5 กับดัก และกลยุทธ์เด็ดของร้านบุฟเฟต์ ที่คุณควรรู้!

หลายๆคนอาจจะคิดว่าการไปกินร้านอาหารบุฟเฟต์ หรือ All You Can Eat นั้นอาจจะคุ้มราคา และง่ายดี เพราะมีอาหารหลายสไตล์ ในราคาที่ค่อนข้างย่อมเยา

แต่วันนี้เราจะมาแนะนำกลยุทธ์เด็ดๆของร้านอาหารเหล่านี้ ที่คุณควรรู้ รวมถึงวิธีการไปกินบุฟเฟต์ให้คุ้ม และไม่ตก “หลุมพราง” กัน โดยมีมาฝากกันถึง 5 เรื่อง ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่า

ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน

อันนี้ไม่ใช่วิธีการเลี่ยงนะ แต่ร้านอาหารบางร้านที่เน้นเรื่องบุฟเฟต์เป็นหลัก จะไม่จำเป็นต้องใช้เด็กเสิร์ฟ หรือบริกรเยอะมาก เพราะลูกค้าจะต้องเป็นฝ่ายที่ลุกไปตักอาหารเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเลยนะ เพราะทางร้านก็ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยมาเติมอาหาร หรือมาอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ พอสมควร

ส่วนเรื่องของเชฟนั้น พวกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้เชฟระดับเก่งกาจ เพราะอาหารส่วนใหญ่นั้นจะทำไว้เยอะมาก เพื่อสามารถเปลี่ยนถ่ายได้เรื่อยๆในช่วงเวลากลางวันหรือเย็น เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นมากเกินไปที่จะต้องจ้างเชฟให้อยู่กับร้านตลาดเวลา (เน้นว่าในบางกรณี)

พอสามารถลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานได้ ร้านก็สามารถทำอาหารออกมาได้เยอะขึ้น เพราะมีงบประมาณที่มากขึ้นนั่นเอง

ขนาดของจาน และแก้ว รวมถึงค่าน้ำต่างๆ

แท็กติกอย่างแรกที่เราจะมานำเสนอนั้น คือเรื่องของขนาดภาชนะในร้านอาหารบุฟเฟต์ แม้ว่าอาจจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่มันก็ส่งผลนะ โดยร้านอาหารบุฟเฟต์มักจะเตรียมจานให้เล็ก และให้แก้วน้ำใหญ่เข้าไว้ แต่เพราะอะไรล่ะ…

นั่นก็เพราะว่า เมื่อคุณไปตักอาหาร คุณก็จะตักได้แต่ตามขนาดของจาน และทางร้านก็คงจะหวังเรื่องความขี้เกียจ และเมื่อยเมื่อกินแล้วของลูกค้า ให้ไม่อยากลุกไปตักอาหารอีก (อย่าลืมว่า คุณต้องลุกไปตักเองนะ)

ส่วนสาเหตุที่ต้องให้แก้วน้ำใหญ่ๆเข้าไว้นั้น ก็เป็นวิธีการตัดกำลังอีกทาง เพราะเมื่อลูกค้าจะไปกดน้ำ หรือโซดากิน ก็จะต้องใส่ทั้งน้ำแข็ง และน้ำไป โดยทางร้านคงหวัง (ลึกๆ) ว่าลูกค้าจะกินน้ำ กินน้ำอัดลมจนอิ่มนั่นเอง ถ้าหนักเข้าไปอีก บางที่ก็จะคิดราคาค่าน้ำ หรือน้ำอัดลมในราคาแยก และอาจจะมีน้ำปั่น ที่จะมีอีกราคาด้วย

แถวการวางอาหาร

อาหารที่แต่ละร้านจะวางเรียงไว้นั้น พวกเขาก็มีวิธีการวางนะ เพราะถ้าเอาอาหารที่มีมูลค่าสูงๆ อย่างเช่นเนื้อสัตว์ต่างๆ หรือปลามาวางไว้ก่อน ก็รับรองว่าคนคงตักกันกระจุยกระจายแน่นอน แต่ส่วนใหญ่แล้ว ร้านอาหารบุฟเฟต์นั้นจะวางอาหารจำพวกข้าว อาหารแป้ง และผัก หรือของทอดไว้ก่อน เพราะอาหารเหล่านี้มีมูลค่าที่ไม่สูงมากนัก และที่สำคัญคือจะช่วยทำให้อิ่มเร็วขึ้น โดยเฉพาะข้าว แป้ง และของทอดนี่แหละ และรวมไปถึงอาหารพวกออร์เดิร์ฟด้วย

บวกกับการที่จานของบางร้านนั้นจะเป็นจานเล็ก ลูกค้าบางคนจึงจะตักของเหล่านี้ก่อน กว่าจะรู้ตัวอีก จานก็เต็มแล้ว และก็จะหมดสิทธิ์ที่จะไปตักอาหารพวกเนื้อสัตว์ และต้องลุกมาตักใหม่ในรอบที่ 2 ซึ่งความหิวก็จะลดลงไปพอสมควรเมื่อเจออาหารจำพวกข้าว และของทอดเปิดหัวไป เรียกว่าเป็นการตัดกำลังไปอีกทางนั่นเอง

ทางที่ดีคือ ควรจะลองสังเกตก่อนว่าอาหารที่ตัวเองอยากกินอยู่ตรงไหน จะได้ไม่หลงกลลวงของร้านนะ

ขนาดของอาหาร

อันนี้ก็เป็นบางร้านเหมือนกัน โดยอีกวิธีของร้านอาหารสไตล์บุฟเฟต์นั้นคือการกำหนดขนาดของอาหารต่างๆ เช่นพวกอาหารที่เป็นของทอดนั้นมักจะมาเป็นชิ้นใหญ่ ส่วนอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ที่มีต้นทุนสูง จะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้คนเลือกตักไปกินได้น้อยลง โดยหวังว่าคนจะมีอาการ “เกรงใจ” ถ้าตักอาหารไปหลายๆชิ้น (แต่ถ้าไม่กลัว ก็ลุยเลย)

การดึงเวลา

ร้านอาหารบุฟเฟต์บางที่นั้น อาจจะมีบริการทำอาหารสดๆ เหมือนกันนะ (โดนเฉพาะบุฟเฟต์โรงแรม) ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ดีเพราะอาหารจะสดใหม่และอร่อย แต่จริงๆแล้ว อันนี้ก็เป็นแท็กติกอีกอย่างที่ทางร้านสามารถใช้ได้นะ เพราะร้านก็สามารถให้เชฟเหล่านี้ดึงเวลา เพื่อให้คนกินรออาหารนานขึ้น จนบางคนอาจจะรู้สึกอิ่ม และอาจจะตัดสินใจไม่กินแล้วก็ได้ 

แหม บอกเลยว่าแท็กติกของร้านบุฟเฟต์นั้นมีเยอะมาก ถ้าตกหล่นอะไรไป ก็อย่าลืมเข้ามาแสดงความเห็นกันได้ และบอกกันมาด้วยละกันว่า คุณเคยไปเจอแท็กติกฮาๆ แนวๆ หรือ “เฉียบๆ” ของร้านบุฟเฟต์แบบไหนกันมาอีกบ้าง