5 เหตุผลที่ควรมาเยือนเมือง “ตูนิส” ประเทศตูนิเซีย เมืองฟ้าขาว ซักครั้งในชีวิต!
ใครกันที่เคยบอกไว้ว่า ประเทศ “แอฟริกาใต้ ” นั้น “น่ากลัว”
อย่าไปเที่ยวเลย เดี๋ยวโดนปล้นนะ
อย่าไปเที่ยวเลย เดี๋ยวกลับมาโดนตัดแขน ตัดขา กลับมาไม่สมประกอบนะ
อย่าไปเที่ยวเลย ค่าใช้จ่ายสูง คงไม่สวยเท่าไหร่หรอกมั้ง
อย่าเลย ….
วันนี้จะพาไปเยือน เมือง “ตูนิส” ประเทศตูนิเซีย ทวีปแอฟริกาใต้ สวยและไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
หวังว่าคงจะถูกใจ เพราะไม่ค่อยเห็นคนพาไปรีวิวประเทศแปลกๆ เช่นนี้ ยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าบทความรีวิวนี้มีโอกาสช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆ ชวนกันออกไปท่องโลก
มาทำความรู้จักเบื้องต้น ว่าตูนิส นี่อยู่ส่วนไหนของโลก? CR. รูปภาพจากคุณพานทองม้วน
ประเทศตูนิเซีย เป็นประเทศอาหรับมุสลิมในทวีปแอฟริกา (เหนือ)
ภูมิประเทศ ติดกับประเทศอัลจีเรียและลิเบีย ใครที่เคยจินตนาการไว้ว่า มาเที่ยวแอฟริกาคงจะต้องเจอคนผิวสี อยากบอกว่าคิดผิดถนัดเลยค่ะ เพราะประชากรกว่า 10.8 ล้านคน หน้าตาค่อนไปทางแขกผิวขาวซะมากกว่า
ภูมิประเทศยังใกล้กับประเทศยุโรป เช่น อิตาลี ตูนิเซียจึงเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยว ตากอากาศสำหรับชาวยุโรป และ ชาวเพื่อนบ้านอย่างอัลจีเรียค่ะรวมไปถึงภูมิประเทศยังติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (เดี๋ยวพาไปดูวิวข้างบน มองลงมาแล้วเห็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สวยจับใจเลยทีเดียว)
ว่าแล้วไปดู 5 เหตุผลที่ควรมาเยือนเมือง “ตูนิส” ประเทศตูนิเซีย เมืองฟ้าขาว ซักครั้งในชีวิต!
1. เพราะตูนิสเป็นเมืองมุ้งมิ้ง
ย่านท่องเที่ยวสุดฮิต ที่ทำให้เมืองตูนิส เป็นที่รู้จักก้องโลกว่า ดินแดงสวรรค์แห่งเมืองฟ้าขาว คือ เมืองซิดิ บู ซาอิด (Sidi Bou Said) ลักษณะเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้จำเมืองนี้ได้ขึ้นใจ ด้วยบรรยากาศหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมทะเลและถูกเนรมิตรทาสี ฟ้า-ขาว เห็นครั้งแรกแล้วยังนึกว่ามันคือเกาะซานโตรีนี่ ที่ประเทศกรีซซะอีก (แต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเกือบครึ่งเลยนะ!)
ไม่ต้องบรรยายมาก ก็พอจะเห็นความมุ้งมิ้งของตัวเมืองเนอะ
ย่านซิดิบูซาอิด ไม่ใช่แค่ย่านการค้า หรือ ตลาดรองรับนักท่องเที่ยว แต่มันคือหมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัย และใช้ชีวิตประจำวันกันอยู่จริงๆ แต่มีบ้างที่พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีแหล่งขายของที่ระลึก
สไตล์ประมาณนี้ค่ะ ใครที่สะสมของพื้นเมืองแบบนี้ ขามาพยายามนำกระเป๋ามาให้โล่งๆนะคะ ขากลับจะได้พื้นที่เพียงพอสำหรับของเหล่านี้ (ถ้วย ชาม โคมไฟ)
หมู่บ้านเล็กๆ ที่ใช้ระยะเวลาเพียงประมาณ 2 ชม. ก็เดินรอบเมืองแล้ว * แต่การันตีว่า จะต้องมีจุดให้หยุดแวะพัก ไม่ว่าจะเดินเล่นทอดน่อง ตามตรอกซอกซอย , แวะจิบชายามบ่ายชมวิวไปกับทะเลเมดิเตอริเนียน , นั่งมองผู้คน ไม่มีเบื่อเลย
ประตูบ้านและรถของผู้คนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นๆ
ปิดท้ายด้วยมุม Signature ชมความงามของอ่าวตูนิส
** เมืองเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น แนะนำว่าให้ไปถึงช่วงประมาณบ่ายโมง แล้วเดินเล่น ถ่ายรูปกำลังสวยงามพอดีเพราะไม่ย้อนแสง และสามารถใช้เวลาได้จนถึงช่วงเย็น ชมพระอาทิตย์ตกค่ะ
** ณ ที่ความสูงระดับนี้ มองลงไปข้างล่างจะเห็นเป็นทะเลเมดิเตอร์รีเนียน แต่ทว่าเราไม่ได้ใช้วิธีเดินเท้าขึ้นมา ณ จุดสูงแห่งนี้นะคะ สามารถบอก Local Taxi ให้มาส่งที่ย่านเมือง ซิดิ บู ซาอิด (Sidi Bou Said) หลังจากนั้นค่อยใช้วิธีเดินเท้า เพื่อลัดเลาะทางถนนหิน เพื่อมายังจุดนี้ค่ะ
# เพราะตูนิสเป็นเมืองที่มุ้งมิ้ง
2.เพราะตูนิส ตอบโจทย์นักเดินทางทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Backpacker , Honeymoon Couple , Solo Traveller หรือแม้กระทั่ง Hipster
กลุ่มคนประเภท Priority ที่อยากแนะนำให้มา เที่ยวเมืองตูนิสอันดับแรกเลย คือ “กลุ่มคู่รัก” ไม่ว่าจะเป็นแฟน คู่รัก คู่ฮันนีมูน มาเติมเชื้อเพลิงความหวานให้แก่กันและกัน อยากบอกว่าเมืองมันได้ฟีลลิ่งนั้นจริงๆค่ะ อากาศเย็นสบาย เดินจับมือเดินไปตามตรอกซอกซอย
*ในรูปข้างล่างเป็นท่าเรือจอดเรือยอรช์
เน้! มีรูปมาพิสูจน์ ว่าเค้ามากันเป็นคู่ๆ ค่ะ : )
รองลงมา สำหรับกลุ่มนักเดินทางประเภท แบ๊คแพคเกอร์ คนโสด หรือคนที่ชอบเที่ยวคนเดียว ก็มาเที่ยวได้เช่นกัน ไม่มีปัญหา ฝนกล้ายืนยันว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศในแอฟริกาที่ปลอดภัยมากๆ อาจจะเจอแขกขี้แซว ขี้หลีซักหน่อย (ตามประสาคนชาติเค้า) แต่รับรองว่าเค้าไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวค่ะ เพราะประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามส่วนใหญ่แล้วกฎหมายบ้านเรือนเค้าจะค่อนข้างซีเรียสค่ะ ลืมเรื่องกรณีข่มขืนและถูกขโมยของไปได้เลย แต่ในกรณีโดนโกงเงิน หรือ ถูกขายของในราคานักท่องเที่ยว ราคาเบิ้ลสองเท่า อันนี้ย่อมมีได้เช่นกัน
3. เพราะตูนิสเป็นเมืองที่ทำให้ “ระลึกถึง” เพราะ “ของที่ระลึก” เก๋ๆ มีให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว
สำหรับใครที่เป็นนักสะสมของที่ระลึกตัวยง จัดได้ว่า ห้ามพลาด! ตามร้านค้าส่วนใหญ่ที่เปิดขาย สินค้าหลักส่วนใหญ่ คือ ผ้า แม่เหล็ก โปสการ์ด เครื่องประดับ จาน ชาม ซึ่งพิเศษตรงที่ งานทุกชิ้นคืองานแฮนด์เมด และราคาไม่แพง (ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งถูกค่ะ ต่อรองราคาได้ ไม่ต้องเดินหนี)
ส่วนเราที่เป็นสาวกแม๊กเนต เพราะเชื่อว่า การซื้อของที่ระลึก คือ สิ่งที่ทำให้ “ระลึกถึง” อาศัยให้ช่วยเป็นเครื่องมือบันทึกความทรงจำ ไม่ว่าไปเยือนประเทศไหน หรือเมืองไหน ก็จะได้ได้แม่เหล็กติดไม้ติดมือกลับมาด้วยทุกครั้ง (ที่เลือกสะสมเป็นแม่เหล็กเนื่องจากว่า สะสมง่าย ขนส่งง่าย และราคาไม่แพง ถ้าเทียบกับจานชามและ โคมไฟค่ะ) แต่พระเจ้า! เชื่อมั้ยว่า ประเทศตูนิสเป็นประเทศแรกที่ทำให้เราตกตะลึง และตื่นเต้นสุดๆ ไปกับการเลือกซื้อแม่เหล็ก ของฝาก เต็มไปด้วยของสวยงาม ละลานตา เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
กรี๊ดมากๆ เลือกไม่ถูก ตัดใจไม่ได้ ชิ้นไหนก็น่ารัก สรุปคนขายเลยยื่นข้อเสนอมาว่า ซื้อ 5 อันขายในราคาประมาณ 500 บาท
แต่สำหรับแม่เหล็กทางซ้ายมือในรูปที่ทำจากเซเรมิก ราคาเอาเรื่องอยู่เช่นกัน อันละประมาณ 300 บาทค่ะ (หรือราคาหลอกขายก็ไม่รู้)
เครื่องแก้ว เครื่องประดับ เช่น หนึ่งชิ้นจะราคาประมาณ 20 ดีน่า หรือประมาณ 350บาท
4. เพราะตูนิส สมควรได้รับสมญานามว่า “เมืองบ้าอะไร คนเฟรนด์ลี่โครตโครต”
ตลอดระยะเวลา 1 วันที่อยู่เมืองตูนิส ถูกรายล้อมไปดูผู้คนที่น่ารัก ยื่นมิตรภาพดีๆ มาให้ ทำให้เรารู้สึกว่าช่วยดึงทัศนคติที่เคยมีต่อคนแอฟริกาเปลี่ยนไป (เราโดนขโมยกล้องที่โจฮันเนสเบิร์กค่ะ) รู้สึกว่าเมืองเค้าน่าอยู่ หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นเมืองที่ “ชิล ชิล ” ดูได้จากคุณพี่ร้านขายของที่ระลึกเป็นต้น ขอต่อราคาของพี่เค้าก็จะทำหน้าลำบากใจ ว่าเค้าได้กำไรน้อยจริงๆ บอกตลอดว่า Pleaseeeee ซื้อเถอะนะ (ฉันลำบากนะยู ) อื้มมมมม ช่วยพี่เค้าหน่อยมั้ยล้ะ
ลุงขายดอกมะลิ ที่มีลีลาการขายที่เด็ดและไม่เหมือนใคร! ไม่ซื้อดอกมะลิข้าหรอ เต้นโชว์ลีลา (บิดดอกมะลิให้บาน) จนสุดท้ายต้องยอมซื้อพี่แก ดอกมะลิในราคา 2 ดีนาร์ หรือประมาณ 40 บาท (ที่จริงราคาพื้นเมืองคือดอกละประมาณ 10 บาทค่ะ)
ลุงอารมณ์ดีค่ะ เอาดอกมะลิมาทัดที่หูด้วย คนที่นี่ยิ้มเก่งไม่แพ้ชาติไทยเลยทีเดียว
ส่วนนี่เป็นหนุ่มน้อยอัลจีเรีย ที่เดินทางมากับพี่สาว มาขอถ่ายรูปด้วย คนประเทศแทบนี้เค้าก็ชอบคนเอเชียค่ะ ยิ่งคนโตพี่สาวพอมาขอถ่ายรูปด้วย มีโอบเอว และหอมแก้มเฉยเลยค่ะ (หันไปทำหน้าอึ้งหนึ่งดอก) แต่เป็นธรรมเนียมบ้านเค้าค่ะ มาเที่ยวถือว่าได้เห็นอะไรใหม่ๆ เปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ
5. เพราะตูนิส มีของอร่อยให้กิน และค่าครองชีพไม่แพง
ทั้งวันสรุปแล้วเราใช้เงินไป 800บาท (ค่ากิน 300 ค่าแม็กเนต 500 บาท กินเหล็กแทนข้าวประจำ) ค่าครองชีพไม่แพงเลย การเดินทางที่นี่สะดวกสบายเพราะมี Taxi แบบมิเตอร์ (ไม่มีราคาเหมาจ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย)
** แท็กซี่ราคาเริ่มต้นที่ 0.4 ดีน่าหรือประมาณ 7 บาท
ร้านอาหารแบบ Open มีให้เลือกนั่งจิบชาเยอะมากๆ
แต่ส่วนใหญ่จะเน้นออกไปในแนวร้านขนม เบเกอรี่ มานกว่าร้านอาหารเมนคอร์สค่ะ
ส่วนไอ้นี่เลยยย!! ขนมที่ต้องลอง ขายอยู่ในย่านเมืองซิดิบูซาอีดน่ะแหละค่ะ อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง ยังไงก็ต้องเดินผ่าน มันคือขนมที่ชื่อว่า Bambaloni เป็นขนมคล้ายๆ โดนัททอด แต่แป้งบางกรอบกว่า ทอดแบบ Deep Fried และนำมาคลุกกับน้ำตาล ราคาชิ้นละ 1 ดีน่า หรือประมาณ 20 บาท
ของหวาน
ร้านคาเฟ่ ART CAFÉ
กับมื้อเย็นที่เราฝากท้องไว้กับร้านอาหารสไตล์ครอบครัว อาหารอิตาลี (80 เปอเซอร์ของร้านอาหารที่นี่ คือ อาหารอิตาลี รองลงมาคือ ตุรกี จีน และ อาหารพื้นเมือง) จานนี้คือสปาเกตตี้ซีฟู๊ด คาโบนาร่า ซึ่งมื้อเย็นตกเฉลี่ยแล้วคนละประมาณ 300 บาทค่ะ
ส่วนอันนี้คืออะไรไม่รู้จริงๆ ค่ะ เพราะคุยกับคนขายไม่รู้เรื่อง หาซื้อได้ตามร้านซุปเปอร์มาเกต
สิ่งที่ควรระวัง
ระหว่างทางจะมีคนพื้นเมืองถือนกตามที่เห็นในรูป เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวเดินผ่านก็จะคอยเรียกให้ไปถ่ายรูปด้วย โดยไม่บอกราคา แต่จะพยายามยัดเยียดเลย และแน่นอนว่าเราหลงกล!! พอเราติดกับปุ๊ป (นกเกาะอยู่ที่แขน) คนพื้นเมืองก็จะวิ่งไปถ่ายรูป 2-3 ช๊อตให้เรา หลังจากนั้นก็บอกว่ามีค่าถ่ายรูปประมาณ 40 ดีน่าร์หรือประมาณ 750บาท โห้ยยยย นี่มันรีดเลือกจากปูกันชัดๆเลย เราเลยบอกว่า “จะบ้าหรอ ฉันไม่มีเงินหรอกนะ มีแค่ 200 บาท จะเอาหรือไม่เอา ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องเอา” กับคนประเทศนี้ถ้าเค้าเล่นแรงมา เราขู่ฟ่อๆ กลับไปเลยไม่ต้องกลัว พอขู่เสร็จก็อย่าลืม รีบเดินหนีนะคะ ! 5555
.
.
หมดแล้วเมืองในสวรรค์ราวกับหลุดไปในเทพนิยาย อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาสัมผัสและจะหลงรักเมืองนี้
นอกจากนี้เมืองตูนิสยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย เช่น ทั้งโบราณสถานยุคอนาจักรโรมัน โคลอสเซี่ยม หมู่บ้านริมทะเล โอเอซิสกลางทะเลทราย รถไฟสายท่องเที่ยว รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมชิ้นงานประดับโมเสกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตามรอยได้จากกะทู้ดังต่อไปนี้
http://pantip.com/topic/31815340
http://board.trekkingthai.com/board/print.php?forum_id=2&topic_no=319383&topic_id=324053&mode=lite
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2012/02/E11702221/E11702221.html
การขอวีซ่า
http://nycvisa-khonkaen.weebly.com/visa-tunisia.html
ติดตามเรื่องราวสนุกๆ ได้อีกที่
https://www.facebook.com/middleeastcabincrew
ขอบคุณสปอนเซอร์สายการบิน การ์ต้าเเอร์เวย์ http://www.qatarairways.com/index.html
เเละกระเป๋าสวยๆ จาก Pellevah http://www.pellevah.com/