme นั้นเพราะนอกจาก Macaron ของที่นี่จะชิ้นใหญ่ หนานุ่ม ไส้ก็ให้เต็มที่ เต็มปากเต็มคำ ยังถูกใจกับความคิดสร้างสรรค์และลูกเล่นที่สอดแทรกมาในรสชาติต่างๆ ที่ดูกล้าได้กล้าเสียมากกว่า ตัวไส้ไม่ได้เป็นแค่ครีมเฉยๆ บางชิ้นก็มี gelee บางชิ้นก็มี ganache บางรสก็มีบ้างที่แปลกแหวกแนวจนคนรักก็รักไปเลย คนเกลียดก็เกลียดไปเลย อย่างตอนที่เราเจอรสน้ำมันมะกอกหรือรสหญ้าฝรั่นก็ไม่ปลื้มเหมือนกัน ในวงการขนมถือกันว่าคุณ Pierre Herme เป็น ปิกัสโซ่แห่งวงการขนมหวาน เพราะคอย innovate รสและเทคนิคใหม่ๆ มาให้แปลกใจอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง
รสแนะนำ
รส ISPAHAN - Rose, Lychees & Raspberries
รสนี้คิดค้นโดยคุณ Pierre Herme และเป็นรสที่เป็น signature ของที่ร้านไปแล้ว ตัวครีมลิ้นจี่และราสพ์เบอร์รี่จะออกเปรี้ยวค่อนข้างแหลม เคี้ยวอีกสองสามคำก็จะได้กลิ่นกุหลาบออกมา กลิ่นผลไม้และดอกไม้ผสมผสานเป็นหนึ่งหอมอบอวลเต็มปาก เป็นรสที่ปลื้มมากๆ ไม่ควรพลาดหามาชิม
อีกอย่างที่แนะนำ คือให้ถามว่ารส seasonal ของช่วงนั้นคือรสอะไรค่ะ เพราะนอกจากรสคลาสสิคที่มีทั้งปี ทางร้านก็จะมีตัวใหม่ๆ ต้อนรับฤดูกาล รสโยเกิร์ตสำหรับหน้าร้อนบ้าง Summer Macaron Collection 2015 สำหรับฤดูใบไม้ร่วงบ้าง Autumn Macaron Collection 2015 ซึ่งด้วยความที่รสเหล่าจะขายเป็นเวลาจัด พลาดแล้วจะพลาดเลยก็น่าจะซื้อหาเสี่ยงดวงลองมาชิ้มสักชิ้นสองชิ้นค่ะ อย่างช่วงที่รสโยเกิร์ตออกนี่ปลื้มมาก แต่ตอนนี้หมดหน้าไปแล้วล่ะค่ะ
ราคา: Pierre Hermé ไม่ขายเป็นชิ้นแต่ขายเป็นกล่องขนาดต่างๆ ค่ะ
โดยกล่องเล็กที่สุดคือกล่อง 7 ชิ้นที่ราคาอยู่ที่ 980 บาท กล่อง 12 ชิ้น ราคา 1580 บาท และกล่อง 24 ชิ้น ราคา 3100 บาทค่ะ
อันดับ 2 Laduree
Laduree ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1862 จากร้านคลาสสิคที่โด่งดังในฝรั่งเศสก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนขยายเปิดสาขาไปทั่วโลก ความเก๋านี่ต้องยกให้ Laduree ค่ะ เพราะเป็นต้นตำรับที่แท้จริง คุณ Pierre Herme เองก็ยังเคยทำงานที่ Laduree ก่อนจะออกมาเปิดแบรนด์ของตนเองที่ Tokyo เลย
[gallery columns="2" ids="81427,81423"]
จุดเด่นของ Laduree คือรสสัมผัสกรอบๆ ของตัวฝาและรสชาติที่หอมอ่อนๆ และหวานน้อยเกือบทุกชิ้น กินเท่าไรก็ไม่เลี่ยน ไส้มักเป็นรสเดียวกันหรือใกล้เคียงกับด้านนอก ไม่ได้ฝาอย่างครีมอย่างแบบ Pierre Herme
ส่วนตัวที่ชอบเป็นพิเศษคือ texture ที่ส่วนนอกสุดบางกรอบจริงๆ กัดแล้วจะเจอความกรอบก่อน แล้วค่อยเจอความนุ่มเนียนของไส้ จากนั้นกลิ่นหอมก็จะพุ่งอบอวลทั่วปาก
รสแนะนำ
Orange Blossom รสดอกส้ม กลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่หวานมากอีกเช่นเคย ครีมข้างในนี่เนียนจริงอะไรจริง อันนี้เป็นรสที่ส่วนตัวชอบที่สุด
ที่ชอบรองลงมาก็ยังเป็นกลิ่นแนวดอกไม้คือ รส Pétale de Rose หรือ รส Rose Petal ที่หอมมากๆ ข้างในเนียนนุ่ม ไส้ฟูฟ่องเต็มที่ เทียบแล้วกลิ่นหอมแรงกว่าอันแรกหน่อย แต่อร่อยอย่าบอกใครเลยจริงๆ ค่ะ กัดแล้วต้องหลับตาพริ้มไปหลายวินาที ซึมซับความหอมอบอวลให้เต็มอิ่ม
แต่หากใครที่ไม่ได้เป็นแฟนรสดอกไม้ แนะนำ Salted Caramel รสนี้ เข้มมม ข้นนน หอมมม หวานนน มากกก อร่อยสมราคาคุยค่ะ ค่อนข้างจะเหมาะกับคนชอบรสเข้มๆ แนวกาแฟ แนวช็อกโกแลตอยู่แล้ว (ขออภัยที่รูปไม่ชัดค่ะ)
และเหมือนเดิม อย่าลืมถามหารส Seasonal ค่ะ
วันก่อนไปได้รส Antoinette สีฟ้าเขียวสดสวยมา เป็น Black Tea & Honey Flavor หอมอร่อยแบบแทบจะละลายไปกับความฟิน
ราคา: ชิ้นละ 120 บาท ขายแยกชิ้น แต่หากซื้อเป็นกล่องก็จะคิดค่ากล่องเพิ่มเติม อันนี้หารมาแล้วอย่าตกใจค่ะว่าทำไมแพงกว่าเดิม ตัวกล่องเองก็มีหลายคอลเลกชั่น หลายๆ คนก็นิยมสะสมกันค่ะ
อันดับ 3 Harrods
อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวที่รู้สึกว่ารสสัมผัส shell ของ Harrods จะค่อนไปแนวใกล้เคียงกับ Pierre Herme กับ Laduree มากกว่าอีกสองสามที่ที่คนชอบพูดถึงกันอย่าง Mandarin Oriental Shop และ Dhara Dhevi
ช่วงแรกๆ ที่ออกมา Harrods ทำ Macaron สีเหมือนกันทุกรส แต่ช่วงหลังทำสีสันสดใสขึ้นและมีรสใหม่ๆ มากขึ้นค่ะ
รสแนะนำ
ส่วนตัวชอบ White Truffle มากค่ะ ตัวครีมมันจนเกือบคล้ายเนย แต่หอมกลิ่นทรัฟเฟิลมาก ทานเพลินจริงๆ คนชอบทรัฟเฟิลเป็นทุนเดิมน่าจะปลื้ม ใครไม่ชอบรสมันๆ เนยๆ อาจไม่ค่อยถูกใจค่ะ
อีกรสที่ชอบคือ Lychee ค่ะ อันนี้ออกเปรี้ยวอมหวาน หนักไปทางเปรี้ยวค่ะ ตัวเบสจะรู้สึกคล้ายๆ ทานรสโยเกิร์ตที่ออกเปรี้ยวเลยค่ะ
เหมือนเคยค่ะ ถ้าไม่ชอบแนวผลไม้ แต่ชอบรสออกเข้ม Salted Caramel Earl Grey คือรสสำหรับคุณค่ะ Harrods ดังเรื่องชาอยู่แล้ว ตัวคาราเมลเอิร์ลเกรย์ของที่นี่ที่หอมชาเอิร์ลเกรย์อ่อนๆ จึงเป็นอีกตัวที่เรียกได้ว่าเป็น signature ของร้านเลย ช่วงแรกๆ ออกชามากกว่าคาราเมล ช่วงหลังทำคาราเมลเข้มข้นขึ้นจนค่อนข้างจะกลบกลิ่นชาค่ะ
ราคา: สำหรับของ Harrods ซื้อมาตั้งแต่ 6 ชิ้น 300บาท ถึง 6 ชิ้น 330 บาท จนตอนนี้ 8 ชิ้น 440 บาทค่ะ
ล่าสุดมีเปลี่ยนธีมสีอีกด้วยค่ะ อย่าง Salted Caramel Earl Grey เปลี่ยนเป็นสีเทาอ่อนอย่างที่เห็นชิ้นขวาบนค่ะ
แถมรสก็ปรับอีกรอบ คาราเมลรสอ่อนลง ครีมออกมันคล้ายเนย ส่วนกลิ่นชาแทบไม่เหลือเลยค่ะ
อันดับ 4 Mandarin Oriental Shop
อันนี้ตัวฝาจะหนึบขึ้นเมื่อเทียบกับอันดับต้นๆ แต่ก็อร่อยในแบบของมันค่ะ
ที่ขึ้นมาเป็นอันดับสี่ได้ ตัวความสร้างสรรค์ของรสชาติก็มีส่วนเยอะค่ะ
ตอนแรกก็ไม่คิดว่า Mandarin Oriental จะมีลูกเล่นเยอะขนาดนี้ แต่พอลองชิมก็เจอว่ามีรสที่ตัวไส้เป็นแยมอยู่ในครีมอีกทีด้วยเหมือนกัน และมีรสแปลกๆ ที่ดูไม่น่าจะเข้ากันแต่ทำออกมาผสมผสานได้ลงตัวอีกหลายแบบ อย่างรส squid ink นี่ก็ต้องนับถือน้ำใจที่กล้าทำออกมาให้เราได้ลองค่ะ
รสแนะนำ
Mojito และ Yuzu สองรสนี้ออกเปรี้ยวทั้งคู่แต่หอมไปคนละแบบ
ส่วนใครไม่ชอบเปรี้ยว รส Pistachio และรส Rhubarb and Strawberry Pie ก็เป็นอะไรที่พลาดยากค่ะ
อันดับ 5 Fauchon
อีกหนึ่งร้านดังจากฝรั่งเศสที่เพิ่งมาเปิดประชันกันที่ EmQuartier ตำแหน่งแห่งที่นี่เด็ดมากเพราะประจันหน้ากับ Pierre Herme กันซึ่งๆ ด้วยความที่ร้านอยู่ตรงข้ามกันพอดีเป๊ะ
อ่านประวัติคุณ Pierre Herme มาก็เลยเพิ่งทราบนี่ล่ะค่ะว่า Pierre Herme เองก็เคยทำงานที่ Fauchon ก่อนที่จะไปทำงานที่ Laduree ถือว่า Fauchon เป็นอีกหนึ่งร้านยักษ์ใหญ่ในวงการขนมที่ปารีสอย่างไร้ข้อกังขา
ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามขนาดนี้แล้วแน่นอนว่า Fauchon เองก็รักษาคุณภาพอย่างเหนียวแน่น โดยบิน Macaron มาจากฝรั่งเศสเช่นเดียวกับ Pierre Herme และ Laduree
ตัวรสสัมผัสยังไม่ถูกใจเท่าไรแต่ข้อดีคือส่วนใหญ่แต่ละรสจะรักษาโทนให้กลมๆ ไม่หวานจัดจนแสบคอ
รสแนะนำ
รส Lemon และ รส Chocolate สองรสคลาสสิคที่คนส่วนใหญ่ชอบทานก็เป็นทางเลือกปลอดภัยของที่นี่ค่ะ
ราคา: ชิ้นละ 95 บาท
แถมค่ะแถม ชุดหลังนี่เป็นร้าน Macaron อีกหลายร้านที่นิยมกัน เอารูปมาให้พอเห็นหน้าค่าตาประกอบการตัดสินใจค่ะ
ส่วนใหญ่ก็รสชาติดีค่ะ จะติดตรงที่ shell รสสัมผัสยังไม่ตรงใจบ้าง หรือรสชาติหนักหวานไปบ้างค่ะ
PAUL Central Embassy
Patisserie Masatomi
103+ Factory (อันนี้น่าจะย้ายไปเปิดร้านใหม่แล้วค่ะ)
TWG Tea Salon & Boutique
Let Them Eat Cake
*บทความนี้ขออนุญาตไม่จัดอันดับ Dhara Dhevi นะคะ
เพราะเคยทานที่กรุงเทพฯ สองครั้งแล้วไม่ถูกใจเลย
ครั้งแรกนึกว่าเพราะถือกลับบ้านนานเลยไม่อร่อย
แต่ครั้งที่สองซื้อปุ๊บหาที่นั่งทานปั๊บ ยังออกมานิ่มๆ เหนียวหนืด แทบจะเรียกว่าแฉะเลยด้วยซ้ำ
น่าจะเป็นเพราะการดูแลของทางช็อปหรือการขนส่ง เลยขอรอวิจารณ์ทีเดียวเมื่อได้มีโอกาสไปทานเองที่เชียงใหม่ค่ะ
จบไปแล้วกับมหากาพย์ Macaron หลากรส หลายร้าน
หวังว่าคนที่ชอบขนมหวานโดยเฉพาะ Macaron คงจะฟินไปตามๆ กันนะคะ
แวะทักทายกับผู้เขียนได้ที่ www.facebook.com/foodiesjournie
และติดตามงานเขียนเพิ่มเติมได้ที่ www.foodiesjournie.com นะคะ