เส้นทางแห่งรักขับทะลุเมฆไปกอดดอยสีชมพูที่ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า ภูลมโล เขาค้อ ตอนที่ 4
ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว มาถึงเขาค้อและแวะเข้าที่พัก พาออกไปเที่ยววัดกันแล้ว ตอนนี้ไปลุยเขาค้อกันต่อยาวๆ ก่อนจะจบทริปกลับบ้าน......
หลังจากเที่ยวชมความสวยงามของวัดพระธาตุผาแก้วแล้ว ก็แวะมานอาหารร้านประจำ ร้านครัวนายต๋อยกันค่ะไปเพราะเมนูปลาช่อนแป๊ะซะล้วนๆเลย
น้ำแกงรสจัดอร่อยกลมกล่อมมากค่ะ ที่ชอบที่สุดคือเค้าจะให้น้ำแกงและผักเพิ่มให้ด้วยนะค่ะ ถ้วยนี้เป็นถ้วยเติมค่ะ จัดเต็มจริงๆ
เห็ดหอมผัดน้ำมันหอยทานเล่นๆกรุบกรับสดอร่อยค่ะ
ไก่ทอดเกลือก็อร่อยมากค่ะ
หมดไปอีกวันค่ะ คืนนี้นอนหลับสบายบนเตียงนุ่มๆที่บลูสกาย เขาค้อ ฟินมากหลังจากนอนตัวขดหลังแข็งในรถที่ภูทับเบิกและนอนเต็นท์ที่หินร่องกล้า คืนนี้หลับเป็นตาย ตื่นสายเลยค่ะ
แต่ก็ไม่พลาดที่จะเดินขึ้นไปชมบรรยากาศยามเช้าสวยๆของเขาค้อกันอีกครั้งค่ะ
มุมด้านบนนี้สามารถมองเห็นผาซ่อนแก้วได้ใหญ่อลังการสวยงามจริงๆค่ะ
อากาศเย็นสดชื่น สายหมอกบางๆ ดอกหญ้าและเขาค้อ มันมาด้วยกันเป็นแพ็คเกจค่ะ
บลูสกาย เขาค้อหน้าหนาวมันช่างสวยสบายดีจริง เสียดายไม่มีหมอกเนอะ
สงสัยจะรอให้ถึงปลายฝนต้นหนาวไม่ไหวที่จะได้กลับไปเขาค้ออีกครั้งซะแล้ว
ขอแทรกเขาค้อหน้าฝนยามมีหมอกบางๆแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบนะคะ ไปมาเมื่อตอนเดือน ก.ค. ค่ะ
หมอกหน้าหนาวหายากค่ะ เพราะไม่ค่อยมีความชื้นเท่าไหร่ ปลา่ยฝนต้นหนาวน่าจะสวยที่สุด
ออกจากโรงแรมกันตั้งแต่เช้าเพื่อจะขึ้นเขาค้อ ก็ไม่ลืมที่จะแวะทานกาแฟที่ร้านกาแฟน่ารักๆริมทางหลวงหมายเลข 12 คือ Story cup coffee ซึ่งอยู่ติดกันทางเข้าบลูสกายเลยค่ะ เช้านี้แดดดีจัง
แก้วนี้อร่อยมากค่ะ ช็อคโก สตรอเบอรี่ลาเต้ หวานหอมกลิ่นกาแฟผสมสตรอเบอรี่ ชื่นใจสดชื่นยามเช้าค่ะ
พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก บนเขาค้อ
ถ้าขับรถลงไปเที่ยวเส้นน้ำตกศรีดิษฐ์ ไปอช.ทุ่งสแลงหลวงก็จะผ่านที่พักสวยๆ ร้านกาแฟน่ารักๆหลายที่และทิวทัศน์ที่สวยงามของหุบเขาเนินเขาที่เขาค้อ ส่วนตัวชอบที่นี่ค่ะ สวยงามสะดุดตามากจนอดไม่ได้ที่จะแวะไปทานกาแฟ (อีกแล้ว) และเก็บภาพดอกไม้สวยๆกันค่ะ
แทนรักทะเลหมอก เขาค้อ
สวนดอกไม้สวยมากๆๆค่ะ
มีมุมสวยๆให้เ้ก็บภาพเยอะแยะเลยแต่ไม่ได้เก็บภาพมามากนัก
วิวมุมกว้างอีกรูปค่ะ
แสงอาทิตย์ยามเช้ากระทบกับหยดน้ำค้างยอดหญ้า ขนาดขับรถผ่านแสงสะท้อนก็ยังระยิบระยับงามจับตาจนอดไม่ได้ที่จะลงไปเก็บภาพกันพักใหญ่ ชุดนี้ใช้เทเลคิท 55-300 ถ่ายมาทั้งหมดค่ะ เสียดายไม่มีเลนส์มาโคร ไม่งั้นจะเก็บโลกทั้งใบใส่หยดน้ำค้างมาฝากกันค่ะ
โบเก้กระจายมากค่ะ
ความงามตามธรรมชาติแบบนี้รอเราออกไปค้นหาอยู่ค่ะ
สร้อยเพชรหยดน้ำค้าง
ทุ่งหญ้าสีทองริมทางไปอช.ทุ่งแสลงหลวง ฝั่งทุ่งหญ้าสะวันนาค่ะ
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ฝั่งทุ่งหญ้าสะวันนา
ไม่ได้เข้าไปถึงทุ่งนางพญา ทุ่งโนนสนนะคะ วนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่แค่ที่ทำการค่ะ บริเวณจุดกางเต็นท์ร่มรื่นน่าพักมาก มีจักรยานให้เช่าขี่เล่น มีบ้านพักหลังใหญ่ที่ดูดีสวยงามกว่ารีสอร์ทเอกชนหลายแห่ง เห็นแล้วปลื้มค่ะ น่าจะเป็นบ้านพักอุทยานที่สวยงามที่สุดแห่งนึงเลยทีเดียว
มุมนี้ทำเลดีมากค่ะ ด้านหน้าเป็นมุมเปิดมีหนองน้ำอยู่ในที่ลุ่มกว่า ชมวิวมุมกว้างได้สวยงามค่ะ
รูปเน่ามากเลย ใส่ฟิลเตอร์อีกซักใบ แหะๆ
ก่อนกลับกรุงเทพแวะเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพกันซักหน่อย ใช้เส้นนี้บ่อยๆแต่ไม่เคยแวะซักครั้ง
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบูรณ์ อุทยานมีพื้นที่ครอบคลุมโบราณสถานในเมืองเก่าศรีเทพ ศรีเทพเป็นเมืองโบราณที่อยู่ในท้องที่อำเภอศรีเทพ เดิมมีชื่อว่า "เมืองอภัยสาลี" ถูกค้นพบเมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไปตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์ และได้ทรงเรียกเมืองนี้เสียใหม่ว่า "เมืองศรีเทพ"
เมื่อปี พ.ศ. 2447-2448 เมืองโบราณศรีเทพนี้มีลักษณะเป็นเมืองซ้อนเมืองขนาดใหญ่ ที่ตั้งของเมืองอยู่ในชุมทาง ที่สามารถติดต่อกับภาคอื่น ๆ ได้สะดวก ดังนั้นจึงได้รับอิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมจากอาณาจักรข้างเคียง มาผสมผสาน เช่น ศิลปะทวารวดี ศิลปะขอม เป็นต้น เมืองศรีเทพสร้างขึ้นในยุคของขอมเรืองอำนาจ ซึ่งคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี โดยดูจากหลักฐานทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และวัฒนธรรมที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน
ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความเจริญสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม สันนิษฐานว่าเจริญอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 ถึงพุทธศตวรรษที่ 16
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพได้รับรางวัล Thailand Tourism Award ประจำปี 2543 2 รางวัลคือ รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโบราณสถานยอดเยี่ยมและรางวัลสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ด้านอินเทอร์เน็ตดีเด่น
เมืองศรีเทพอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ 107 กม. ห่างจากอำเภอวิเชียรบุรีประมาณ 25 กม. มีเนื้อที่ประมาณสองพันไร่เศษ มีกำแพงเมืองที่ก่อด้วยดินล้อมรอบ และมีคูเมืองนอกกำแพง มีประตูเมืองทั้งสี่ทิศค่ะ การเข้าชมเราต้องจอดรดไว้ที่ลานจอดแล้วใช้บริการรถนำเที่ยวของทางอุทยานขับเที่ยวชมภายใน โดยไม่เสียค่า่ใช้จ่ายเพิ่มค่ะ
การเดินทาง เมืองศรีเทพอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ 130 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 21 (เฉลิมพระเกียรติ-หล่มสัก) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 102 แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2211 ไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตรจะเห็นป้ายบอกทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพอยู่ด้านขวามือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00–16.30 น. โทร. 0-56921-322, 0-56921-354
จากกรุงเทพเมื่อมาถึงสามแยกพุแคให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 21 (เฉลิมพระเกียรติ-หล่มสัก) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 102 แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2211 ไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตรจะเห็นป้ายบอกทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพอยู่ด้านขวามือ
(ที่มาข้อมูลของเมืองศรีเทพจากวิกิพีเดียค่ะ)
ระหว่างทางกลับกรุงเทพ อย่าลืมแวะเที่ยวชมทุ่งปอเทืองเหลืองอร่ามที่สวยงามริมทางหลวงหมายเลย 21 ด้วยนะคะ มีหลายแปลงทั้งขาขึ้น ขาล่องเพชรบูรณ์เลยค่ะ
เส้นทางนี้แม้จะเป็นเส้นทางที่คุ้นเคย มาเที่ยวกันหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเบื่อและจะได้ความสุขและความประทับใจกลับไปทุกครั้ง แต่คราวนี้มีความพิเศษตรงที่ได้ไปภูลมโลถึง 2 ครั้งภายใน 2 อาทิตย์หลังจากได้ยินชื่อของที่นี่มาพักนึงแล้ว อยากเห็นกับตาเหลือเกินว่าดอยสีชมพูที่งดงามสะพรั่งไปด้วยดอกนางพญาเสือโคร่งนับแสนต้นในพื้นที่ 1200 ไร่มันจะอลังการได้ขนาดไหน แม้ว่าช่วงเวลาที่ไปเยือนเป็นช่วงที่เค้ายังออกดอกแค่ 20-30% แต่ก็สนุกและประทับใจมากทั้ง 2 ทริป น่าเสียดายว่าไม่มีโอกาสเห็นช่วงที่เค้าบานสวยที่สุดซึ่งน่าจะเป็นกลางเดือนนี้ ใครที่จดๆจ้องๆที่จะไปชมความงามของซากุระไทยที่ปลูกมากที่สุดในประเทศก็อย่ารอช้านะคะ เสาร์อาทิตย์นี้น่าจะเป็นช่วงทีเค้าเริ่มบานเต็มที่ สนใจก็ไปอัพเดทสถานะการณ์กันได้ที่แฟนเพจของททท.พิษณุโลกที่ https://www.facebook.com/GreenSeasonFunAll ได้เลยค่ะ
ขอบคุณเพื่อนร่วมทางทั้ง 2 ครั้งที่ทำให้ทริปนี้เป็นทริปที่อบอวลไปด้วยความรัก ความอบอุ่น ความสุข มิตรภาพและเสียงหัวเราะ แม้จะพลาดหวังที่จะขับทะลุเมฆอย่างที่ได้ตั้งใจแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะการเราได้ใช้เวลาทำอะไรหลายอย่างที่เป็นครั้งแรกร่วมกัน เริ่มตั้งแต่ออกเดินทางด้วยรถที่เช้าที่สุดในชีวิตคือตั้งแต่ตี 1 เพื่อจะมานอนรอดูหมอกที่เขาค้อตอนตี 5 การเดินป่าไปบ่นไป การนอนเต็นท์ด้วยกัน ยืนฝ่าลมหนาวที่หนาวเหน็บมางมถ่ายดาวด้วยกันที่ภูทับเบิก การร่วมทริปยาวๆด้วยกันเป็นครั้งแรกหรือแม้กระทั่งการนอนหนาวแต่อบอุ่นในรถ และอื่นๆล้วนเป็นประสบการณ์การเดินทางที่ดีและน่าจดจำมากกว่าเป็นไหนๆ
ขอบคุณททท.พิษณุโลกที่ทำให้เกิดทริปอันสุดแสนประทับใจนี้
ขอบคุณมิตรไมตรีของผู้คนที่ได้พบเจอะเจอตลอดทั้งทริป ถ้าได้เห็นรีวิวนี้คงจะจำกันได้นะคะ
ขอบคุณผู้ชมรีวิวทุกคน ทุกไลค์ ทุกโหวตและทุกคำทักทายล้วนเป็นกำลังใจให้กับคนรีวิวเป็นอย่างมากค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันจนจบค่ะ
ทริปนี้ไม่ได้เป็นทริปที่ถ่ายรูปมากที่สุด แต่ไม่บ่อยที่จะรวบทริปหลายวันให้อยู่ในกระทู้เดียวและรีวิวนี้เป็นรีวิวมีรูปมากที่สุดในชีวิต กว่าจะรีวิวจบเล่นเอาหลังแทบหัก อิอิ
เจอกันใหม่ในรีวิวหน้าพาไปนอนสุดหรูที่คอนราด โตเกียว ญี่ปุ่น
และ Fin destination ที่สวีเดน ล่องเรือข้ามทะเลบอลติคไปเอสโทเนีย เร็วๆนี้ค่ะ
รับรองจะรีวิวให้ยาวย้วยชมภาพกันจุใจเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ จรุ๊ฟๆๆ