มามะ มารู้จัก “มัลดีฟส์” ก่อนไปติดเกาะด้วยกัน …

มามะ มารู้จัก “มัลดีฟส์” ก่อนไปติดเกาะด้วยกัน …

มามะ มารู้จัก “มัลดีฟส์” ก่อนไปติดเกาะด้วยกัน …
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อารมณ์ติดเกาะยังปุดๆอยู่ เลยรีบปั่นข้อมูลเที่ยวมัลดีฟส์ เดสติเนชั่นที่ห่างหายจากวงการท่องเที่ยวของชาวไทยไปพักใหญ่ … ทริปมัลดีฟส์ครั้งนี้ เป็นรอบที่สองของฉันภายในสิบปีค่ะ ^^ … ประเทศนี้ น้ำทะเล ท้องฟ้า และเหล่าปะการัง สวยงามจับใจจริงๆ ไปแล้วเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก เข็มนาฬิกานิ่งสนิท เวลาเดินช้ากว่าปกติหลายเท่าตัว … เสน่ห์แบบนี้ ทำให้ฉันกระหายอยากกลับไปอีก ทั้งๆที่เพิ่งกลับมาตัวยังไม่ลอกจนเกลี้ยงเลย

มามาะ … โพสนี้ ฉันจะพาไปรู้จัก “มัลดีฟส์” กันก่อนว่า เขามีที่มาที่ไปยังไง ประเทศอยู่ที่ไหน อะไรที่เอาเข้าได้ และอะไรที่ไม่ควรพกไปโดยเด็ดขาด!!!

“มัลดีฟส์” หรือ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ เป็นประเทศที่เกิดจากกลุ่ม Atoll (อะทอลล์) หรือหมู่เกาะปะการัง ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย มีแนวประเทศใกล้กับอินเดียและศรีลังกา

Maldives_Fotor

 

สายการบินที่บินตรงจากกรุงเทพไปมัลดีฟส์ มีเพียงสายการบิน Bangkok Airways ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 20 นาที ราคาตั๋วตกคนละ 20,000-25,000 บาท (สายการบินศรีลังกา เปลี่ยนเครื่องที่โคลอมโบ ราคาประมาณ 13,000-15,000 บาท และสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์)

DSCF5723

“มัลดีฟส์” มีภูมิประเทศกว้างใหญ่ แต่กลับมีพื้นดินที่อยู่อาศัยได้เพียง 300 ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่าเกาะสมุยนิดเดียวเองค่ะ

หมู่เกาะปะการังทั้ง 26 กลุ่ม มีจำนวน 1,190 เกาะ ทว่าอยู่อาศัยได้เพียง 200 เกาะ และกว่าครึ่งกลายเป็นโรงแรมและรีสอร์ทหรูหราหารายได้เข้าประเทศ

DSCF5711

DSCF5708

จุดสูงที่สุดของประเทศ สูงเพียง 2.3 เมตรเหนือระดับทะเลเท่านั้น … คิดง่ายๆว่าเตี้ยกว่าเพดานห้องนอนที่บ้านอีกค่ะ  ดังนั้นหลายคนจึงเชื่อว่า “มัลดีฟส์” จะหายไปจากโลกในอนาคตอันใกล้นี้

เมืองหลวงของมัลดีฟส์ มีชือว่า “มาเล่” มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 200,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศที่มี หรือ 400,000 คน

ภาษาราชการคือภาษาดิเวฮิ แต่ภาษาอังกฤษ ก็เป็นภาษาที่สอง สอนกันตั้งแต่เรียนหนังสือ ชาวมัลดีเวียน (Maldivian หรือ คนมัลดีฟส์) จึงสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีเกือบทุกคน ส่วนหนึ่งคงเพราะมัลดีฟส์เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมของสหราชอาณาจักรเป็นเวลากว่า 79 ปี จนได้รับเอกสารเมื่อปี 2508 นี้เอง

สกุลเงินของมัลดีฟส์ คือ รูฟียาห์ แต่ไม่จำเป็นต้องแลกไปค่ะ เพราะค่าโรงแรม ร้านอาหาร และสิ่งของที่ซื้อถูกเปลี่ยนเป็น US Dollar ให้กับนักท่องเที่ยว ดังนั้นเงินที่ต้องพกเมื่อไปมัลดีฟส์ คือ เงิน US ค่ะ

DSCF5701

เวลาที่มัลดีฟส์ช้ากว่าไทย 2 ชั่วโมง เช่น ถ้าเมืองไทย 7 โมงเช้า ที่มัลดีฟส์จะเป็นเวลาตี 5 … ฉันจึง jet lag ตื่นตั้งแต่ตี 5 ทุกวันเลย 555

คนไทยไปมัลดีฟส์ ไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ อยู่ได้ถึง 30 วัน ถ้าไม่ถังแตกเสียก่อน …

สภาพอากาศของมัลดีฟส์ เป็นแบบร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 27 – 30 C ตลอดทั้งปี และช่วงไฮซีซั่น ที่ปราศจากมรสุม เริ่มตั้งแต่ธันวาคม – มีนาคม

หลังจากเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน จุดศุลกากรและรับกระเป๋าใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น

อาหารและสินค้าที่ห้ามเอาเข้าประเทศ มี เหล้า เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิด วัตถุบูชา เนื้อหมู อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด สื่อและสิ่งพิมพ์ลามก เพราะมัลดีฟส์ตอนนี้เป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามค่ะ

ด้านนอกสนามบิน ไม่มีร้านสะดวกซื้อดังเช่นสนามบินอื่นๆ ไม่มี 7-11 แต่มีร้านอาหาร Thai Express ซึ่งข้าวผัดกระเพราไก่อร่อย รสจัดจ้าน ในราคาจานละ 10 เหรียญ หรือ 350 บาท เช่นเดียวกับ Burger King ชุดละ 10 เหรียญ ร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม … ซึ่งบอกตรงนี้เลยว่าค่าใช้จ่ายของมัลดีฟส์สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยค่ะ

DSCF5734

DSCF5745

DSCF5749

DSCF5748

ใครไม่ได้แลกเงิน US ติดตัวไป ก็มาแลกได้ที่ Bank of Maldives  … แต่ไม่แนะนำ เพราะอัตราน่าจะสูงกว่าแลกที่เมืองไทย (อะไรๆที่มัลดีฟส์ก็แพงกว่าไทยสามเท่าตัวค่ะ)

DSCF5750

ซิมโทรศัพท์ก็มีขายเช่นกัน ในราคาตั้งแต่ 16-60 US แต่ถ้าที่รีสอร์ตมีไวไฟบริการฟรีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อค่ะ ยกเว้นจะอยากโทรศัพท์กลับบ้านผ่านเบอร์ปกติ หรือเบอร์มือถือ ซึ่งแพ็กเก็จมีให้เลือกหลายชนิด ดูได้ในรูปภาพที่ถ่ายมานะคะ

DSCF5754

DSCF5755

DSCF5756

การเดินทางไปที่โรงแรม … แนะนำให้ติดต่อกับโรงแรม และจัดการให้เรียบร้อยก่อนเดินทางไป บางโรงแรมนั่งเรือเฟอร์รี่ แต่บางที่ก็ต้องบินไปโดย Sea Plane ราคาค่าเดินทางไปโรงแรม จะแยกออกมาจากค่าที่พัก ซึ่งโดยเฉลี่ยค่าเรือเฟอร์รี่ประมาณ 200-300 US และค่าเครื่องบิน 400-600 US ต่อคนค่ะ

DSCF5760

สิ่งของที่ควรเตรียมไปด้วย เพราะที่นั่นไม่มีขาย หรือมีขายก็ราคาแพงกว่า 3 เท่าตัว 1) ขนมขบเคี้ยวที่ชอบ 2) น้ำอัดลม โซดา หรือน้ำชาเขียวที่ติด 3) น้ำพริกตาแดง หรือน้ำพริกซอง น้ำปลา เพิ่มรสชาติอาหาร 4) ครีมกันแดดและครีมทาหลังแดด 5) อุปกรณ์ถ่ายรูปทั้งหมด  6) หนังสือดีๆสัก 1-2 เล่ม 

และสิ่งของที่ไม่ควรเตรียมไป 1) คอมพิวเตอร์ทำงาน 2) แบลก์เบอร์รี่ 3)อุปกรณ์สื่อสารจากที่ทำงาน … ทิ้งไปให้หมดสิ้น ^^ 

เพราะเรากำลังจะไป “ติดเกาะ”กันแล้วค่ะ

จูน ศศิวิมล : Thaifootprint.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook