หนทางเซียนปราบเซียน ณ “สันหนอกวัว”
สเน่ห์ของป่าเขา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม ความงดงามก็ช่างแตกต่างกันตามช่วงเวลา วันนี้กับพรุ่งนี้เราอาจจะมองมุมเดิม แต่แตกต่างกันด้วยสีของธรรมชาติที่คอยแต่งแต้มเติม นี่แหละคือมนต์สเน่ห์ของการเดินป่า ครั้งนี้หญิงยิ้มเองจะพาไปเดินป่าเขาเขียวทางตะวันตกของประเทศ ที่อำเภอสังขระ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยไปพิชิตสันคมมีดที่เขาช้างเผือกมาบ้างแล้ว แต่ครั้งนี้หญิงยิ้มจะพามาปราบเซียน กับเส้นทางเดินป่าที่ครั้งหนึ่งเราต้องไปพิชิตให้ได้
เรารวมกันกันแบบงง ๆ ว่าจะไปไหนดี ต่างคนก็ต่างมีสถานที่ ที่อยากไป ต่างคนต่างเสนอมา บางที่ที่เสนอมาป่าถูกปิดกระทันหันด้วยพายุฝนเข้าบ้าง บางที่ยังไม่เปิดให้ท่องเที่ยวก็มี และแล้วไอเดียก็เกิดขึ้น ไปมั้ย ........... "สันหนอกวัว" หลังจากนั้นคำถามมากมายก็เกิดขึ้น ที่ไหน??? ไปยังไง??? ติดต่อยังไง??? เตรียมอะไรบ้าง??? ร่างกายพร้อมไหม ป่าเป็นยังไง บลา ๆ ........... เห้ย.... เอาเป็นว่าทุกคนไปหาข้อมูลมานะ (^_^) และแล้วทุกคนก็ตกลงที่นี่แหละ เราต้องไปสักครั้ง
“สันหนอกวัว” คือ หุบเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี มีความสูง 1,767 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และสูงกว่า “เขาช้างเผือก” ที่เรารู้จักกัน หลายคนอาจจะมุ่งมั่นไปพิชิตเขาช้างเผือกกัน แต่สันหนอกวัวหลายต่อหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักเลย ว่ามันอยู่ที่ไหนกันน๊า...... “สันหนอกวัว” ตั้งอยู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอสังขละบุรี แนวเทือกเขาเขียวชอุ่ม ที่นี่มีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสูงและสมบูรณ์ นอกจากต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่นแล้ว ที่นี่ยังมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อีกด้วย
เราจัดแจงข้าวของกันที่จุดชมวิวป้อมปี่ (อุทยานแห่งชาติเขาแหลม) ลูกหาบเจ้าหน้าที่ประจำตามกลุ่ม เราเอาแต่เฉพาะข้าวของที่ใช้จริง ๆ เท่านั้นพอค่ะ ที่เหลือเก็บไว้ในรถโลด
สัมภาระพร้อม เราเตรียมเดินทางกันเลยค่ะ
รถของทางอุทยานฯ จะนำเราไปส่งยังจุดต้นทางการเดินป่า "สันหนอกวัว"
เราทุกคนไม่มีใครรู้เลยว่าเส้นทางที่เราเดินนั้นเป็นอย่างไร รู้แต่ว่าต้องเดินประมาณ 10 กิโลเมตร
ช่วงแรกจะเป็นป่าทึบ ใต้ร่มไม้ใหญ่ ขึ้นลงเขาสลับทางเรียบชายเขา ลมเย็น ๆ พัดสบาย ๆ ในช่วงแรก เส้นทางช่วงแรกไม่ค่อยชัดนัก เดินเกาะกลุ่มกันดี ๆ (หญิงยิ้มก้มถ่ายรูปแป๊บเดียว เงยหน้ามา ไปทางไหนหว่า)
จากนั้นก็เป็นป่าไผ่ละ ไผ่แต่ละชนิดขึ้นสลับกัน เอ..............แต่หาหน่อไม้ไม่เจอเลย (สงสัยหมดหน้าหน่อไม้ผุด)
เดินมาสักพักก็ได้ครึ่งทางละ ทำไงหล่ะค่ะ พักกินข้าวเที่ยงกันตรงนี้นะละกัน (โหลดคาร์โบไฮเดรตตรงนี้ โคตรอร่อยอ่ะ #แค่หมูกระเทียมไข่ต้มราดน้ำปลาพริก ฟินล์)
อิ่มละ หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ........ เห้ย ....... ไม่ได้นะต้องไปต่อ ระยะนับจากนี้ถือว่าหินพอสมควรเลย ทางลาดชันเชิงเขา ต้องเกาะเชือกดีดีนะ เดี๋ยวจะลื่นเอาได้ เรียกว่าเซียนก็เซียนเหอะ ยืนยิ้มกันเลยเชียว
แต่ด้วยเส้นทางที่โหด ก็แฝงด้วยความสวยงามข้างทาง เราสามารถมองเห็น เขาเรด้า ได้ทางขวามือเช่นกัน
เดินเรียบชายเขาด้วยความระมัดระวังนะคะ พลาดไปกลิ้งไปตรงไหนไม่รู้นาาาาาา.............
เดินไปถ่ายรูปไป ก็เหมือนได้พักเหนื่อยนี่แหละ เราไต่ระดับค่อย ๆ สูงขึ้นวิวแนวเขาข้างทางก็สวยไม่แพ้กัน
ดอกไม้ป่า สีม่วงอมชมพูขึ้นแซมระหว่างทาง มันก็สดชื่นไม่แพ้กัน (แวะมุมนี้หน่อยละกันเนอะ)
จากจุดนี้สามารถมองเขาเรด้าท่ามกลางมวลดอกไม้ (คือไม่คิดเหมือนกันว่าในป่าจะได้วิวแบบนี้)
ใกล้ถึงปลายทาง ทำเอาหอบเหมือนกันนะ บ่ายคล้อยละ
พักสักประเดี๋ยวนึงค่อยยาวต่อเลย ^_^
เย้ ๆ ถึงแล้วววว เราใช้เวลาในการพิชิตสันหนอกวันประมาณ 5 ชั่วโมง ถึงข้างบนประมาณบ่ายสามโมงเย็นได้ค่ะ มาถึงก็กางเต้นท์ให้เรียบร้อยแล้ว แล้วขึ้นไปชมวิว 360 องศากัน
บรรยากาศไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ หายเหนื่อยกันเลย
มองไกลสุดสายตามกับป่าเขาทุ่งใหญ่นเรศวรอันอุดมสมบูรณ์
จากจุดตั้งแคมป์เราสามารถมเองเห็นเขาเล็ก ๆ มองดูคล้ายสันหนอกวัว (อย่าเพิ่งดีใจว่าเป็นหนอกนี้ อันนี้หนอกหลอก) แท้จริงแล้วต้องเดินขึ้นเขาต่อไปอีกหน่อย หนอกน้อย ๆ ที่เห็นนี้เดี๋ยวเราจะไปพิชิตกัน ไต่ขึ้นไปอีกประมาณ 500 เมตรได้ค่ะ ไม่เหนื่อยมา เดินกินลมชมวิวภูเขากันนะคะ คือบรรยายไม่ถูกเลย สวยมาก บรรยากาศดีมากกกกกก (ก.ไก่ ล้านตัว)
“สันหนอกวัว” มีลักษณะยอดเขานูนออกมา คล้ายส่วนที่เป็นสันนูนบนหลังวัว หรือที่เราเรียกกันว่า “หนอก” นี่แหละ
การได้สัมผัสวิวสวย ๆ สายลม แสงแดง พระอาทิตย์ตกและขึ้น ณ จุดแห่งนี้ มาถึงจุดนี้บอกได้เลยค่ะว่า “คุ้มค่ามาก วิวแสนล้านไลค์ กับหมื่นกว่าก้าวของเราเอง” บางทีก็บรรยายไม่ถูกนะว่าบนนี้มันสวยขนาดไหน นั่งเสพกับธรรมชาติเป็นชั่วโมงเลยเชียว
นั่งรอพระอาทิตย์ตกดิน มองไปไกลสุดสายตากับเขื่อนเขาแหลม และวิวเขาเรด้า (กองบัญชาการทหารฯ)
ยิ่งเย็น อากาศยิ่งหนาวเหมือนกันนะ ทั้งลมทั้งหนาว ^_^
แสงทไวไลท์ยามพระอาทิตย์ตกดิน ชั่วพริบตาเอง แสงสวยมาก ๆ (เหนื่อยแต่คุ้มค่ามากกกกกก)
ตื่นเช้ามากับที่เดิม มุมเดิม แต่บรรยากาศได้อีกฟิวเลยนะ ลมหนาวพัดตึงเข้าหน้า สายหมอกค่อย ๆ เกาะกลุ่มเหนือเขื่อนเขาแหลม พัดเข้าสู่แนวเทือกเขาทุ่งนเรศวร ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะ
พระอาทิตย์เช้านี้แอบขี้อาย แย้มแสงเล็กน้อย แต่แสงที่เห็นก็สวยไปอีกแบบนะ คือเราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมาดวงโตโต แค่ได้หยุดอยู่ในบรรยากาศนี้ก็สุขใจละ
ยอดเขา สันหนอกวัว เด่นตระหง่านตา ดูยิ่งใหญ่ไม่แพ้เขาช้างเผือกเลยนะ
วิวอีกด้านหนึ่งก็สวยไม่แพ้กัน กับวิวเขาเรด้า
แสงแดดกระทบดอกหญ้า ยังสวยเลย
เราไปพิชิตยอดสันหนอกวัวกันดีกว่า (เราสามารถเดินขึ้นไปได้นะ ถ้าแรงยังเหลือ)
วิวบนนี้สวยมากเช่นกัน ทั้งแสงแดดอ่อน ๆ และสายลม
มองไปทางเขื่อนเขาแหลม เขาเรด้าก็สวยไม่แพ้กัน ทะเลหมอกรายล้อมเขา
แสงทะลุเมฆมากเลย ^_^ บอกเลยว่าคุ้มค่ามาก
หากมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมีนาคม บริเวณสันเขาจะมีดอกกุหลาบพันปี เบ่งบานให้ชื่นชมด้วยเช่นกัน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพิชิตสันหนอกวัว หญิงยิ้มแนะนำให้มาช่วงเดือน พฤศจิกายน – มีนาคม เพราะเส้นทางเดินขึ้นเขาง่ายกว่าช่วงฤดูฝน แถมเรายังได้สัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็น และทะเลหมอกบนยอดเขาอีกด้วย
เดินขึ้นมากว่า 10 กิโลเมตร เห็นแบบนี้แล้วหายเหนื่อยเลยค่ะ จุดหมายปลายทางอาจจะไม่ได้งดงามเสมอไป บางทีช่วงเวลาระหว่างทางนี่แหละมันมีความหมายไม่แพ้ปลายทางเช่นกัน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสนั้น อนาคตเราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา ทำปัจจุบันให้มีความหมายและมีความสุข "ความสุขอยู่กับเราไม่นาน ความทุกข์ก็อยู่กับเราไม่นานเช่นกัน"
* * * * * ธรรมชาติ ค่อนข้างเปราะบาง เมื่อเราเข้ามาชื่นชมความงดงามของผืนป่าแล้ว เราควรเก็บไว้เพียงความทรงจำ ความสนุกสนาน และภาพถ่าย เพื่อมาเล่าสู่กันฟัง และจะได้ส่งต่อความสุขไปยังเพื่อนนักท่องเที่ยวกลุ่มต่อไป ได้ชื่นชมกับธรรมชาติเฉกเช่นเดียวกับเรา (^___^) * * * * *
>> ชีวิตต้องลองให้สุด อย่าหยุดจนกว่าจะเจอคำตอบที่ใช่
ข้อแนะนำของหญิงยิ้ม สำหรับการปราบเซียน :-
>> การพิชิตยอดเขา "สันหนอกวัว" ควรจะมีความพร้อมทางด้านร่างกายเป็นอย่างดี ไม่มีโรคประจำตัว
>> เตรียมอุปกรณ์เดินป่าที่จำเป็นให้พร้อม ไฟฉาย ยาทาแผล
>> สวมใส่เสื้อแขนยาว หรือปลอกแขน เพื่อป้องกันหญ้าบาดหรือแมลงกัดต่อย กางเกงควรเป็นขายาว รองเท้าหุ้มส้น
>> เตรียมน้ำดื่ม และอาหารไปให้เพียงพอ และนำสัมภาระที่จำเป็นไปเท่านั้น
>> เดินทางระยะไกล ควรติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางและลูกหาบไว้ล่วงหน้า ทางอุทยานฯ จำกัดวันละ 80 คนเท่านั้นนะคะ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :-
เบอร์ติดต่อ สำนักงาน อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โทร 034-510431, 08-9228-7612
ค่าธรรมเนียมคนละ 70 บาท >> แบ่งเป็นค่าเข้าอุทยาน 40บาท และค่ากางเต็นท์ 30 บาท
ค่าเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่นำทาง 500 บาท/คน/วัน
ค่ารถไป-กลับ รับส่ง ณ จุดเริ่มเดิน 1,000 บาท / คัน
ถ้าต้องการลูกหาบสำหรับช่วยแบกสัมภาระ มีค่าลูกหาบ 700 บาท/คน/วัน/30กิโลกรัม
YingYim