แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 7)
หลายท่านอาจไม่ทราบว่า ก่อนจะได้รับฉายา ประเทศหลังม่านเหล็ก สหภาพโซเวียต หรือรัสเซีย ในปัจจุบัน เคยเป็นอาณาเขตที่อยู่ภายใต้การครอบครองของชาวมองโกล ในช่วงต้นคริสตวรรษที่ 1200
เป็นยุคสมัยที่จักรวรรดิมองโกลทรงอิทธิพลเหนือดินแดนเอเชียเหนือ จีน รัสเซีย เอเชียกลาง และกินแดนไปถึงยุโรปตะวันออก แม้รัสเซียจะมีระบบกษัตริย์นับรบที่เข้มแข็ง ทว่า มิอาจต่อกรกับมองโกลได้
ในอดีต อาณาจักรรัสเซียมิได้มีแต่กรุงมอสโกเท่านั้น เพราะนครเคียฟซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของประเทศยูเครน เคียฟในอดีตนั้นยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งและได้ชื่อว่าเป็นมารดาแห่งนครทั้งปวงของรัสเซีย
มองโกลครอบครองดินแดนรัสเซียจนถึงปลายต้นคริสตวรรษที่ 1400 หรือเกือบ 200 ปี ที่รัสเซียรวบรวมไพร่พลปลดแอกจากมองโกลที่คลายอิทธิพลลงในภูมิภาคจากการที่เจงกีสข่านได้ลาจากโลกนี้ไป
ร่องรอยอารยธรรมที่มองโกลทิ้งไว้ในรากประวัติศาสตร์ที่หยั่งลึกเกือบ 200 ปี ปรากฏในรูปลักษณ์วัฒนธรรมรัสเซียมากมาย ที่โดดเด่นที่สุดคือลายเส้นศิลปะบนตุ๊กตาแม่ลูกดกหรือ Matryoshka Doll
ผ่านมาจนถึงรัชสมัยของพระเจ้าซาร์ ในต้นคริสตวรรษที่ 1700 ได้สถาปนารัสเซียยุคใหม่ขึ้นโดยรวบรวมแว่นแคว้นและรวมศูนย์อำนาจการปกครองมาที่กรุงมอสโกก่อนจะย้ายไปเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
เหตุผลหลักคือป้องกันการรุกรานจากกองทัพนโปเลียนจากฝรั่งเศส การต่อสู้กันระหว่างรัสเซียกับฝรั่งเศสดำเนินมาอย่างยาวนานเกือบ 1 ศตวรรษ ก่อนที่ผู้รุกรานจะพ่ายแพ้แก่ความหนาวล่าถอยกลับไป
อีกเกือบ 100 ปีให้หลัง เกิดการปฏิวัติรัสเซียขึ้นในปี ค.ศ. 1917 นำโดยเลนิน ซึ่งได้ย้ายเมืองหลวงกลับมายังมอสโกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1918 และมอสโกยังคงเป็นเมืองหลวงรัสเซียจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงเวลานี้เอง ที่ฉายาประเทศหลังม่านเหล็กได้เกิดขึ้น และได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสหภาพโซเวียต รวบรวมอาณานิคมในยุโรปตะวันออกภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์โดยพี่ใหญ่รัสเซีย
ด้วยชัยภูมิที่ยอดเยี่ยม และเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการสงครามที่สำคัญ ทำให้มอสโกต้องเผชิญกับการปิดล้อมตั้งแต่มองโกล ฝรั่งเศส มาจนถึงนาซีเยอรมันระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1941
ปัจจุบันมอสโกเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะการศึกษา วัฒนธรรม การคมนาคม ขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ศูนย์รวมสาธารณูปโภคที่สำคัญของประเทศรัสเซีย
อีกทั้งทำเลที่ตั้งของมอสโกก็เหมาะเหม็งหลายประการ เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำมัสกวา โดยมอสโกได้รับการจัดอันดับเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป และเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก
แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ ในตอนที่ 7 ได้นำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ย่อของกาลเวลาเกี่ยวกับประเทศรัสเซียพอสังเขป เพื่อจะได้เชื่อมโยงไปสู่การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่อไป
โดยในตอนหน้า เราจะอาสาพาไปลัดเลาะ Landmark ที่ห้ามพลาดหากว่าได้ย่างเหยียบลงบนผืนดินของกรุงมอสโก โดยจะใช้ Luzhniki Stadium สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เป็นจุดศูนย์กลางการตระเวน
Landmark สำคัญของมอสโกนั้น มีขึ้นชื่อลือชาในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกมาตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 1990 ภายหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย และรัสเซียเปิดประเทศเป็นทุนนิยมภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์
ไม่ว่าจะเป็น จัตุรัสแดง (Red Square) สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของสุสานเลนิน (Lenins Mausoleum) และมหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil’s Cathedral) ที่อยู่ในเขตแดนจัตุรัสแดง
หรือจะเป็นมหาวิหารเซ็นต์ เดอ ซาร์เวีย (Cathedral of Christ the Saviour) หรือมหาวิหารโดมทอง เป็นโบสถ์ Orthodox ที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมัสกวา และยอดเขา Sparrow Hills สุดโรแมนติก
และที่พลาดไม่ได้ คือการดื่มด่ำกับความคลาสสิกของ สถานีรถไฟใต้ดินกรุงมอสโคว (Moscow Metro) สถานีรถไฟใต้ดินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก และ Arabat ถนนคนเดินดังที่สุดในโลก