รีวิวร้าน L'Atelier de Joël Robuchon จากเชฟที่ได้ดาวจากมิชิลินมากที่สุดในโลก
นักชิมและนักกินอาหารคงจะต้องได้ยินชื่อเสียง เรียงนามของเชฟ Joel Robuchon เป็นอย่างดีแน่น่อนครับ เซฟคนนี้ได้ดาวมิชลินมากที่สุดในโลกจากหลากหลายร้านอาหารทั่วโลกเลยครับ ดาวที่ได้ส่วนมากล้วนเป็น 2 ถึง 3 ดาวครับ และในเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทีมจาก L'Atelier de Joël Robuchon ก็มาเปิดที่ในประเทศไทยของเรา ในกรุงเทพครับ ร้านจะอยู่ที่ ชั้น 5 ของตึก Mahanakorn Cube ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ครับ
บรรยากาศภายในร้านจะถูกตกแต่งด้วยสีโทนแดง ชมพู ดำครับ ร้านจะมีลักษณะเป็น Fine-Dining มีความหรูหรา สวยงาม ภายในร้านจะแบ่งเป็นสองส่วนหลักๆคือ ส่วนที่เป็น Open-Kitchen กับ ส่วนที่นั่งด้านในซึ่งค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัวกว่าครับ
แต่ด้วยคอนเซ็ปจริงๆของร้านนั่นก็คือ การทานอาหารบริเวณ Open Kitchen ครับ คุณจะสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศการกินพร้อมกับได้พูดคุยและเห็นเชฟทำอาหารแบบสดๆ ตรงหน้ากันเลยครับ แต่ที่หน้าประทับใจเลยคือ ไม่มีกลิ่นจากการทำอาหารเลยครับทำให้ไม่เสียบรรยากาศในการกิน
สำหรับอาหารมีทั้งเป็น Set Lunch, Set Dinner และ A la Carte ครับ วันนี้ผมได้มาลองเมนู Set Dinner มีทั้งหมด 7 ครอสด้วยกันและมี Wine Pairing เพิ่มครับ
Set Dinner 5000++ for 5 courses, 7500++ for 7 courses, Wine Pairing 5 or 7 glasses 3000/ 4000 บาทครับ
เปิดมาด้วย Bread Basket มีขนมปังให้เลือกทานหลายแบบมากๆครับ ขนมปังแต่ละตัวจะทำสดใหม่ทุกวัน สิ่งที่พิเศษเลยคือรสชาติของขนมปังมีความหอม อร่อยอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทาเนยเพิ่มครับ แต่ระวังกินขนมปังเยอะๆ จะถูกตัดกำลังนะครับฮ่าๆๆๆ
ปกติแล้วทางร้านจะเสริฟ amuse bouche มาให้ทานก่อนครับ ตัวนี้เป็น Foie Gras มากับโฟมและมูสเข้ม ซึ่งอร่อยมากๆครับ
ครอสที่ 1: A surprise of Sologne Imperial Caviar ผมประทับใจเมนูนี้มากๆเลยครับ Layer ชั้นบนสุดเป็นไข่ปลาคาเวีย ถัดมาเป็นเยลลี่ที่มีส่วนผสมจาก Lobster และชั้นสุดท้ายเป็นเนื้อกุ้งครับ รสชาติลงตัวกันอย่างมาก เวลาทานต้องทานด้วยกันทั้ง 3 ชั้นครับ
ครอสที่ 2: Apple and beetroot tartare with guacamole and green mustard sherbet
ครอสที่ 3: Pan-fried duck foie gras with confit cherries and fresh almonds หลายต่อหลายคงจะต้องชื่นชอบ Foie Gras เป็นอย่างมาก ทางร้านอาหารก็ทำออกมาได้อร่อยมากๆครับ ทานคู่กับซอสเชอร์รี่และถั่วแอลม่อนลงตัวกันสุดๆๆๆ สามารถทานได้อีกจานเลยครับ
ครอสที่ 4: Wild Atlantic Turbot, artichokes and parsley, sautéed chanterelle mushroom ชื่อซะยาวเลยครับ ง่ายเลยๆ มันคือปลาครับ แต่โดยธรรมชาติของปลาแล้วจะไม่ค่อยมีรสชาติมากเท่าไหร่ การที่ทำให้เมนูอร่อยได้นั้นต้องมาจากซอสครับ ซึ่งซอสที่ทางร้านทำขึ้นมาเพิ่มรสชาติให้ปลาได้อย่างดีครับ
ครอสที่ 5 ( Main Course ): ปกติแล้วจะต้องเลือก 1 Main course ครับ แต่ใน Blog นี้ผมโชว์รูปจากของเพื่อนผมด้วยครับ นอกจากนี้ทางร้านจะเสริฟ Mash Potato ซึ่งเป็น Signature ของที่ร้านครับ มีความหอม นุ่มและ เนื้อเนียนมากๆเลยครับ
Sweetbread with Sauteed girolles mushrooms and delicate Risotto
Milk fed lamb cutlets from Pyrenees with fresh thyme แกะที่ทางร้านนำมาทำอาหารนั้นจะไม่มีกลิ่นสาบเลยครับ แกะจะถูกเลี้ยงโดยน้ำนมอย่างเดียว ยังไม่ผ่านการเลี้ยงโดยหญ้าครับซึ่งทำให้เนื้อแกะมีความนุ่มและไม่มีกลิ่นสาบครับ เมนูแกะนี้เป็นเมนู Signature ของทางร้านครับ
Free range quail stuffed with foie gras served with potato purée and herb salad เมนูนี้คือนกกระทาทอดครับเสริฟมากับ foie gras ผมเกิดมาพึ่งเคยกินนกกระทาเป็นครั้งแรก บอกได้คำเดียวเลยว่า ฟิน! ครับ
ครอสที่ 6: Lemon Pearl with an acacia honey jelly and a bergamot flavored emulsion
เมนูของหวานที่มีรสเปรี้ยว ดับรสชาติอาหารคาวที่ทานมาก่อนหน้านี้ได้ดีมากๆเลยครับ
ครอสที่ 7: Your own preferences from the dessert trolley
ของหวานที่ผมเลือกมามีด้วยกัน 4 อย่างครับ นั่นคือ Pistachio Cake, Chocolate Macadamia Tart, Vanilla Millefeuille, และ Chocolate Mouse ครับ
Where: L'Atelier de Joël Robuchon Bangkok, 5th Floor, MahaNakhon CUBE, 96 Narathiwas Ratchanakharin Rd.,
When: 11:30- 14:30, 18:30 - 22:30
How: BTS ช่องนนทรี
Tel: +66 (0)2 001 0698
Website: http://robuchon-bangkok.com/