ซ้ายก็เหว ขวาก็เหว สักครั้งที่ "เขาช้างเผือก"
"เขาช้างเผือก" เป็นหนึ่งในยอดเขาที่นักเดินทางหลาย ๆ คนกล่าวถึงว่าสักครั้งหนึ่งฉันจะต้องมาพิชิตให้ได้สักครั้ง (เอ่......จริงไหมน๊า) ด้วยเส้นทางที่ตื่นเต้นและท้าทายตลอดเส้นทางจนไปถึงยอดช้างเผือก จุดเด่นก็ตรงสันคมมีดนี่แหละ หันซ้ายหันขวาก็มีแต่เหว !!!!! เพื่อนร่วมเดินทางบางคนถึงกับเอ่ย ..... เธอทิ้งฉันไว้กลางทางก็ได้นะ (^__^)
"เขาช้างเผือก" ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,249 เมตร ระยะทางจากจุดเดินเท้าถึงยอดสุดเขาช้างเผือกมีระยะทาง 8.5 กิโลเมตร เดินง่าย คนที่หัดเดินป่าเดินเขามาได้ค่ะ ขอเพียงมีใจรับและความกล้า
บรรยากาศสดชื่น ๆ ยามเช้า เตรียมความพร้อมก่อนขึ้นเขา ^_^ ณ หมู่บ้านอีต่อง
ทางขึ้นเขาช้างเผือกอยู่ในหมู่บ้านปิล๊อก อยู่ห่างจากอุทยานฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร ก่อนเข้าไปทางอุทยานฯ จะแจ้งเงื่อนไขและต้องจ่ายค่าผ่านทางต่าง ๆ เช่น ค่าขึ้นเขา ค่าเข้าอุทยานฯ ค่ากางเต้นท์ข้างบน ค่าคนนำทาง เป็นต้น หากจะใช้ลูกหาบที่นี่ก็มีบริการเช่นกันนะคะ
มาถึงกันแต่เช้ามืด อากาศช่วงที่มานี่ก็หนาวจับใจเลยทีเดียว ทั้งหนาวเย็น ทั้งลม เรื่องอาบน้ำไม่ต้องพูดถึง (อาบแห้งกันเอาก็แล้วกันนะ) ใช้เวลาส่วนตัว เตรียมข้าวของที่จำเป็นพร้อมลุยเขากันล่ะนะ ที่หมู่บ้านจะมีร้านค้า จุดรวมพลของนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เราสามารถหาซื้อข้าวของไว้กินตอนเที่ยง พร้อมตุนเสบียงไว้มื้อเย็น และเช้าของอีกวันไว้นิดหน่อย
เมื่อทุกอย่างพร้อม จะรออะไรกันอยู่หล่ะค่ะ ลุย...................
เส้นทางไม่ได้มีต้นไม้ใหญ่มากนัก จะเป็นป่าไผ่ ทุ่งหญ้าหัวโล้น เดินไป ถ่ายรูปไป ช่วยลดอาการเหนื่อยได้เหมือนกันนะ ซึมซับกับบรรยากาศหุบเขา 2 ข้างทางไปเรื่อย ๆ เจอเพื่อนร่วมทางที่เดินไปจุดหมายปลายทางเดียวกัน ก็ทักทายกันไป ให้กำลังใจกันไป เหนื่อยหน่อยก็จิบน้ำ อมลูกอมเพิ่มความสดชื่น ร้อนหน่อยก็หลับที่พุ่มไม้ละกันนะ ^_^
เดินบนทุ่งหญ้า มันก็สวยดีนะ ทุ่งหญ้าสีทองกระทบกับสายลม
เอ่................หากระหว่างทางปวดหนัก ปวดเบา จะทำยังไง ????? เอิ่ม..........เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติสิคะ เฮ่...........พกทิชชู่เปียกไว้หน่อยก็ดีนะคะ ระหว่างทางบอกเลย ไม่มีน้ำ ห้องน้ำเป็นห้องน้ำหลุมค่ะ อาศัยการพลางตัวไปกับธรรมชาติ (^__^)
ใช้เวลาในการเดินขึ้นราว ๆ 3-4 ชั่วโมงก็ถึง Base Camp ละ หามุมกางเต้นท์เหมาะ ๆ นะคะ เพราะจุดที่กางเต้นท์เป็นช่องลมพอดี ๆ กลางคืนหากลมแรง เต้นท์อาจจะมีหลุดได้นะคะ
หนทางยังไม่จบแค่นี้นะ >>> ตั้งแคมป์เสร็จ พักเหนื่อยได้สักพัก ประมาณบ่าย 3 เจ้าหน้าที่จะพาพวกเราไปพิชิตสันคมมีดจริง ๆ ละ นี่แหละจะเป็นจุดที่เราจะวัดใจเราละ ทั้งปีน ทั้งคลาน เดินเซ ๆ ครบเลยค่ะ
ณ จุด ๆ นั้นบอกได้เลยค่ะ แอบกลัวเหมือนกัน ด้วยที่ว่าลมก็แรง การทรงตัวยังไม่ค่อยดี เลยต้องคลาน ๆ ไป จนแน่ใจว่า ฉันจะยืนได้ละ เห้อ........ผ่านมาได้โล่งเลย เดินชมวิวทิวทิศน์ 180 องศา ต้นหญ้ากระทบกับแสงแดดยามเย็นเป็นสีทอง อร่ามทั่วเนินเขา ลมเย็น ๆ มองดูพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศแบบนี้หาได้ยากนะ ^___^
ขึ้นมาแล้วก็ซึมซับกับบรรยากาศให้เต็มปอด เก็บบรรยากาศกันไป แต่อย่าลืมนะ เดี๋ยวเราต้องลงทางเดิม !!!!!! การทรงตัวขาลงดีกว่าขึ้น เพราะเรารู้จังหวะละ ช่วยเหลือกันระหว่างทาง ณ จุดนี้ได้มิตรภาพกันไปเลย อ่อ............อย่าลืมเตรียมไฟฉายไปด้วยนะ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอาจจะกลับมาช้ากว่าปกติ ฟ้าอาจจะมืดจนทำให้มองไม่เห็นทาง ควรกะเวลาลงให้ดี ๆ นะคะ (หน้าหนาวมืดเร็ว สว่างช้าเสียด้วย)
ถามว่าเย็นนี้อาบน้ำที่ไหน ?????? อาบแห้งตามเคยค่ะ ทิชชู่เปียก เช็ดแขนเช็ดหน้าพอละ มาป่านี่นา ต้องอดทนกันหน่อยนะ ไงก็กลิ่นเดียวกันหมดละ อากาศดีหน่อยก็นอนนับดาวกันไป หากเจอฝนก็วิดน้ำหน่อย อิอิ เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ
เช้าตรู่ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นได้นะ ก็ได้อีกบรรยากาศ หนาว ๆ ลมเย็น ๆ เช้านี้ก็รองท้องกันเบา ๆ กับเสบียงที่เหลือ เพิ่มพลังสักหน่อย
เจ้าหน้าที่จะพาลงเขาตั้งแต่ช่วงเช้า เจ็ดโมงเช้าเป็นเวลามาตรฐาน จะใช้เวลาลงเขาประมาณ 3 ชั่วโมง เดินกลับทางเดิมเลยนะ ^_^ เมื่อเราเดินลงมาถึงหมู่บ้านปิล๊อก จัดเลยค่ะอย่างแรกอาบน้ำ ^_^
***** รู้สักนิดก่อนขึ้นเขาช้างเผือก *****
1. ขึ้นได้เพียงวันละ 60 คนเท่านั้น
2. ควรมาสัมผัสเขาช้างเผือกใน 2 ช่วงคือ ช่วงเปิดฤดูกาล เขาทั้งลูกจะเป็นสีเขียวขจี และช่วงปิดฤดูกาล เขาทั้งลูกจะเป็นสีทองเหลืองอร่าม ทั้งนี้ระยะเวลาใน การเปิดปิดฤดูขึ้นอยู่กับทางอุทยานฯ ในแต่ละปีจะอยู่ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนมกราคม
3. แอบขึ้นเขาช้างเผือกโดนปรับ 500 บาทนะคะ หากไม่ขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ
4. เด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ งดก่อนนะคะ ไม่เหมาะ ๆ
5. ว่าด้วยเรื่องเทคโนโลยี สัญญาณโทรศัพท์ AIS จะมีตลอดเส้นทาง DTAC มีเพียงบริเวณ Base Camp และ True บนยอดเขาเลยจ้า แต่ทางที่ดีปิดทุกการรับรู้ เปิดไว้เพียงหัวใจ ซึมซับกับความสวยงามของธรรมชาติกันดีกว่าเนอะ
หลายคนก็ถามนะว่า เขาช้างเผือกไม่เห็นมีอะไรเลย แต่ทำไมไปกันจัง ต้องลองมาดูนะคะ แล้วคุณจะเห็นว่า ในความไม่มีอะไรนั้น มันแฝงไปด้วยประสบการณ์ ความสวยของธรรมที่รังสรรค์สร้างขึ้น ความสวยงามของท้องฟ้ว ทิวเขา ต้นหญ้า ความโหดของการปีน ความมีน้ำใจของเพื่อนร่วมเดินทาง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ลองเถอะค่ะไม่เสียหายอะไร มันคือกำไรชีวิตดี ๆ นี่เอง "ครั้งนึงฉันไป ณ จุด ๆ นั้นได้อย่างไร"
YingYim