10 วิธีเที่ยวป่าให้เป็นมิตรกับธรรมชาติมากที่สุด

จากเป็นประเด็นข่าวร้อนแรงของบ้านเราในตอนนี้ อย่างคดีการเข้าป่าล่าสัตว์ของ CEO บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของบ้านเรา

ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจของคนรักสัตว์และทำลายภาพพจน์ของนักท่องเที่ยวแนว Eco Tourism เป็นอย่างมาก

วันนี้ Sanook! Travel มีเคล็ดลับดีๆ ในการท่องเที่ยวและการเดินป่า มาแนะนำสำหรับเพื่อนๆ ทุกคนครับ บางสิ่งอาจจะเป็นข้อห้ามสำคัญที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. ดูแต่ตา มืออย่าต้อง พยายามรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด

ข้อนี้สำคัญมากที่สุดหากทุกคนปฏิบัติตามนี้ได้ ธรรมชาติที่เราทุกคนต่างหลงใหลในความสวยงามก็จะยังคงอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน 

พยายามนึกไว้เสมอว่าที่เรากำลังมาเที่ยวชมนี้คือบ้านของเหล่าสัตว์ป่า เราเป็นเพียงผู้มาเยือนจึงควรให้เกียรติเจ้าของบ้านเสมอ

2. นำสิ่งใดเข้าไปในป่า จงนำออกมาให้หมด

ข้อนี้หลายๆ คนมักจะหลงลืมและมักเผอเรอในการรักษาความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นก้นบุหรี่ เศษอาหาร หรือถุงขยะต่างๆ

หากรักที่จะเที่ยวธรรมชาติคุณต้องรักษาระบบนิเวศของธรรมชาติด้วย การทิ้งขยะในป่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดีถึงแม้บางครั้งคุณจะคิดว่าเป็นเพียงเศษอาหารที่สามารถย่อยสลายได้

แต่หารู้ไม่ว่าเศษอาหารของคุณบางชนิดอาจมีพิษร้ายแรงต่อสัตว์ป่าที่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดมีพิษร้ายแรงต่อเขา เพราะฉะนั้นควรเก็บของทุกอย่างที่นำเข้ามาออกไปในขากลับให้หมดจะเป็นการดีที่สุด

3. หลีกเลี่ยงการนำสบู่ หรือแชมพู ที่มีส่วนผสมของสารเคมีเข้าไปในป่า

แน่นอนว่าไม่เป็นผลดีแน่หากสารเคมีที่อยู่ตามเครื่องอาบน้ำของคุณนั้น ปนเปื้อนลงไปกับผืนป่าที่บริสุทธิ์ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าต้นไม้ต้นไหน หรือสัตว์ป่าตัวใด จะได้รับสารเคมีจากสบู่หรือแชมพูของเราไป

เพราะฉะนั้นควรเลือกใช้สบู่และแชมพูที่ทำจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ในการอาบน้ำจะเป็นการดีที่สุด

4. ละเว้นการตัดไม้ทำลายป่าทุกประการ

บางคนตั้งแคมป์ในป่าอาจจะคิดว่าการตัดต้นไม้นิดๆ หน่อยๆ เพื่อมาใช้ในการสร้างแคมป์คงไม่มีปัญหาอะไรนัก แต่หากทุกคนคิดแบบนี้ป่าไม้คงหายหมด

เพราะฉะนั้นหากคิดจะตั้งแคมป์ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ไปให้พร้อมจะได้ไม่ต้องไปเบียดเบียนธรรมชาติ

5. หยุดการล่าสัตว์

หลายๆ คนมักมีรสนิยมแปลกๆ ที่ชอบเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์เป็นเกมส์การแข่งขันโดยเฉพาะสังคมของเหล่าไฮโซ ที่ถึงขนาดมีการแข่งกันล่าเลยทีเดียว

เป็นการกระทำที่เลวร้ายและจิตใจโหดเหี้ยมมาก หากต้องการดำรงชีวิตอยู่ในป่าจริงๆ ควรเตรียมเสบียงและอาหารการกินให้พร้อม

ไม่ใช่ว่าไปดักยิงเอาในป่า ซึ่งนั่นถือเป็นการกระทำของคนที่ยังไร้อารยะธรรมในสมัยก่อนเขาทำกัน

6. เชื่อฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่ และไม่ละเมิดกฎข้อห้ามของอุทยาน

หลายๆ คนชอบคิดว่าตัวเองนั้นเดินป่า เที่ยวป่ามาบ่อยจนชำนาญแล้ว แต่เชื่อเถอะครับว่า ทุกเส้นทางที่เราไปนั้นย่อมมีคนที่ชำนาญกว่าเราอยู่ด้วยทุกที่

คุณอาจจะตั้งแคมป์เป็น เดินป่าเก่ง แต่เรื่องอื่นๆ ในป่าที่กว้างใหญ่แบบนี้ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เขาเป็นคนที่รู้ดีที่สุดจากประสบการณ์ที่อยู่กับป่าบริเวณนี้มาตลอดการทำงาน

เพราะฉะนั้นหากเจ้าหน้าที่เตือนว่าไม่ควรเข้าไปในโซนไหน โซนไหนไม่ปลอดภัย ก็ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง และไม่ทำลายระบบนิเวศน์ของธรรมชาติ

7. ไม่ลุกล้ำเข้าไปในเขตหวงห้าม

นักเดินป่าหลายๆ คนเมื่อได้ยินคำว่าเขตหวงห้าม ก็มักมีความอยากรู้อยากเห็นว่าในนั้นจะมีอะไร แต่เชื่อเถอะครับว่า การที่เจ้าหน้าที่ประกาศให้ส่วนนี้เป็นเขตหวงห้าม

แสดงว่าที่บริเวณนี้ต้องมีระบบนิเวศน์ที่กำลังเสื่อมโทรม หรือมีสัตว์ป่า หรือต้นไม้ที่ต้องการจะอนุรักษ์และไม่ต้องการให้ผู้ใดไปย่ำยี เพราะฉะนั้นตรงไหนหวงห้ามก็ไม่ควรเข้าไปครับ

8. หลีกเลี่ยงการใช้แฟลชในการถ่ายภาพสัตว์

การที่คุณได้ภาพสวยๆ ของเหล่าสัตว์ป่าออกมาแต่ต้องแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บของสัตว์ป่านั้นมันคงไม่คุ้มค่ากันอย่างแน่นอน

เพราะแสงแฟลชจากกล้องถ่ายภาพของคุณนั้นอาจจะทำอันตรายต่อดวงตาของสัตว์ได้ ฉะนั้นหากคุณอยากจะถ่ายทอดความสวยงามของธรรมชาติให้คนอื่นได้เห็นจริงๆ

คุณก็ควรจะรักษาความสวยงามนี้เอาไว้ให้คนอื่นได้เห็นด้วยในอนาคต

9. การก่อกองไฟควรทำโดยผู้ที่ชำนาญ ป้องกันการเกิดไฟป่า

ในรายของมือใหม่หลายๆ คนการก่อกองไฟนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากพอตัว แต่การควบคุมไม่ให้ไฟนั้นลุกลามไปติดใบไม้ๆ ไปหญ้าบริเวณใกล้เคียงนั้นยากยิ่งกว่า

เพราะฉะนั้นการก่อกองไฟควรทำโดยผู้ที่ชำนาญการ ไม่เช่นนั้นหากเกิดอุบติเหติขึ้นมา คุณเองอาจจะได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่ทำให้เกิดไฟป่าก็ได้

10. ไม่ส่งเสียงดังรบกวนสัตว์ป่า

แน่นอนว่าป่านั้นเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ สัตว์ป่าต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข การที่คนบางกลุ่มคิดว่าการเข้าไปเที่ยวในป่าจะต้องมีปาร์ตี้รอบกองไฟ ดื่มสุรา เสียงดังเล่นกีต้าร์ นั้นไม่ใช่เลย

หากคุณต้องการความสนุกสนานเช่นั้นไม่ควรจะเข้าไปในป่าตั้งแต่แรก เพราะอย่าลืมว่าไม่ได้มีแต่คุณแคเพียงกลุ่มเดียวที่อาศัยอยู่ในป่า เหล่าสัตว์ป่าทั้งหลายก็อยู่ร่วมกับคุณด้วย

และยังเสี่ยงต่อการถูกสัตว์ป่าทำร้ายในยามค่ำคืนอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นการเที่ยวอย่างสงบและรู้กาลเทศะคือหนทางที่ดีที่สุดที่คุณจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของป่าไม้อย่างเต็มรูปแบบ