นั่งรถไฟไปตั้งแคมป์ ปิ้งบาร์บีคิว ที่ "บ้านวิวเขา แก่งกระจาน"
ใครว่าหน้าร้อนขึ้นเขาไม่ได้? หน้าร้อนที่ร้อนๆ หนาวๆ อย่างนี้ เราอยากชวนทุกคนมาย้อนเวลากลับไปยังความทรงจำของการเข้าค่ายฤดูร้อนวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความสดใสและไร้เดียงสา
ไม่ต้องคีพคูล ไม่ต้องทำตัวชิคๆ มีแต่การโดดน้ำเสียงดังตู้ม การนอนลอยคอมองฟ้า ให้น้ำพาตัวเราไหลไปเรื่อยๆ การปิ้งบาร์บีคิวที่ไม่รู้ว่าจะออกมาไหม้ไหม แต่ก็ยังรู้สึกสนุกตอนทำมันอยู่ดี และจุดหมายของเราในวันนี้ก็คือ แก่งกระจาน
เราไม่ค่อยมีข้อมูลเรื่องแก่งกระจานอยู่ในหัวเท่าไหร่ จำได้ว่าเคยไปตอนเด็กๆ น่าจะเป็นที่กางเต๊นท์ที่คนชอบมาเที่ยวกันในช่วงหน้าหนาว
ชื่อฟังดูอยู่ไกล เหมือนอยู่ภาคเหนือๆ ซัมติง แต่พอมีเพื่อนบอกว่าแถวนี้ก็มีแม่น้ำให้เล่นนะ เลยลองหาข้อมูลในเน็ตดูแล้วก็ช็อคมาก ตกใจว่าเดี๋ยวนี้ที่แก่งกระจานเค้ามีการเล่นน้ำที่จริงจังขนาดนี้เลยหรอ (เอ๊ะ หรือเค้ามีนานแล้วแต่เราเพิ่งรู้) เอาไปเอามาก็เลย เอ้า ลองมาดูด้วยตัวเองซักหน่อยละกัน
หลายๆ คนที่มาที่นี่อาจจะเลือกพักรีสอร์ทที่ติดริมแม่น้ำ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการแช่ตัว แต่ด้วยความที่เราเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวาย เราเลยจองที่พักแบบกระโจมไว้ที่ ‘บ้านวิวเขา โฮมสเตย์’
ซึ่งจะอยู่ห่างจากแม่น้ำออกมาประมาณนึง (แต่มีบริการขับรถพาไปเล่นน้ำ) ก็เลยไม่ต้องนอนกับเสียงเพลงดังๆหรือคนเยอะๆ ซึ่งเราโอเคนะ แต่มันก็มีข้อดีข้อเสียคนละแบบอ่ะ อยู่ที่ว่าใครจะชอบแบบไหนมากกว่า
สายเปื่อยอย่างเราขอหลบออกมานิดนึง ใครที่เป็นสายสนุกจอยๆ ก็ไปริมน้ำโลด ที่บ้านวิวเขาเค้าจะมีเบ็นแพ็คเกจให้ คนละ 1000 รวมอาหาร 2 มือ คือมื้อเย็น กับ มื้อเช้า และพาไปเล่นน้ำ ลอยคอ พายเรือ
เช้าก็พาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สันเขื่อนแก่งกระจานกับเดินเล่นในอุทยาทแห่งชาติแก่งกระจานอีกด้วย ง่ายๆ ชิวๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะแบบนี้ ช่างเหมาะกับทริปเพื่อการพักผ่อนของเราอย่างแท้จริง
เอาล่ะ อารัมภบทมามากเหลือเกิน มาเริ่มกันเลยการเดินทางของเราเริ่มต้นที่สถานีหัวลำโพง
ขบวนเขียวอื๋อนี่แหละรถไฟเรา ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่
พอเก้าโมงยี่สิบตรงเป๊ะ รถไฟขบวนกรุงเทพ - หัวหินของเราเริ่มออกเดินทาง แต่บอกไว้บอกก่อนเลยว่า เราจะไม่ได้ลงกันที่สถานีปลายทางอย่างหัวหินนะ เพราะจุดหมายของเราอยู่ที่สถานีเพชรบุรีต่างหาก
นั่งหลับๆ ตื่นๆ กันมาประมาณสามชั่วโมง รถไฟก็เดินทางมาถึงสถานีเพชรบุรีกันแล้ว ในตอนนี้ทุกคนควรจะมีสติและรีบลงจากรถอย่างรวดเร็วเพราะรถไม่ได้จอดนานเท่าไหร่ เดี๋ยวจะเลยเอานะเอ้อ
บิดขี้เกียจ ยืดแข้งยืดขา เข้าห้องน้ำกันเสร็จเรียบร้อย เมื่อเดินออกมาหน้าสถานีทุกคนจะได้พบกับยานพาหนะต่อไปของเรา รถสองแถว นั่นเอง
วิธีดีลกับรถสองแถวก็ไม่ยาก แค่เข้าไปถามว่าถ้าอยากนั่งรถตู้ไปแก่งกระจานต้องไปขึ้นที่ไหน ถามราคา แล้วก็โดดขึ้นไปได้เลย
เราไม่แน่ใจว่าราคาจะเท่ากันทุกครั้งไหมนะ แต่ที่เราไปคือคนละ 40 บาท ลงหน้าบิ๊กซีเพชรบุรี เพราะตรงนี้เป็นที่ปล่อยรถของรถตู้ที่จะไปแก่งกระจาน (ใกล้ๆกันจะมีท่ารถตู้อีกท่านึง แต่ที่นั่นจะมีรถไปแก่งกระจานน้อยกว่าหรือบางทีก็ไม่มีเลย ส่วนใหญ่จะเป็นรถตู้ไปกรุงเทพ ระวังอย่าสับสนกันเน้อ)
นั่งสองแถวมาไม่นาน เราก็ได้ย้ายมานั่งในรถตู้กันต่อแบบยาวๆพอถึงอำเภอแก่งกระจานแล้ว เราก็ทำตามโพยที่พี่เจ้าของรีสอร์ทบอกมา
คือลองถามรถตู้ว่ามาส่งที่รีสอร์ทได้ไหม ถ้าได้ก็นั่งต่อมาได้เลย แต่ถ้าต้องเพิ่มเงิน ก็ให้ลงแถวนั้นแล้วค่อยโทรเรียกพี่เค้าออกมารับแต่สุดท้าย พี่รถตู้บอกว่ามาส่งได้ไม่มีปัญหา เราก็เลยได้นั่งรถตู้ยาวๆมาลงหน้ารีสอร์ทแบบสวยๆ เย้
ลงรถปุ๊บคือประมาณบ่ายสอง แดดเปรี้ยงมากกกก ไหนจะเดินทางมาเหนื่อยๆสองสามต่ออีก เพลียสุดอะไรสุด หอบข้าวหอบของไปเก็บในเต้นท์แล้วอยากจะนอนตากแอร์เย็นๆในนั้นไปเรื่อยๆแต่เราต้องบอกตัวเองว่าไม่ได้! เพราะไฮไลต์ของเราคือการเล่นน้ำ เราต้องออกไปเล่นน้ำ!
พอขุดตัวเองออกมาจากเต้นท์ได้สำเร็จ เราก็รีบไปเลือกเสื้อชูชีพ แล้ววิ่งไปสะกิดพี่เจ้าของว่าเราพร้อมไปเปื่อยตัวในน้ำกันแล้ว นั่งรอไม่นานรถก็มารับ
โดยตารางการเล่นน้ำแบบคร่าวๆที่เรารู้มาก็คือ 1.รถจะขับไปส่งที่ต้นเขื่อน เพื่อปล่อยให้ทุกคนลอยคอในเสื้อชูชีพกันประมาณ 2 กิโลเมตร 2.แวะเล่นสไลด์เดอร์ และ 3.คือการพายเรือยางต่อไปอีก 5 กิโลเมตร เป็นอันจบกิจกรรมซึ่งมันดูน่าจะเหนื่อยและแอดเวนเจอร์มากเว่ย สำหรับคนที่เพิ่งนั่งรถไฟ รถสองแถว และรถตู้มาอย่างเรา จนแอบคิดว่า เอ้อ นี่ชั้นจะรอดมั้ยน้า อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วเนอะ
แต่มาถึงแล้ว จะไม่ลงเล่นน้ำก็ไม่ใช่เรื่อง เวลาก็ไม่ค่อยมี เอาก็เอาวะ!
มาถึงตรงนี้เราต้องลงไปลอยคอในเสื้อชูชีพ เลยต้องฝากกล้องไว้ข้างบนบก เพราะฉะนั้นจะเล่าให้ฟัง สลับกับรูปบรรยากาศที่แอบถ่ายมาตอนพายเรือแทนนะ
ตอนค่อยๆลงไปทีละนิด รู้สึกว่าน้ำเย็นมากกก แต่ก็ตัดใจรีบๆ ว่ายลงไป พออยู่ในน้ำก็ไม่หนาวแล้วแต่บอกเลยว่า ตอนลอยคอเป็นอะไรที่ดีมาก รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าที่มีทั้งหมดมันละลายหายไปกับน้ำจริงๆ เพราะเราลงลอยคอตั้งแต่ต้นแม่น้ำที่ปล่อยลงมาจากเขื่อน น้ำมันเลยสะอาดและเย็นสบายมาก
ใครว่ายน้ำไม่แข็งอาจจะมีหนาวนิดนึงเพราะ บางช่วงน้ำแรงมาก แรงแบบถ้าปล่อยมือจากเพื่อน คุณก็จะลอยลิ่วๆๆ แยกไปเลย แต่ถ้าคนไม่กลัวก็สนุกเลยอ่ะ ส่วนตัวเราก็แนะนำว่าลอยๆ ไปเถอะ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกาะกัน สุดท้ายมันจะมีช่วงที่น้ำไม่ค่อยแรงให้รอกันได้อยู่
บรรยากาศระหว่างทางก็จะคึกคักๆ หน่อย เพราะสองฝั่งแม่น้ำจะเป็นรีสอร์ทแทบทั้งหมด แต่ละรีสอร์ทก็จะมีสไลเดอร์ของตัวเองแบบนี้ บางที่ก็จะชิลๆ บางที่ก็เปิดเพลงคึกคักตลอดทั้งวัน
ลอยๆ ไปก็จะเจอต้นไม้บ้าง เจอเรือลำอื่นบ้าง แต่เราชอบช่วงปลายๆน้ำกับต้นๆน้ำที่ไม่ค่อยมีรีสอร์ทที่สุด เพราะมันร่มรื่นแล้วก็สงบ มีความอะเมซอนมากก ชอบ
พอลอยคอมาได้ประมาณนึงก็ถึงจุดที่เราจะแวะเล่นสไลเดอร์กัน คือที่ ‘แบมบู ริเวอร์เฮาส์’ หรือรีสอร์ทที่เป็นญาติๆกับรีสอร์ทของเรานั่นเอง ขอเตือนว่าตอนกำลังสไลด์ให้ปิดจมูกไว้ด้วยไม่งั้นน้ำมันจะเข้าจมูก (เหมือนเรา) เจ็บนะบอกเลย แต่ลองซักสองรอบก็น้ำไม่ค่อยเข้าละ เริ่มสนุก
เล่นอยู่ตรงสไลเดอร์น่าจะประมาณเกือบชั่วโมงนึงได้ เรือยางของเราก็มา เย้ เย้ เรือจะหน้าตาเป็นแบบนี้ล่ะๆ
ตอนลอยคอแล้วมองไปที่คนอื่นที่พายเรือ เราจะรู้สึกว่า จะไปสนุกอะไร ไม่ได้อยู่ในน้ำเลยเนี่ยแต่เอาจริงๆ มันก็สนุกอยู่นะ ดีกันไปคนละแบบ อันนี้มันจะเป็นฟีลแบบลมเย็นๆ ชิลๆ ชมวิว แล้วก็พายไปเรื่อยๆ
นานๆ ทีก็จะถูกเรือลำอื่นๆแกล้งใช้พายวักน้ำมาโจมตีบ้างแบบนี้ เป็นต้น
แต่ถ้าใครยังติดใจการลอยคอ ก็โดดลงไปลอยตามเรือได้เหมือนกันนะ เพราะคุณลุงที่คอยดูแลพวกเราจากรีสอร์ทแกก็นอนลอยตามมาแบบชิลๆ ถ้าใครลงไปแกก็จะช่วยดูแล (แต่เราไม่ไหวแล้ว..)
อีกอย่างที่เราชอบของการพายเรือก็คือ เรือนี้มันสะอาดอ่ะ คือปกติพวกเรือยางหรือเรือคายัค หลายๆ ที่ก็จะให้ใส่รองเท้าลงไปในเรือได้ แล้วพอพวกดินพวกเศษใบไม้จากรองเท้าไปโดนน้ำเปียกๆ ในเรือ เรือมันก็จะเละ แต่อันนี้ทุกคนต้องถอดรองเท้าหมด (แน่ล่ะ เพราะไม่มีใครมีรองเท้าเลย ลอยคอกันมา) เรือมันก็เลยสะอาด
พายบ้างหยุดบ้างกันมาพักนึง ก็ถึงท่าที่เป็นจุดหมายปลายทางของเราแล้ว ขึ้นมายืนรอกันไม่นาน รถกระบะของรีสอร์ทก็มารับพากลับไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตั้งแคมป์กัน
กลับมาถึงก็แดดร่มลมตกพอดี จากที่ร้อนมากกก เมื่อตอนกลางวัน ตอนนี้ก็เย็นสบายกำลังดี ว่าจะไปอาบน้ำ แต่กลับมาเห็นอ่างหินเล็กๆ ข้างเต้นท์ ก็ขอถือโอกาสนอนแช่เล่นซะหน่อยละกัน ไหนๆ ก็ตัวเปียกอยู่ละ แฮร่ สบาย
เดินเล่นดูเต้นท์สวยๆของเราที่เริ่มเปิดไฟกันแล้ว สวยมากเลย
อาบน้ำเสร็จก็แวะมานอนงีบรอทางรีสอร์ทเค้าจัดชุดอาหารเย็นในเต้นท์กันก่อน แอร์เย็นฉ่ำ มีไฟดาววุ้งวิ้งๆ ไม่อยากไปไหนแล้ว
แต่รอไม่นานอาหารก็มา เมื่อความหิวก็ชนะทุกอย่าง เราจึงคลานออกมาจากเต้นท์อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างช่างสดใสละลานตาไปหมดเลย
อาหารเราไม่แน่ใจว่าทุกวันเหมือนกันหมดมั้ย แต่ของวันนี้จะเป็นแกงส้มชะอมกุ้ง ปลาทอด กุ้งผัดถั่วกับบล็อกเคอรี่ ไก่ทอด หมูป่าผัดเผ็ด แล้วก็บาร์บีคิว
กินไปสักพักก็มีคุณวุ้นไข่ฝอยทองมาเสริมทัพเป็นของหวาน อิ่มอร่อยสดชื่น ฟ้าเริ่มมืดแล้วว ชอบตอนกำลังค่อยๆ มืดมาก ไฟสว่างแล้วน่ารัก
แวะไปถ่ายมุมอื่นๆ มั่งตรงนี้ให้ความรู้สึกเหมือนมีเทศกาลเลยได้เวลาปิ้งบาร์บีคิว
รู้ตัวอีกทีอากาศร้อนๆ ของฤดูร้อนก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบกลายเป็นหนาว ตกใจมากเพราะไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวมาแต่ก็รู้สึกดีไปอีกแบบนะ เหมือนมาครั้งเดียวได้สองฟีลเลย ทั้งหน้าร้อนหน้าหนาว
ดึกๆ หลายคนก็เริ่มคึกคัก ร้องรำทำเพลงกันสนุกสนาน แต่เราขอตัวแว่บเข้ามานอนพักเปื่อยๆให้สมกับเป็นวันหยุดแทนเพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เขื่อนกันแต่เช้า
เช้าแล้วแปลกมากที่ตื่นไหว เพราะปกติเราเป็นคนนอนดึกและตื่นสายมาก แต่มาอยู่ที่นี่กลับตื่นตีห้าได้ไม่ง่วงเลย น่าจะเป็นเพราะนอนเร็วด้วยแล้วก็หลับสบายด้วย แฮร่
เช้านี้พี่เจ้าของรีสอร์ทนัดเราและแขกคนอื่นๆที่ไม่มีรถเอาไว้ 6 โมงเช้า เพื่อที่จะพาไปชมวิวบนสันเขื่อนและในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แล้วจึงจะกลับมากินอาหารเช้ากันที่รีสอร์ท
ว่าแล้วก็วาร์ปกันมาเลย เขื่อนกว้าง ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ฟ้าเลยขุ่นๆ มีแต่หมอก
เริ่มมาแล้วคุณพระอาทิตย์!
ตรงนี้เองคือต้นทางของแม่น้ำที่เราได้เล่นกันเมื่อวาน
ขับรถต่อมาอีกไม่ไกลก็จะถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแล้วต้นไม้ใหญ่ เย็นสบายมาก
ขนาดเป็นหน้าร้อนก็ยังมีคนมากางเต้นท์กันไม่น้อย เพราะแก่งกระจานเป็นที่ๆอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีจริงๆ อยากนอนกลิ้งบนพื้นหญ้าไปเรื่อยๆๆๆ
อีกหนึ่งไฮไลต์ของอุทยานแห่งนี้ก็คือสะพานแขวนที่เชื่อมไปยังเกาะกลางน้ำนั่นเอง แน่นอนว่าไม่ใช่แค่สะพานแขวนธรรมดาๆ แต่เป็นสะพานแขวนที่มักจะมีเพื่อนๆจากอีกฝั่งเดินข้ามมาทักทายเราด้วย
และเพื่อนที่ว่าก็คือน้องลิง!
สะพานแขวนนี้คนไม่สามารถข้ามไปได้นะ แต่ลงมาเดินเล่นได้ หลักๆ คือน้องลิงจะเป็นฝ่ายข้ามมาหาเรา น้องเยอะมาก แถมยังเดินเข้ามาเล่นใกล้ๆ ด้วย
แต่เราขอเตือนก่อนว่าน้องไม่ได้เชื่องขนาดนั้น เพราะฉะนั้นทุกท่านจงระวังข้าวของสัมภาระและตัวท่านเองให้ดี เพราะน้องพยายามเอื้อมมือมาจะขโมยกระเป๋าเรา
ต่อสู้กับน้องลิงกันจนทั้งเหนื่อยทั้งหิว ก็ได้เวลากลับไปกินข้าวเช้ากันแล้ว เย้!
ไลน์อาหารเช้ามีความอิ่มหมีพลีมัน อลังการงานสร้างมาก คือมีให้เลือกตั้งแต่ข้าวผัด ไส้กรอก ไข่ดาว แฮม สลัด ขนมปัง ปาท่องโก๋ และเกี๊ยมอี๋ร้อนๆ เห็นแล้วอยากกินทุกอย่างอย่างตะกละตะกลาม
ซึ่งสุดท้ายก็ทำแบบนั้น เพราะมันอร่อยอ่ะ ฮือ (หรือหิวมากก็ไม่รู้) แล้วการมีนมข้นหวานเอาไว้ให้จิ้มปาท่องโก๋คือดีมากรู้สึกว่ากินปาท่องโก๋ไปเยอะมากๆ
หลังจากเดินวนกินจนท้องอิ่มไม่รู้จะอิ่มยังไง ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องบอกลาวันหยุดนี้กันแล้วโชคดีที่ขากลับเราไม่ได้กลับทางรถไฟ เพราะเพิ่งรู้ว่าทางรีสอร์ทดีลกับคิวรถตู้กรุงเทพ-แก่งกระจานเอาไว้ด้วย
คือสามารถเรียกให้มารับที่นี่ได้เลย เออ เก๋มาก ทำไมเพิ่งรู้
สรุปว่า เราก็เลยนัดเวลากับน้องๆ ที่อยู่เต้นท์ข้างๆ แล้วโทรเรียกรถตู้ให้มากัน
ถ้าใครอยากเดินทางมาที่นี่ด้วยวิธีนี้ก็สามารถโทรไปที่เบอร์นี้ได้เลย : 084-464-6586 (รถตู้กรุงเทพ-แก่งกระจาน)
เขาบอกว่านั่งมาได้ทั้งขาไปและขากลับเลยนะ แต่แค่โทรไปบอกเค้าล่วงหน้านิดนึง ที่กรุงเทพจะขึ้นและลงที่สายใต้เก่า
ส่วนถ้าใครอยากไปและกลับด้วยรถไฟก็โทรไปเบอร์นี้แทนได้เลย 080-655-4833 (รถตู้เพชรบุรี-แก่งกระจาน)
ข้อมูลเพิ่มเติม : บ้านวิวเขา โฮมสเตย์ แก่งกระจาน
อัลบั้มภาพ 92 ภาพ