แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 5)

แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 5)

แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 5)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มนุษย์ทุกชาติทุกภาษา ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรืออยู่ในประเทศที่มีระบอบการปกครองแบบใด สิ่งสูงสุดที่คนเราต้องพิทักษ์ไว้ก็คือศักดิ์ศรี หรือที่เรียกกันว่าหน้าตา นั่นคือรักษาศักดิ์ศรี เท่ากับรักษาหน้า รักษาหน้าก็คือการทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เสียหน้า พูดอีกแบบก็คือมนุษย์เราจะไม่มีใครยอมเสียศักดิ์ศรีโดยเด็ดขาด

ดังที่ปาป้าเฮมิ่งเวย์ได้กล่าวไว้ “…มนุษย์เรานั้นถูกทำลายได้ แต่พ่ายแพ้ไม่ได้…”

ด้วยเหตุนี้ เมื่อรัสเซียประกาศตัวเข้าร่วมคัดเลือกเพื่อได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย รัสเซียจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชนะใจคณะกรรมการตัดสินชาติเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018

หนึ่งในมาตรการสำคัญของรัสเซียก็คือ Luzhniki Stadium

Luzhniki Stadium เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย มีความจุที่นั่งทั้งหมด 89,318 ที่นั่ง โดยเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์โอลิมปิก Luzhniki

ชื่อเดิมของ Luzhniki Stadium คือ Lenin Stadium ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1980 และปัจจุบันยังเป็นสนามเหย้าร่วมกันของสโมสรฟุตบอลชื่อดังในรัสเซียคือ ซีเอสเคเอ มอสโก และสปาร์ตัก มอสโก

จัดได้ว่า Luzhniki Stadium แห่งนี้มีระดับ 4 ดาว จากการรับรองมาตรฐานจากยูฟ่า และสนามแห่งนี้เคยใช้ในการจัดการแข่งขันนัดชิงฟุตบอลถ้วยยุโรปมาแล้วสองครั้ง นั่นคือ ยูฟ่าคัพ รอบชิงชนะเลิศ 1999 ระหว่างปาร์มากับโอลิมปิก มาร์เซย์ และยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ 2008 ระหว่างเชลซีกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

Luzhniki Stadium ตั้งอยู่ใจกลางกรุงมอสโกว์ เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (เปรียบเทียบระหว่างสนามกีฬากับสนามกีฬา ไม่ใช่สนามฟุตบอล เพราะถ้านับเฉพาะสนามฟุตบอล Luzhniki Stadium มีความจุเพียง 81,000 ที่นั่ง)

บอลโลกครั้งนี้ Luzhniki Stadium รับหน้าเสื่อจัดการแข่งขันทั้งสิ้น 7 นัดด้วยกัน

แน่นอนว่า ต้องมีนัดเปิดสนามดังที่รัสเซียยื่นเรื่องไว้เมื่อคราวเข้า Bid การเป็นประเทศผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

โดยเป็นธรรมเนียมใหม่ของฟุตบอลโลกที่ใช้มาตั้งแต่บอลโลก 2006 ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพ โดยให้ทีมเจ้าภาพเป็นทีมเปิดสนามร่วมกับคู่แข่งในสายรอบแบ่งกลุ่มหรือรอบแรก

เกณฑ์นี้คือเปลี่ยนแปลงไปจากประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกทั้งหมดที่ใช้ทีมแชมป์เก่าจากบอลโลกคราวที่แล้วมาโชว์เพลงเตะ ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนประเพณีของนัดเปิดสนามบอลโลก ล้อมาตามกฎใหม่ที่ว่า ไม่อนุญาตให้ทีมแชมป์เก่าเข้ารอบสุดท้ายมาโดยอัตโนมัติ โดยแชมป์เก่าต้องไปเตะรอบคัดเลือกเหมือนทุกประเทศนั่นเอง

ดังนั้น นอกจากนัดเปิดสนามระหว่างคู่เจ้าภาพรัสเซียกับเพื่อนร่วมกลุ่ม A คือซาอุดิอาระเบีย ในวันที่ 14 มิถุนายน 2018 แล้ว Luzhniki Stadium จะยังถูกใช้งานในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในรอบแรกของกลุ่ม B กลุ่ม C และกลุ่ม F กล่าวคือ

วันที่ 17 มิถุนายน 2018 ระหว่างคู่เยอรมนีกับเม็กซิโก ทีมจากกลุ่ม F วันที่ 20 มิถุนายน 2018 ระหว่างคู่โปรตุเกสกับโมร็อคโค ทีมจากกลุ่ม B วันที่ 26 มิถุนายน 2018 ระหว่างคู่เดนมาร์กกับฝรั่งเศส ทีมจากกลุ่ม C

จากนั้น Luzhniki Stadium จะถูกใช้งานในรอบ 16 ทีมสุดท้ายหรือรอบ 2 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 โดยเป็นธรรมชาติของประเทศเจ้าภาพที่ส่วนใหญ่มักคาดคะเนและคำนวณว่าทีมของตนจักได้เข้ารอบเป็นที่ 1 ในสายเพื่อไขว้มาเจอที่สองของอีกสาย รัสเซียจึงวาง Luzhniki Stadium ไว้ล่วงหน้าสำหรับทีมชาติของตนให้ลงแข่ง

จากนั้นก็ข้ามรอบ 8 ทีมสุดท้ายไป โดยนัยว่าเพื่อกระจายความตื่นตาตื่นใจไปยังสนามของเมืองอื่นๆ บ้าง แล้วจึงกำหนดให้ Luzhniki Stadium เป็นสนามตัดเชือกในรอบรองชนะเลิศในวันที่ 11 กรกฎาคม 2018 และแน่นอนว่ารัสเซียต้องใช้สนามที่ดีที่สุดของพวกเขาสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนัดชิงชนะเลิศในวันที่ 15 กรกฎาคม 2018

ตอนนี้ เราได้รู้จักกับ Luzhniki Stadium กันอย่างคร่าวๆ ไปแล้ว ในครั้งหน้า เราจะเอา Luzhniki Stadium เป็นศูนย์กลาง เพื่อออกลาดตระเวนหาที่พักในแบบของดีราคาถูก นำมากำนัลแด่พลพรรคนักแบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ พบกันใหม่ตอนหน้า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook