เส้นทางแห่งรักขับทะลุเมฆไปกอดดอยสีชมพูที่ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า ภูลมโล เขาค้อ ตอนที่ 1
สวัสดียามบ่ายจากริมแควกาญจนบุรีค่ะ ตอนนี้อากาศที่นี่เริ่มอ้าวแล้วทำให้คิดถึงอากาศเย็นๆฟ้าสวยๆเดือนที่แล้วจัง ปลายปีที่แล้วอากาศเมืองไทยหนาวเย็นจับใจเป็นใจให้ออกเดินทางจริงๆ การขับรถเที่ยวไทยก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะพาเราไปพบเห็นสิ่งสวยงามและหาความสุขตามจริตของตัวเองได้ จะเที่ยวไกลใกล้หรือจะเที่ยวถูกเที่ยวแพงแค่ไหนก็ไม่สำคัญค่ะ ความสุขที่เก็บเกี่ยวได้ระหว่างการเดินทางสำคัญกว่า วันนี้จะมารีวิวทริปขับรถเที่ยวลุยกันสั้นๆที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก เส้นทางนี้มีรักเพราะรักถึงไปบ่อยและมีความสุขกลับมาทุกครั้ง การเดินทางจากกรุงเทพสี่ห้าชม.ขับเรื่อยๆชมวิวไปแวะทานข้าวไปแป๊บๆก็ถึงแล้วค่ะ
แผนการเดินทางคร่าวๆเป็นการขับรถเป็นวงกลมวนขวาจากกรุงเทพ - ภูทับเบิก - ภูหินร่องกล้า - ภูลมโล - ลงมานครไทยแล้วใช้เส้น 12 ผ่านอช.ทุ่งแสลงหลวง - เขาค้อ - เพชรบูรณ์- ศรีเทพ - กรุงเทพ
ทริปนี้ใช้เวลา 4 วัน 3 คืนนอนเบาๆกันบนรถ 1 คืนที่ภูทับเบิก นอนเต็นท์ที่ภูหินร่องกล้า 1 คืนและนอนสวยเตียงนุ่มสบายที่บลูสกาย เขาค้อปิดท้ายในคืนสุดท้าย จริงๆเส้นทางนี้ถ้าเราเดินทางกันในช่วงปลายฝนต้นหนาว เราจะพบเจอหมอกสวยๆกันทุกที่ทั้งเขาค้อ ลานหินปุ่มและภูทับเบิกแต่ว่าเราไปช่วงกลางธค.อากาศแห้งหนาวเจี๊ยบๆๆอย่างเดียวเลยไม่ได้เจอหมอกอย่างที่ตั้งใจ แต่ถึงกระนั้นเส้นทางนี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเส้นทางขับทะลุเมฆอย่างไม่มีใครปฏิเสธได้แน่ๆ (ถ้าไปถูกเวลา อิอิ) และการได้ไปภูลมโลแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งแหล่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทยเป็นครั้งแรก (และครั้งที่ 2 ภายใจเวลาไม่ถึง 2 อาทิตย์) ก็ทำให้ทริปนี้เป็นทริปสุดแสนพิเศษได้ไม่ยากจริงๆค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วภูลมโล ขึ้นอยู่กับอ.ด่านซ้าย จ.เลย แต่เราสามารถขึ้นไปท่องเที่ยวได้ง่ายจากบ้านร่องกล้า อช.ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก และสามารถขับเที่ยวจุดสวยๆและสำคัญเป็นวงกลมได้ง่ายๆค่ะ
ส่วนภาพภูลมโล ภูทับเบิกและภูหินร่องกล้าในรีวิวจะเป็นการรวมทริปที่ไปมา 2 ครั้งนะคะ ครั้งแรกช่วง 10-13 ธ.ค.และอีกช่วงคือ 25-27 ธ.ค.ค่ะ
สำหรับใครที่สนใจจะเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์และพิจิตร ก็สามารถไปดูรายละเอียดและข้อมูลกันได้ที่แฟนเพจของททท.พิษณุโลก https://www.facebook.com/GreenSeasonFunAll
หรือจะไปติดตามทริปแบบเกือบๆจะเรียลไทม์และพูดคุยทักทายกันได้ที่แฟนเพจ http://www.facebook.com/MariaNaKlaibaanTrip ปกติจะนอนเฝ้าเพจอยู่ที่นั่นค่ะ
ทริปนี้ใช้ Nikon D7100 + 10-24 + kit 18-105 และ 55-300 เทเลน้ำหนักเบาราคาเบาๆจ้า
แถมเส้นทางขับรถท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ค่ะะ เผื่อใครมีแผนการเดินทางอยู่ในใจจะได้เอาไปปรับใช้กันได้
ทริปนี้เริ่มต้นที่ Thai rent a car สำนักงานใหญ่ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งเปิดรอมารับรถกันตั้งแต่แปดโมงเช้า น้องทำงานรวดเร็วกระชับฉับไว รับมอบรถ เซ็นต์เอกสารและฟังบรีฟคร่าวๆก็ออกเดินทางได้ ประทับใจมากค่ะ แถมมีบริการมารับรถตามจุดที่เราสะดวกอีกแต่เค้ามีค่าบริการตามระยะทางนะคะ แต่ก็ถือว่าสะดวกมากว่าที่จะมาดร๊อปรถที่เพชรบุรัตัดใหม่ อีกทางเลือกคือเราสามารถดร๊อปรถได้ที่สนามบินดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิแล้วแต่เราสะดวกค่ะ และยังมีรถให้เลือกใช้ตามการใช้งานหลายรุ่น ส่วนตัวชอบรถใหญ่แบบนี้ซึ่งเหมาะมากสำหรับทริปนี้ เพราะเป็นทริปขนของขับรถตะลุยภูเขาและนอนเต็นท์ ข้าวของสัมภาระเยอะและการใช้รถที่เหมาะกับการใช้งานก็ทำให้การเดินทางสนุกมีรสชาติไร้กังวลมากขึ้นจริงๆค่ะ ปาเจโร สปอร์ตคันใหม่กิ๊ก เครื่องดีเซล ประหยัดน้ำมัน ค่าน้ำมันตลอดทริปประมาณสามพันเอง ขับทางไกลพวงมาลัยหนักขับนิ่งดีมาก เบาะแถวสองและสามสามารถปรับราบแปลงร่างเป็นที่นอนของเราได้คืนนึง ประหยัดได้อีกต่างหาก
เราขับตรงจากกรุงเทพเข้าลพบุรี ลำนารายณ์ ศรีเทพ วิเชียรบีรี เพชรบูรณ์ และขึ้นภูทับเบิกเลยค่ะ และไม่พลาดขอแวะทุ่งทานตะวันที่ลพบุรี ทุ่งนี้อยู่ริมทางเลยค่ะ พวกเราน่าจะแวะกันทุกคนแล้ว
แวะทานเย็นตาโฟในเมืองเพชรบูรณ์กันก่อน ร้านนี้แวะทานประจำค่ะ เป็นร้านห้องแถวเล็กๆอยู่ใกล้ศูนย์ราชการ ชื่อร้านอะไรจำไม่ได้แล้ว เดี๋ยวหาข้อมูลให้นะคะ ลืมถ่ายรูปหน้าร้านไว้ซะด้วย แหะๆ
ร้านนี้มีทีเด็ดที่แป้งทอดกรอบเอาไว้โรยหน้าเย็นตาโฟ ชอบมากเลยสั่งพิเศษมาทานต่างหากเลย อิอิ
เคยไปภูทับเบิกหลายครั้งตั้งแต่ตอนที่ที่นี่ยังไม่มีรีสอร์ทที่พัก ทางเลือกคือต้องตอนเต็นท์อย่างเดียว แต่เดี๋ยวนี้ภูทับเบิกมีความสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมกับดอกกระหล่ำที่ถูกทำลายแปลงร่างเป็นพื้นที่กางเต็นท์ ที่พักหลากหลายแนวรองรับนักท่องเที่ยวที่แห่แหนกันขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาวสุดขั้ว เราหลายคนอาจจะไม่ชอบความเปลี่ยนแปลงตรงนี้นักรวมทั้งจขกท.ด้วยแต่มองอีกมุมความเจริญและความเปลี่ยนแปลงมันตามคนไปทุกที่ แต่ก็มีข้อดูอย่างคือการที่มีที่พักมากมายหลากหลายแบบนี้ก็เป็นการเปิดกว้างให้คนได้มาสัมผัสอากาศหนาวกับที่นี่ได้ง่ายขึ้น คนเฒ่าคนแก่ก็สามารถมาเที่ยวกับลูกหลานได้ มีฟูกมีผ้าห่มที่นอนอุ่นๆนอนในบ้านสะดวกสบายมากขึ้น แค่นี้ก็ทำให้เรามองข้ามอะไรต่ออะไรไปได้มากแล้วล่ะค่ะ
ภูทับเบิกอากาศหนาวมาก ปีนี้ยิ่งหนาวจับใจค่ะ
แปลงกระหล่ำที่ยังอยู่ก็ยืนหยัดอยู่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน มีบางแปลงเริ่มเก็บเงินค่าเข้าแล้วนะคะ
แสงสวยทั้งเช้าทั้งเย็น
คืนแรกเรานอนในเต็นท์ที่ภูสวรรค์ค่ะ แม้ตอนนี้ภูทับเบิกจะมีที่พักให้เลือกมากมายให้เราได้เลือกนอนกันได้ตามใจชอบแต่เราเลือกที่จะไม่นอนที่ไหนเพราะนอนรร.สวยๆมาเยอะ นอนเต็นท์ก็บ่อย ขอเปลี่ยนบรรยากาศนอนในรถบ่าง เอาเสื่อปูเอาหมอนไปใส่ถุงนอนก็นอนหลับสบายแล้วค่ะ แม้จะปวดตัวปวดหลังไปบ้างแต่ก็ได้อารมณ์เที่ยวแบ๊คแพ็คในงบจำกัดสมัยสาวๆได้มากอยู่ อิอิ อ้อ นอนในรถควรเปิดกระจกหน้าต่างรถไว้เล็กน้อยทั้ง 2 ด้านให้อากาศถ่ายเทด้วยนะคะ ไม่งั้นนอนหน้าเขียวไม่รู้ด้วย ^^
เป็นครั้งแรกที่ได้มานอนกับวิวที่ภูสวรรค์ ปรกติจะนอนที่จุดชมวิวทับเบิกแล้วจะมองเห็นวิวของที่นี่ตลอด จะบอกว่าจุดนี้เป็นจุดที่น่านอนมากและวิวสวยมากค่ะ เราสามารถมองเห็นวิวทับเบิกได้รอบทิศ มีเพื่อนเคยมานอนกางเต็นท์ที่นี่ เปิดประตูเต็นท์มาเห็นทะเลหมอกเป็นปุยลอยอยู่หน้าเต็นท์เลยค่ะ
จอดรถนอนกันฟรี มีอาบน้ำอุ่นอาบแต่ก็ควรจะบริจาคบำรุงสถานที่ให้สภาคริสตจักรกันตามสมควรนะคะ
มีมุมนั่งทานอาหารที่ชิลล์มากกกก สามารถชมวิวทับเบิกได้เต็มตาเลย
ได้ที่พัก (ที่จอดรถนอน) แล้วก็ออกเดินเล่นเก็บภาพบรรยากาศไปเรื่อยๆ เดือนที่แล้วอากาศหนาวจับใจดีจริง
รีสอร์ทใหม่ๆผุดขึ้นกลางแปลงกระหล่ำอย่างมากมาย นับกันไม่หวาดไหวค่ะ
จริงๆแล้วถ้าร่างกายฟิตพอและมีเวลาก็สามารถเดินเล่นจากมุมนี้ไปเรื่อยๆจนถึงโรงเตี๊ยม หรือจุดชมวิวภูทับเบิกได้เลยนะคะ
เก็บเงินถ่ายรูปด้วยยยย
รีสอร์ทใหม่เต็มไปหมด เห็นห้องเล็กๆแบบนี้ราคาไม่เบานะคะ พันห้าอัพกันทั้งนั้น ยิ่งช่วงเทศกาลไม่ต้องพูดถึงเกินสองพันคนก็แย่งกันค่ะ
เดินเล่นเก็บแสงเย็นดีกว่า ชิลล์จริงๆ ความสุขของคนเราหาได้ไม่ยากถ้าเราไม่ปิดกั้นตัวเอง ธรรมชาติก็พร้อมจะให้รางวัลคนที่ออกไปหามันเหมือนกัน
ภูทับเบิกกลายเป็นเมืองไปซะแล้ว
ขาหมูที่ภูสวรรค์ก็อร่อยมากค่ะ จานล่ะ 200 ถูกกว่าโรงเตี๊ยม จานไม่ใหญ่มากนักทานน้อยคนกำลังดี ไข่เจียว 50 บาท 2 อย่างพอ อิ่มถึงอีกวันแระ แถมฝากขาหมูอีกครึ่งไว้ให้เค้าอุ่นทานกับข้าวต้มตอนเช้าได้อีก ประหยัดเว่อร์ๆ อิอิ
ชอบมุมนี้มาก นั่งทั้งเช้าสายบ่ายเย็นและค่ำ
อย่าลืมเอาขาตั้งกล้องไปนะคะ เก็บดาวได้บ้างไม่ได้บ้าง เจอ hot pixel บ้าง dead บ้างก็ไม่เป็นไร แหะๆ เพราะมันเป็นความประทับที่เราหาในเมืองใหญ่ไม่ได้
ส่วนนี่เป็นขาหมูของโรงเตี๊ยม ขาเป็นขาเต็มไม้เต็มมือดีค่ะ
ต้นจริงหรือปล่าวเนี่ย เห็นดอกบานฟูอยู่ต้นเดียวที่โรงเตี๊ยม
นอนขดตัวมุดอยู่ในรถเป็นหอยทากเลยค่ะ อากาศหนาวมากกกกกกกแต่ก็ไม่วายตั้งนาฬืกาปลุกลุกขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและลุ้นทะเลหมอกกัน ผิดหวังที่ไม่เห็นทะเลหมอกแต่ก็ได้อิ่มเอิมกับบรรยากาศยามเช้าแบบนี้แทน
อยู่กรุงเทพหรือเมืองใหญ่หาบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้นะคะ ธรรมชาติรอเราอยู่ค่ะ ก้าวขาออกไปหามัน ^^
เหงาๆเราสองคน (ขอยืมเป็นแบบนะคะ)
จิบชายามบ่ายที่นี่ ทา่นอาหารเย็นที่นี่ ทานอาหารเช้าที่นี่
ข้าวต้มเห็ดหอม อร่อยมากๆเครื่องฟูเต็มชามเลย
หนาวนี้ภูทับเบิกมีสวนดอกไม้สวยๆแล้วนะคะ เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวเล็กๆขนาด 40 ไร่อยู่ติดกับวัดป่าภูทับเบิก ไปง่ายค่ะ มีป้ายบอกทางตลอด เสียค่าเข้าชม 50 บาทค่ะ
คาดหวังอยากเห็นทิวลิปที่นี่แต่ไม่เป็นไรค่ะ ไปดูคอสมอสก็ได้ อิอิ
ถ่ายรูปกับฟักทองก็ได้ อิอิ
ดอกไม้ยังมีไม่มากค่ะแต่ก็ถือว่ามาเที่ยวทับเบิกแล้วมีอะไรทำมากขึ้น
แถมนางเอก 5555
อากาศเย็นๆเดินเก็บภาพกันเพลินๆค่ะ
เทพธิดาดอย นางเอกของภูทับเบิก
ร้านกาแฟน่ารักๆตรงข้ามภูสานฝัน มุมดีเชียว
ร้านเก๋ๆที่ภูสานฝัน
หมูปิ้งอร่อยๆหน้าสวนดอกไม้
ตอนนี้ไปภูทับเบิกกันแล้ว ตอนหน้าเราจะเดินทางกันต่อไปภูหินร่องกล้ากัน ติดตามตอนต่อไปได้ที่ http://travel.sanook.com/blog/?p=50647