เส้นทางแห่งรักขับทะลุเมฆไปกอดดอยสีชมพูที่ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า ภูลมโล เขาค้อ ตอนที่ 3
หลังจากตอนที่แล้วที่เราได้ไปเที่ยวภูลมโลและชมภาพจากการไปภูลมโลไปบางส่วนแล้ว ตอนนี้จะขอจัดหนักจัดเต็มพาไปชมภาพจากการไปภูลมโลครั้งที่ 2 และพาไปเที่ยวต่อที่เขาค้อกันค่ะ
กลับไปอีกครั้งช่วงคริสต์มาส ดอกนางพญาเสือโคร่งบานเพิ่มอีกนิดหน่อยค่ะแต่อากาศหนาวเย็นขึ้นจับใจ ใครที่จะขึ้นไปเที่ยวชมความงามและหวานเจี๊ยบของดงซากุระที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ชนิดเปลี่ยนดอยให้เป็นสีชมพูทั้งลูก แอบกระซิบว่าวันหยุดอาิทิตย์นี้ห้ามพลาดกันเลยค่ะ จขกท.คงพลาดเพราะศุกร์นี้ก็จะบินไปตปท.กลับมาก็คงไม่ทันการแล้ว
ชุดนี้เป็นภาพจากการไปภูลมโลครั้งที่ 2 ช่วงวันคริสต์มาสค่ะ
เจอแสงสวยกันอีกครั้ง
ทางขึ้นโดยรวมดีขึ้นมากๆๆค่ะ แต่รถเก๋งรถเล็กท้องเตี้ยยังไม่แนะนำให้เอาขึ้นไปนะคะ ใช้บริการของศูนย์ท่องเที่ยวชุมชนบ้านร่องกล้าก็จะดีกว่าค่ะ
ให้ชมบรรยากาศกันไปเพลินๆไม่มีคลื่นแทรกนะคะ ^^
อากาศหนาวมาก อุณหภูมิตอนเช้าที่ไปถึงบ้านร่องกล้าประมาณ 4 องศา จะเห็นแม่คะนิ้งได้ทั่วไปเลยค่ะ
แม่คะนิ้งบนภูลมโล
รูปจากโน๊ต 2 ค่ะ
ขึ้นไปครั้งที่ 2 เตรียมชุดป้องกันทากเต็มที่ เห่อมากถุงกันทากอันใหม่ 290 บาท ไม่มีทากก็เท่ห์ได้ประหนึ่งดังไปปีนคิลิมานจาโร
ไปรอบสองดอกบานมากขึ้น เห็นนกมากขึ้นด้วย ชุดใหญ่เลยค่ะ แต่ไม่รู้จะตัวเดียวกันหรือปล่าว เห็นอยู่สีเดียว เป็นลูกนกอีกต่างหาก ส่วนนกตัวโตเห็นแต่อีกาตัวดำปึ๊ด ชุดนี้ใช้ 55-300 ทั้งหมดค่ะ แบกกันเบาๆกล้ามไม่ขึ้นจ้า
ภูลมโลบมีจุดชมใบไม้แดงที่วัดนะคะ เดือนมค.น่าจะสวย ตอนไปยังไม่เห็นอะไรเห็นแต่ต้นใหญ่ต้นนึงริมทางซึ่งร่วงไปหมดแล้ว
หลังจากใช้เวลาที่ภูลมโลกันพอสมควรแล้วก็กลับลงไปเขาค้อทางนครไทยและใช้ทางหลวงหมายเลข 12 ไปเขาค้อได้เลย ซึ่งเส้นนี้เราสามารถขับรถวิ่งเป็นวงกลมเที่ยวได้สบายๆเลยค่ะ จะได้เที่ยวทั้งภูทับเบิก ภูลมโล ภูหินร่องกล้า และเขาค้อ ระหว่างทางไปเขาค้อได้แวะเที่ยวอีกหน่อยที่อช.ทุ่งแสลงหลวงฝั่งลำน้ำเข็กค่ะ
ต้องขับผ่านลำน้ำนิดหน่อยช่วงน้ำหลากไม่ทราบจะเป็นไงนะคะ แต่น่าจะผ่านไม่อยาก จุดนี้เป็นจุดที่ไปลานกางเต็นท์ของทุ่งแสลงหลวงค่ะ
จุดกางเต็นท์ริมน้ำเข็ก วันที่ไปเงียบสนิทไม่มีคนซักคน อยู่ได้พักเดียวก็วิ่งออกจ๊ะ
เส้นทางหลวงหมายเลข 12 มีจุดแวะเที่ยว จุดพักรถหลายที่ค่ะ ที่ดีงหน่อยก็เป็นที่นี่ Route 12
เป็นจุดพักรถที่มีที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกและที่พัก เก๋ๆกันไป
ใช้เวลาที่นี่ไม่มากค่ะ ทานกาแฟแก้วเดียวกับสี่ห้าภาพเบาๆ
โซนที่พักสีลูกกวาด ไม่ได้เข้าดูในห้องพัก เอาไว่คราวหน้าจะเก็บมาฝากที่เพจล่ะกันค่ะ
คืนสุดท้ายนี้พักที่บลูสกาย เขาค้อค่ะ การไปเยือนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วและยังประทับใจเหมือนเดิม แถมเหมือนดอกไม้ดอกหญ้าจะสวยขึ้นด้วย บรรยากาศหนาวๆเย็นๆก็เป็นใจกว่าการมาครั้งแรกที่มาตอนเืดือนมีค.ซึ่งอากาศร้อนอ้าวอุณหภูมิ 40 องศา อิอิ
คราวนี้ไม่ได้ถ่ายภาพมาเท่าไหร่ แต่ไปชมบรรยากาศสวยๆที่บลูสกาย เขาค้อได้ที่รีวิวแรกกันเลยค่ะ http://pantip.com/topic/30797187
แม้จะไม่ได้เก็บภาพมามากเท่าไหร่แต่ก็มีมาฝากเกิน 10 ใบน้าาา
หน้าห้องพัก ยังสวยเหมือนเดิมเลย
พักห้อง deluxe ค่ะ ไม่มีห้องใต้หลังคาแต่ก็สวยน่ารักฟินเหมือนกัน
เป็นที่พักแนว English country ที่น่ารักโดนใจสาวๆอย่างเรามากๆเชียวค่ะ
ระเบียงหลังห้องมองเห็นผาซ่อนแก้วได้สวยงามอลังการ
ห้องน้ำค่ะ
ร้านขายของที่ระลึกตรงล็อบบี้ มีแต่ข้าวของเครื่องใช้น่ารักน่าชังทั้งนั้นเลย
มุมนี้ใครมาก็ต้องมาเก็บภาพกับพี่หมีทุกคนแน่ (แต่เราไม่มี อิอิ)
อีกมุมค่ะ ชอบจัง
มีดอกไม้ริมหน้าต่างแบบนี้ชอบที่สุดเลย อยากได้อยากทำที่บ้านแต่ลูกกรงที่หน้าต่างไม่อำนวย อิอิ
หลังจากพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าแล้วก็ออกไปเที่ยววัดผาซ่อนแก้วกันอีกครั้ง ไปแล้วไปอีก ไปกันทุกฤดูแต่เป็นครั้งแรกที่ไปตอนเย็น บรรยากาศดีคนน้อย สวยไปอีกแบบค่ะ
แวะไปดูความคืบหน้าของมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ด้วย
รีบๆแปะรูปก่อนค่ะ แล้วจะมาใส่ซับอีกที ตอนนี้รีวิวในห้องอาหารของโรงแรม เดี๋ยวกลับเต็นท์แล้วจะรีวิวกันต่อนะคะ ทางเดินไปเต็นท์ (ตอนนี้อยู่ไมด้ารีสอร์ท เมืองกาญฯค่ะ) ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว เสียวเหมือนกัน แหะๆ
พักแป๊บนะคะ วิ่งกลับเต็นท์ก่อน เดี๋ยวจะ้ใช้ hot spot จากมือถือรีวิวต่อจ้าาาา จุ๊บๆๆ
ตอนหน้าจะพาไปรับประทานอาหารอร่อยๆ และชมวิวสวยๆ ตะลุยเที่ยวที่เขาค้อกันต่อก่อนเดินทางกลับค่ะ ติดตามชมตอนต่อไปได้ที่ http://travel.sanook.com/blog/?p=51247