Innsbruck , Austria เมืองเล็กๆ แต่หัวใจไม่เล็ก ...

19 ส.ค. 58 (23:42 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

The World is a book, and those who do not travel read only a page.

” โลกเราก็เหมือนหนังสือ ใครที่ไม่ได้เดินทางไปไหน ก็เหมือนกับเพิ่งอ่านไปแค่หน้าเดียว …”

สองเท้า – เกาโลก

fanpage : https://www.facebook.com/scratchdaworld

เนื่องด้วยในวาระปีใหม่แห่งชาติ ที่ผ่านมาปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวยุโรปตะวันออกมาครับ ทั้งสิ้น 19 วัน ทั้ง ออสเตรีย เชค เยอรมัน ฮังการี สโลวาเกีย เรียกได้ว่าจัดเต็ม จนระบบภูมิต้านทานอุณหภูมิ ในร่างกายแทบรวน เนื่องจากอากาศหนาวจนอวัยวะทั้ง 32 ชิ้น ….แข็งงง !

ขอรีวิวเป็นเมืองๆ เพื่ออรรถรส และความเพลิดเพลิน และ เป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ออกมาท่องโลกด้วยกัน

อินส์บรูค (Innsbruck) อยู่ในประเทศ Austria เป็นเมืองเมืองหลวงของรัฐ Tyrol ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มอิน (Inn Valley) โดยมีแม่น้ำอินไหลผ่าน และถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ คำว่า”bruck” มีรากศัพท์มาจากภาาษเยอรมันแปลว่า “bridge” Innsbruck=Bridge over the Inn ตัวเมืองมีประวติศาสตร์ยาวนาน และมีทัศนียภาพที่สวยงามจากเทือกเขาแอปล์ที่โอบล้อมอยู่จนได้รับการขนามนาม ว่า Capital of Alps .. เป็นไงล่ะ สมยานามพี่แกธรรมดาสะที่ไหน

การเดินทางมาจาก กรุงเวียนนา ก็ไม่ยากครับ นั่งรถไฟจากสถานี westbannhof มาลงที่เมืองนี้ได้เลย ! ตารางรถไฟคลิก http://www.oebb.at/en/

และหลังจากก้าวขาลงมาจากรถไฟ ลากกระเป๋ากำลังจะเดินไปหาโรงแรม ไม่ทันไร ก็เจอ landmark แรกของที่นี่แล้ว มันใกล้มาก นั่นคือ ประตูชัย ( Triumphpforte )

Innsbruck เป็นเมืองเล็กๆ ครับ สามารถเดินเที่ยวได้หมดภายในครึ่งวัน แล้วใช้เวลาอีกครึ่ง ขึ้นไปยอดภูเขาหิมะกัน ( ถ้าไปกับทัวร์ จะจบแค่ในเมืองซะส่วนใหญ่ )

หันมาอีกซอกก็เห็นบ้านเมืองเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ….

หันซ้าย…หันขวา อ้าว โรงแรมเราอยู่ติดกับประตูชัยเลย แนะนำครับที่นี่ ราคาไม่แพงมาก และ ทำเลดีมากที่สุดในสามโลก

หันมาอีกด้าน ก็เจออีกซอก …. น่าเดินทุกองศา

” Time you enjoy wasting is not waste time ”
หากเรากำลังสนุก และมีความสุขกับเวลาที่มันเสียไป นั่นไม่ใช่การเสียเวลา …. ”

จาก รร. เรากำลังจะเดินก้าวเท้าไปเกาโลกกันต่อ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ เสาในตำนาน … เดี๋ยวรู้กันว่าจะงามแค่ไหน

ยินดีที่ได้รู้จัก Miss.Annasaule หรือ เสา Annasaule สันนิษฐานว่าเป็นผู้หญิง เพราะนางชื่อแอนนา เรียกได้ว่าอลังการพอตัวครับ กับมุมนี้ กดชัตเต้อกันอย่างเมามันส์

บางทีก็กดๆชัตเตอร์โดยไม่ต้องคิดอะไร ก้อเพลินดี … ชีวิตเราบางทีก็คิดให้มันน้อยลง ใช้หัวใจให้มากขึ้น…ความสุขก็จะมาเอง

เพลินๆ กับมุมบังคับ ระยะหวังผล …

สถานีต่อไปนั้น เราจะขึ้นยอดเขา Hafelekarspitze กัน ที่นี่เป็นลานสกี ที่มีชื่อเสียงที่หนึ่งใน Innsbruck และเดินทางสะดวกจากประตูชัยครับ ไปเรื่อยๆ จะเห็นสิ่งก่อสร้างหน้าตาแบบนี้ ก็มุดลงไปโลด.. คุณมาถูกแล้ว

ขึ้นกระเช้ามาจุดพักแรก ก็จะเห็นวิวเมือง Innsbruck ในระยะที่ 1 และจะสูงขึ้นในชั้นถัดไป โดยรูปนี้ใช้เลนส์ zoom ส่องตึกรามบ้านช่องของเค้า .. สีสรรโดนใจ วัยโจ๋จริงๆ

” ใช้ชีวิต ในทุกๆวันของคุณ ให้เสมือนว่าเป้นวันสุดท้ายของชีวิต ” ><

บรรยากาศ ความสุข ความยิ่งใหญ่บางอย่างที่อยู่ข้างหน้าเรา แม้ไม่สามารถเก็บมันใส่กระเป๋ากลับบ้านได้ แต่เราเก็บมันในรูปแบบอื่นๆได้นะ ชีวิตจริงก็เช่นกัน … จากจุดชมวิวที่สอง … อลังการ level 2 ครับ

ความสุขที่มันไกลมากๆๆ เราสามารถดึงมันเข้ามาใกล้และเก็บมันได้ …ด้วยเทคโนโลยี …. แป่ววว

และเราก็ขึ้นมาถึง อลังการ level ที่ 3 โดยมีการต้อนรับด้วยภัตตาคารบนยอดเขาหิมะ ที่มีวิวสุดอลังการปานจะกลืน.. ถ้าได้นั่งด้านนอกจะฟินมาก แต่มันหนาววจริงๆ เลยเข้าไปตากฮีตเต้อ กินกันด้านในแทน

จากรูปด้านบน หากขยับกาย ย้ายสะโพก ไปนั่งโยกตรงโต้ะเหล่านั้น … สิ่งที่ท่านจะเห็นต่อไปนี้ คือภาพวิวตอนกินข้าวระดับความอลังการสูงสุดในชีวิตเท่าที่ผมเคยเห็นมา แล้ว…เสียดายกินข้าวไม่ได้ กินลมหนาวแทนจนปากม่วงละ ..

จากภัตตาคารลอยฟ้า หันไปข้างๆ จะมีลานหิมะ ที่มีคนมาเล่นสกีบ้าง ถ่ายรูปบ้าง และ ผมเห็นสิ่งก่อสร้างบางอย่างแลดูน่าสนใจ จึงรีบเข้าไปดุ …

เห็นเจ้านี่ลิบๆ แลดูเสียวไปนะ …

มีคนมาเล่นสกีกันเรื่อยๆ ทางเราก็อยาก แต่เวลาไม่เอื้อออ…. เสียดายจังง

ผันตัวเองมาเป็นพรีเซนเต้อแพร้พ ….

สิ่งปลูกสร้างที่เห็น มันคือบาร์ ที่ใช้หิมะและอุปกรณ์อื่นๆ มาถ้ำให้เหมือนถ้ำ โดยเฉพาะด้านใน ซึ่งได้อารมณ์มาก เข้าใจว่าน่าจะปิดหน้าหนาว เพราะแลดูเงียบๆ แต่ก็ไม่แน่ เพราะยังงเช้าๆอยู่….

เบียร์วุ้นสักขวดมั้ยครับ ?

ด้านในจะอารมณ์ประมาณนี้ครับ มีบาร์ กับบูทดีเจ อยู่ทางด้านขวามืออ …

เดินกลับเข้ามาด้านในตึก จะมีทางออกไปอีกด้าน … ออกมาแล้วจะพบ spot โคนา ของสินค้ายี่ห้องหนึ่ง อยากรู้จริงๆ rate บนที่สูงแบบนี้ คิดราคายังไง !

เพลิดเพลินกันพออิ่มใจ อิ่มท้อง กันแล้วก็ทอดน่องลงมาด้านล่าง เดินมาสักพัก ก็พบกับ อาคารเหลืองอร่ามสะดุดตา อาคารนี้ …. คืออัลไลก้อไม่รู้ เห็นแล้วปวดอึเลยยย

“One’s destination is never a place, but a new way of seeing things.” ชอบประโยคนี้จัง ..
เป้าหมายของการเดินทาง ไม่ใช่สถานที่ ที่ใดที่หนึ่ง แต่มันคือการที่เราได้ออกไปเห็นสิ่งต่างๆ ตะหากล่ะ ”

หลังลงมาจากยอดเขา ก็ได้เวลา หา landmark ต่อไป ทะลุตรอกชอปปิ้ง ของที่นี่ เพลินตามากครับ ของน่ารักเต็มไปหมด..

เจอแล้ว หลังคาทอง หรือ the golden roof … เรียกว่าเป็น landmark otop ของที่นี่เลยก็ว่าได้

นานาสาระ…
หลังคาทอง(Golden Roof) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองอินน์สบรูก ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ Friedrich ที่ 4 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 สำหรับเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแคว้นทิโรล ต่อมาจักรพรรดิ Maximilian ทรงปรับเปลี่ยนโกลเด้นรูฟให้เป็นสไตล์โกธิกผสมบาโร้ก และได้ทรงตกแต่งส่วนของหลังคาที่ยื่นออกมาจากระเบียงด้วยทองคำแท้ จำนวน 2,738 แผ่น เพื่อใช้เป็นที่ทอดพระเนตรเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นบริเวณจัตุรัสด้านหน้าที่ประทับ

บริเวณจตุรัส ตรงหลังคาทอง หากหันหลังให้หลังคาทอง แล้วมองตรงไป จะเห้นบรรยากาศแบบนี้ครับ เป็นอีกหนั่งจตุรัสหลักของเมืองเล็กๆน่ารักเมืองนี้ …. สวยดีนะ

ยังอยู่ที่เดิมครับ คึกคักจริงๆ นี่ขนาดผมไปในช่วง cristmas eve พอดี หลายร้านปิดครับ จะเงียบๆ กว่าปรกติ .. นี่คือเงียบแล้วนะ … ถ้า high season นี่ น่าจะล้นนตลาดสด ผลไม้แน่นอน

เมื่อ demand มากกว่า supply >>> ทำให้แถวยาว >>> ส่งผลให้รอนาน >>> แล้วก้อ … ช่างแม่มก้อด้าย เท่วต่อดีกว่า

เอาล่ะ เรากำลังจะเดินไปที่ landmark หลัก ที่คนชอบถ่ายรูปพลาดไม่ได้เลยจริงๆ นั่นคือ ….. กลุ่มหมู่บ้านสีลูกกวาด เข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง โดยอิงกับหลักสูตรฮวงจุ้ย แห่งมณฑลไหหลำ ประเทศจีนน มีแม่น้ำด้านหน้า และด้านหลังเป็นถูเขา

มันคือ candy house ครับ บ้านหลากสี ที่มี BG เป็นภูเขาหิมะ …. สวยสะกดจริงๆ …

” ชีวิตเราเลือกเกิดไม่ได้ ..แต่เราเลือกที่ที่จะไปได้ ” แต่ก่อนอื่น…. อ้าว หมดตูดดดดสะละ

กว้างๆ สักรูป ให้ดูความเป็นระเบียบ และ โทนสี ><

จากนั้นก็เดินกลับมากลางจตุรัสเพื่อขึ้นไปชมวิว ที่ City hall กันครับ ….ขาลากใช้ได้ กว่าจะถึงยอด ถามว่าคุ้มมั้ย ให้รูปภาพเหล่านี้ตอบแทนผมครับ

สิ่งหนึ่งที่หลายเสียงเห็นด้วยคือ ” การเดินทางนำพาพลัง , ความสุข และ แรงบันดาลใจ กลับคืนสู่ ชีวิตเสมอ ”

” แต่ละมุม แต่ละคน แต่ละที่ มีความงามในตัวของมันเอง … อยู่ที่เรามอง ”

เพลินตาาา เพลินใจ จริงๆ …

กลับลงมา ก็ไม่ลืมมาทักทาย เพื่อนตัวเบ้ง ที่ยืนพงาบๆ ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกวัน เห็นแล้วนึกถึง … จ่าเฉย ไงไม่รุ้วว

มาช่วงนี้หน้าหนาวแบบนี้ มีข้อเสียอย่างนึง เรียกว่า ” daytime cost ” หรือ อารมณ์ประมาณ อยากเที่ยวเย็น ๆ มีหิมะ เอ็งก็จะได้เวลากลางวันสั้นกุด …. 4 โมงจะมืดแล้ววคร่าบบบ