วัดท่าซุง ปราสาททองคำตระกาลตา

วัดท่าซุง แห่งนี้ มีชื่อเต็มๆว่า วัดจันทาราม ตั้งอยู่ 2 ฝั่งถนน ทางฝั่งที่มีปูชนียสถานใหม่ๆเกิดขึ้น สร้างโดย พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)  หรือที่เรารู้จักกันในนาม หลวงพ่อฤาษีลิงดำนั่นเองค่ะ

วัดท่าซุง เมื่อไปครั้งแรกนั้นพอไปถึงก็จอดรถไว้ไกลจากวัดพอสมควร เพราะวันที่ไปวัดน่าจะมีงาน คนเลยค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับแน่น เดินได้แบบสบายๆค่ะ เนื่องจากวัดท่าซุงมีทั้ง 2 ฝั่งถนน พวกเราเลือกไปฝั่งวัดที่ดูเงียบๆก่อน เข้าไปปุ๊บจะเห็นมณฑปแก้ว ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่เลยค่ะ มณฑปแก้วฝั่งนี้จะเปิดเวลา 9.00-10.30 และ 12.30-16.00 น.ค่ะ

มณฑปแก้วตั้งเด่นเป็นสง่า

บรรยากาศภายในมณฑปแก้ว

ทำบุญพานเงิน พานทอง สำหรับใครที่ต้องการนำพานไปสักการะพระพุทธรูปสมเด็จพระสมณโคดมหรือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

สักการะบูชาสมเด็จพระสมณโคดม หรือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

พอลงมาจากมณฑปแก้ว ก็จะเจอกับวิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์

ด้านหน้าวิหารจะพบกับพระพุทธรูป และพญาศรีสัตยานาคราช (นาคราชผู้เป็นใหญ่อันยิ่งด้วยความสัตย์) และพุทธรัตนนาคราชเจดีย์วัดท่าซุง

สักการะบูชาพระพุทธรูปภายในวิหาร

                                                                      ด้านหลังวิหารมีศาลารอยพระพุทธบาท 12 ราศี

ด้านข้างศาลารอยพระพุทธบาท มีรอยพระพุทธบาทสีทองให้สักการะ

สักการะหลวงพ่อพระมหากัจจายนะเถระ

เดินวนออกมาหน้าวิหาร บริเวณด้านข้างจะเจอกับระฆังยักษ์

พอข้ามฝั่งถนนมาเข้าวัดท่าซุง ที่มีสิ่งปลูกสร้างเยอะหน่อย ก็จะพบปูชนียสถานสวยงามตระการตามากๆ เริ่มกันที่ ปราสาททอง

บริเวณด้านนอกของปราสาททอง

ฝั่งซ้ายมือของปราสาททอง เป็นอาคารสีขาว ก่อสร้างอย่างสวยงามมีระเบียบ

แต่งแต้มสีทองทั่วทั้งปราสาท

พอก้าวเข้าไปในปราสาททอง จะเห็นถึงความสวยงามตระการตา

วิวเบื้องนอกปราสาททอง

จากนั้นก็เดินออกไปวิหารสมเด็จองค์ปฐม ระยะทางไกลจากประสาททองพอสมควร จริงๆทางวัดมีรถรับส่งจากอีกฝั่งของวัดมาสู่ฝั่งที่จูนอยู่ แต่ครอบครัวเราข้ามถนนมาแล้ว เดินมาสักพักแล้ว เลยคิดเสียว่าฝึกความสตรองไปเลยแล้วกัน ก็เลยเดินรวดเดียวไม่มีการขึ้นรถค่ะ

ภายในวิหารสมเด็จองค์ปฐม

โซนเครื่องสักการะสีเงิน

เดินออกมาจากวิหารสมเด็จองค์ปฐม จะเห็นเต็นท์ขนาดย่อมกางเรียงราย จริงๆตรงนี้ คือเขตธุดงค์สำหรับพราหมณ์หญิงค่ะ ผู้ชายและบุคคลภายนอกห้ามเข้า อ้อ! ที่วัดท่าซุงมีอาคารรับรองสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมด้วยนะคะ แล้วคุณผู้หญิงไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคน เพราะคนมาปฏิบัติธรรมที่จูนเห็นเยอะพอสมควร ฉะนั้นอุ่นใจได้เลยค่ะ

เดินผ่านพอดี น้องตูบอาจเมื่อยหน้า แอบถ่ายไว้เป็นที่ระลึก อิอิ

เอาล่ะค่ะ และแล้วก็มาถึงสถานที่ไฮไลท์ นั่นก็คือ วิหารแก้ว นั่นเองค่ะ วิหารแก้วแห่งนี้มีช่วงเวลาเปิด ปิด นะคะ เหตุที่ต้องมี เพราะจะต้องมีช่วงเวลาที่กันไว้ให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้เข้าไปนั่งสมาธิค่ะ ซึ่งเวลาที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมได้ ก็คือช่วงเช้า 9.00-11.00น.(อันนี้ไม่ชัวร์ว่า 11.0 หรือ11.40 นะคะ) และช่วงบ่ายเปิดตั้งแต่เวลา 14.00-16.00 น.ค่ะ

บริเวณด้านหน้าทางเข้าวิหารแก้ว

บริเวณด้านข้างก่อนเข้าวิหารแก้ว มีมณฑปพระปัจเจกพุทธเจ้า (พระปัจเจกพุทธเจ้า คือ ผู้ที่ตรัสรู้แต่ไม่ได้เผยแผ่ ไม่มีสาวก และจะเกิดขึ้นช่วงที่ไม่มีพระพุทธศาสนา)

บรรยากาศภายในวิหารแก้ว ตระการตามากค่ะ แล้วจะเป็นแบบนี้ทั้งวิหาร มองไปจะรู้สึกว่าเรามองสุดลูกหูลูกตา ไม่มีที่สิ้นสุด

สรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ภายนอกวิหารแก้ว

วันที่จูนและครอบครัวไป แม้แดดจะร้อน และเดินตลอดทริป แต่ก็เป็นทริปที่สบายใจ อิ่มใจอย่างที่สุด ใครที่ยังไม่รู้ว่า วันหยุดยาวแบบนี้จะไปไหน วัดท่าซุง เป็นสถานที่อยากให้ไปค่ะ^_________^

 

สอบถามรายละเอียด หรือติดตามกิจกรรม ข่าวสารเกี่ยวกับวัดท่าซุงได้ที่  www.watthasung.com