"The Maritime Experiential Museum" กับการสำรวจอดีตอันน่าอัศจรรย์ใจ
ในโลกใบนี้ยังมีอะไรให้เราได้ค้นหาอีกมากมาย คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เราไม่สามารถย้อนอดีตได้ แต่ “อดีต” นี่แหละที่สามารถมอบบทเรียนบางอย่าง และผลักดันให้มนุษย์ก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสมมากยิ่งขึ้นอยู่เสมอ
The Maritime Experiential Museum หรือ พิพิธภัณฑ์เดินเรือสมุทร แห่ง รีสอร์ท เวิลด์ เซนโตซ่า ประเทศสิงคโปร์ คืออีกหนึ่งหมุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในเรื่องราวประวัติศาสตร์ แต่เดี๋ยวก่อน! เมื่อเอื้อนเอ่ยคำว่า “ประวัติศาสตร์” หลายคนอาจเบือนหน้าหนี แต่ที่แห่งนี้ คือสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราวอันน่าจดจำของมนุษยชาติเอาไว้ในรูปแบบที่ทันสมัยที่สุด
แต่ก่อนจะเดินทางย้อนรอยสู่ตำนานสุดอัศจรรย์ Sanook! Travel ขอแวะเยี่ยมชม S.E.A. Aquarium ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเสียก่อน และเมื่อตบเท้าก้าวเข้าสู่โลกใต้ท้องทะเล ก็ปรากฏความอลังการสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศสีครามสดใสเต็มไปทั่วทุกอณู
ไฮไลต์ของ S.E.A. Aquarium คงหนีไม่พ้นสัตว์น้ำกว่า 100,000 ตัว กว่า 1,000 สายพันธุ์ แต่ที่ติดตาต้องใจเรามากๆ ก็น่าจะเป็น เจ้าฉลามที่เวียนว่ายไปมาอยู่เหนือศีรษะของเรา ซึ่งเมื่อสอบถามข้อมูลจากผู้นำเที่ยวก็พบว่า มีฉลามใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสรเสรีมากกว่า 100 ตัวจาก 12 สายพันธุ์เลยทีเดียว นอกจากนั้นก็ยังมีปลาน้อยใหญ่หลายสีสันที่มาทักทายอยู่ภายในตู้กระจก รวมถึงสัตว์น้ำหรือปะการังแปลกๆ ที่เราไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกนี้อีกนานาชนิด
สำหรับห้องแล็บอินเตอร์แอคทีฟ ที่นำเสนอชิ้นงานอันน่าตื่นตาตื่นใจที่สะท้อนเรื่องราวของปัญหามลภาวะทางทะเล มองดูแล้วก็รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย เมื่อในโลกแห่งความเป็นจริงทุกวันนี้ ธรรมชาติใต้ท้องทะเลถูกทำลายไปด้วยน้ำมือของมนุษย์เรานี่เอง แม้ว่าการปลูกจิตใต้สำนึกในประเด็นนี้อาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากไม่ลองลงมือทำอย่างจริงจัง ความงดงามที่ทุกคนเห็นเป็นที่ประจักษ์ก็อาจมลายสูญหายไปในสักวันก็เป็นได้
ได้เวลานั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับสู่เรื่องราวในอดีตกับ The Maritime Experiential Museum หรือ พิพิธภัณฑ์เดินเรือสมุทร กันแล้ว เพียงแค่ก้าวแรกก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ กับรูปปั้น 4 นักสำรวจคนสำคัญที่ยืนตระหง่านอยู่อย่างสง่างาม ก่อนจะเดินเข้าไปพบปะพูดคุย … อย่าเพิ่งขมวดคิ้วสงสัย ท่านทั้งหลายได้เสียชีวิตไปเนิ่นนานแล้ว แต่ในห้องบรีฟิ่งรูม เหล่านักสำรวจไม่ว่าจะเป็น มาร์โคโปโล พ่อค้าจากเวนิส, เจ้าชายแสง นิลา อุตามา ผู้ครองนครปาเล็มบัง ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์, อิบน์ บะฏูเฏาะห์ นักสำรวจชาวโมร็อกโก และ เจิ้งเหอ ผู้นำทัพเรือสำเภาชาวจีน ก็เกริ่นนำถึงเรื่องราวที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้พบต่อจากนี้กันอย่างออกรสด้วยระบบอินเตอร์แอคทีฟสุดตื่นตา
ยังไม่ทันหายตื่นเต้นจากห้องแรก ก็จ้ำอ้าวสู่ห้องนำทาง (Navigate Chamber) แกลเลอรีสไตล์อินเตอร์แอคทีฟที่ทำให้เรารู้สึกว่า กำลังอยู่ใต้ถุนเรืออย่างไรอย่างนั้น แต่นี่ไม่ใช่ใต้ถุนเรืออันคับแคบ แต่กลับกว้างใหญ่จากจำนวน 15 แกลเลอรี 15 ธีม และ 5 โซนใหม่เลยทีเดียว บางคนอาจจดจ่ออยู่กับแผนที่เดินเรือยุคโบราณ หลายคนกำลังฝึกอ่านเข็มทิศเดินเรืออย่างขะมักเขม้น เดินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับสินค้าต่างๆ ที่เอาไว้ใช้แลกเปลี่ยนกันไม่ว่าจะเป็น อัญมณี, เครื่องเทศ, ผ้าไหม ฯลฯ
มากไปกว่านั้นยังมีพาหนะเดินเรือต่างๆ อาทิ เรือแบบชวา, สำเภาจีน, เรือบุโรพุทโธ แต่ที่อลังการในความรู้สึกที่สุดต้องยกให้ The Jewel of Muscat หรือเรือใบอาหรับแห่งศตวรรษที่ 9 โดยจากคำบอกเล่าของผู้นำทางยิ่งต้องอึ้ง เมื่อเรือลำนี้สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่ที่อึ้งไปกว่านั้นก็คือ ใช้วัสดุและเทคนิคการก่อสร้างแบบดั้งเดิมทั้งหมด! เดินชมไปเรื่อยๆ ก็นึกย้อนกลับไปถึงวัยเยาว์ สมัยนั่งหาวบ้างแอบงีบบ้างในห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์อยู่เหมือนกัน ไม่นึกว่าจากตัวอักษรยาวเหยียด เมื่อมาเห็นเป็นวัตถุจริงๆ แล้ว มันจะรู้สึกดีขนาดนี้
อีกโซนหนึ่งที่เราคิดว่าไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งก็คือ “ไต้ฝุ่นเธียเตอร์” ซึ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ที่เปรียบเสมือนว่าเรากำลังนั่งอยู่บนเรือสินค้าอาหรับ ด้านหน้าเป็นจอขนาดยักษ์ที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของนักสำรวจ ที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานาท่ามกลางท้องทะเลอันโหดร้าย โดยเฉพาะพายุไต้ฝุ่นที่ทำเอาเราลุ้นไปด้วยใจระทึก แถมมีหยาดฝนสาดกระเซ็นกระทบร่างกายเฉกเช่นระบบ 4DX ราวกับว่าเราอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวจริงๆ และสุดท้ายผู้ชมทุกคนก็จมลงไปใต้ท้องมหาสมุทรพร้อมกับซากเรือลำดังกล่าวนั่นเอง น่าเสียดายที่เราเก็บภาพชัดๆ มาให้ชมไม่ได้ เพราะภายในห้องค่อนข้างมืดทีเดียว
แอบน่าเสียดายเล็กน้อยที่ในแต่ละโซน (รวมไปถึงที่ S.E.A. Aquarium) เรามีเวลาดื่มด่ำอยู่กับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าในเวลาค่อนข้างจำกัด แต่ต้องยอมรับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาเต็มไปด้วยความประณีต ใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด ซึ่งนอกจากจะชมกันอย่างเพลิดเพลินแล้ว ยังได้รับความรู้ที่เราอาจไม่เคยทราบมาก่อน
และอย่างที่เกริ่นนำไปข้างต้น “อดีต” มักมอบอะไรบางอย่างให้กับเราเสมอมา และตลอดไป
The Maritime Experiential Museum
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 10.00 - 19.00 น.
บัตรเข้าสำหรับผู้ใหญ่ (อายุ 13-59 ปี) ราคา 16 เหรียญสิงคโปร์/คน (ประมาณ 390 บาท)
บัตรเข้าสำหรับเด็ก (อายุ 4-12 ปี) ราคา 10 เหรียญสิงคโปร์/คน (ประมาณ 245 บาท)
บัตรเข้าสำหรับผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ราคา 5 เหรียญสิงคโปร์/คน (ประมาณ 120 บาท)
บัตรเข้าไต้ฝุ่นเธียเตอร์ ราคา 3 เหรียญสิงคโปร์/คน (ประมาณ 70 บาท)
อัลบั้มภาพ 21 ภาพ