เที่ยวเชียงดาวหน้าฝน ปลดทิ้งความวุ่นวาย พาหัวใจไป “คราม-ดาว” ถึงยอดภู
เหตุผลหนึ่งของการคิดออกเดินทาง อาจเป็นเพราะเราจินตนาการถึงความสวยงามทั้งยามพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตก หรือเฉดสีท้องฟ้าไล่ริ้วสลับงดงาม บนยอดภูเชียงดาวที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 2 พันเมตร จึงเป็นปลายทางที่หลายคนคิดจะนำใจไปวาง ปล่อยอารมณ์ ปลดทิ้งสิ่งวุ่นวาย ให้ตัวเองหลุดไปกับสีครามของท้องฟ้าที่ตัดผ่านทะเลหมอก ไปบรรจบสีแสดนวลของแสงอาทิตย์ขี้อายที่หลบหลังยอดภู ใจที่อาจจะไม่เคยได้หยุดนิ่ง คงจะได้ไป Calm down ณ ที่แห่งนี้ เที่ยวเชียงดาว 2 วัน 1 คืนนี้จึงขอตั้งชื่อทริปว่าคราม-ดาว ล้อไปกับการออกเสียง Calm down เพราะใจเราอาจนิ่งลงได้ด้วยสีครามจากท้องฟ้าที่เชียงดาว
FB : กาดหนมเส้น Kadnomsen
ทริปนี้เริ่มต้นขึ้นในแบบที่ทุกคนก็เที่ยวได้ หลังออกจากสนามบินเชียงใหม่ช่วงเช้า คงต้องหาอาหารในเมืองรองท้องกันก่อนจะขึ้นดอย กาดหนมเส้น เป็นร้านแนะนำเพราะมีขนมเส้นหรือขนมจีนรสชาติถูกปาก ร้านตั้งอยู่ในซอยเจริญสุข ย่านสันติธรรม บรรยากาศร้านตกแต่งเหมือนบ้านชาวล้านนา ภายในเป็นครัวแบบเปิดฝั่งหนึ่งปรุงอาหารคาว อีกฝั่งทำขนมและเครื่องดื่ม เมนูขนมเส้นมีให้เลือกมากมาย แต่สูตรเด็ดแนะนำคือขนมจีนน้ำเงี้ยว นอกจากนั้นยังมีขนมจีนแกงเขียวหวาน น้ำยาต่างๆ หรือจะสั่งเป็นข้าวหมูอบ ยำพม่าที่ต้องบอกว่าเมนูนี้สาวๆ น่าจะชอบเพราะรวบรวมผักสด ถั่ว สมุนไพรไว้หลายชนิด รสชาติเปรี้ยวนำ แต่ที่อร่อยคือเวลาเคี้ยวถั่วปากอ้ากรอบๆ มันช่างเข้ากับรสเปรี้ยวของน้ำยำ ใครชอบขนมจีนก็สั่งไป แต่ถ้ามีโอกาสนั่งร้านนี้แนะนำยำพม่ามานั่งทานเล่นเพิ่มอีก 1 จาน
รองท้องได้พออิ่มเราเดินทางต่อไปยังอำเภอแม่ริมเพื่อแวะชาร์จแบตกันสักหน่อย ไหนๆ เชียงใหม่ก็ขึ้นชื่อเรื่องร้านกาแฟที่เปิด หรือปิดตัวกันบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่สำหรับร้านกาแฟ Akha Ama Living Factory ที่เราแวะนั้นเป็นสาขาสองต่อมาจากร้านกาแฟอาข่า อ่ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ซึ่งเป็นที่รู้จักและธุรกิจอยู่ตัวแล้ว จะว่าเป็นความบังเอิญปนความโชคดีก็ได้ที่เราได้เจอคุณลี หรือลี-อายุ จือปา ผู้ก่อตั้งและเจ้าของแบรนด์กาแฟอาข่า อ่ามา จึงได้คุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับร้านกาแฟแห่งนี้ ที่นอกจากจะยังคงโดดเด่นเรื่องรสชาติกาแฟแล้ว ร้านกาแฟสาขานี้ยังกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านอาหาร และการทำธุรกิจยั่งยืนให้กับผู้สนใจต่อไปด้วย ดังนั้นกาแฟของอาข่า อ่ามาจึงไม่ใช่แค่ส่งกลิ่นหอมอบอวลขณะดื่มกิน แต่กาแฟของคุณลียังกลายเป็นจุดเริ่มต้นขององค์ความรู้ให้กับผู้สนใจทุกคน บริเวณร้านกว้างขวาง เน้นบรรยากาศสบาย เสียดายเป็นคนไม่ดื่มกาแฟ เลยสั่งเป็นมะตูมโซดา รสชาติออกหวานซ่า แต่สดชื่นและได้กลิ่นหอมมะตูม ช่วยเติมแบตที่อ่อนแรงให้เต็มได้เหมือนกัน
>> “ลี-อายุ จือปา” หนุ่มอาข่าปรับที่ดินเชียงใหม่ 5 ไร่ เป็นร้านกาแฟ โรงคั่วเพื่อสังคม
บ่ายคล้อยแล้วจึงเดินทางต่อไปยังดอยแม่ตะมาน ซึ่งตั้งอยู่ในหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน อำเภอเชียงดาว เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน ฝั่งตรงข้ามจะเป็นดอยหลวงเชียงดาว และจุดที่สามารถมองเห็นดอยหลวงเชียงดาวได้ชัดเจนที่สุดจากจุดนี้คือสถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ นักท่องเที่ยวจะนิยมมากางเต้นท์นอนแต่วันที่เราเดินทางขึ้นไปซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงนั้นฝนตกตลอด ป่าเขียวชุ่มชื่นข้างทางทำให้รู้สึกปอดสะอาด และสัมผัสได้ถึงอากาศบริสุทธิ์อย่างแท้จริง เมื่อฝนตกบนยอดดอยสิ่งที่เราเห็นจึงแตกต่างไปจากเที่ยวดอยในช่วงฤดูหนาว ไอหมอกสีขาวรวมตัวเคลื่อนผ่านต้นไม้ ทิวเขา แม้ท้องฟ้าจะครึ้ม แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
เมื่อฟ้าเริ่มครึ้มและฝนตกชุ่มช่ำตลอดเส้นทาง เราจึงรีบนั่งรถกระบะกลับลงมายังบ้านต้นไม้ โฮมสเตย์ที่จองไว้ พอดีวันที่เข้าพักไฟดับ ทุกอย่างจึงมืด สงบ และเงียบมาก แวบแรกเมื่อรู้ว่าไฟดับดูเหมือนจะจัดการชีวิตไม่ลงตัวเหตุเพราะเคยอยู่แต่ในเมืองที่ไม่เคยหลับใหล กว่าจะปิดไฟนอนก็เที่ยงคืน แต่เมื่อผ่านไปสักครู่ความเงียบจากธรรมชาติรายล้อม เสียงน้ำจากลำธารซึ่งห่างออกไปไม่ไกล เสียงจากป่า และแสงเทียนก็ทำให้จิตใจนิ่งลงและกลับมาอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ค่ำคืนแสนสงบเช่นนี้มันจะเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งแค่ไหนในชีวิตของเรา เจ้าของบ้านต้นไม้จัดเตรียมมื้อเย็นไว้ให้ รสชาติแสนถูกปากโดยเฉพาะไก่ทอด เรียกได้ว่าอยากจะเชิญมาทอดขายแทนไก่ทอดในเมือง คืนนั้นจึงเป็นคืนพิเศษ ที่ทำให้เราได้พักผ่อนและนอนหลับลึกคืนหนึ่งเท่าที่จำความได้
ตี 4 วันรุ่งขึ้นกับภารกิจพิชิตพระอาทิตย์ขึ้น เรายังคงหวังว่าจะได้เห็นแสงอาทิตย์แรกฉาบทากับท้องฟ้า ปนกับหมอกที่ยังไม่จางหาย และสีเขียวสดจากทิวไม้หลากพันธุ์ของผืนป่า โชคไม่เข้าข้างเราเมื่อขึ้นไปบริเวณบ้านระเบียงดาว ฟ้าปิด ทุกอย่างครึ้ม มีเพียงหมอกลอยตัวไปมาบนฉากฟ้าอมฝน แต่เหนือสิ่งที่อาจทำให้เราผิดหวังอยู่เล็กน้อยนั้น อากาศช่างดีเหลือเกิน ทุกครั้งที่หายใจเข้า รู้สึกสบาย ยิ่งเดินขึ้นไปบนเนินสูงเพื่อเก็บภาพต่างๆ แม้จะเหนื่อยหน่อยแต่เพราะอากาศดีจึงรู้สึกว่าความเช้าไม่เป็นอุปสรรค
ดูช่างเหมาะกับการเที่ยวตอนเช้าเพราะหลังกลับจากชมพระอาทิตย์ขึ้นยังแวะไปสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง สถานที่ปฏิบัติธรรมท่ามกลางธรรมชาติ ตัววัดตั้งอยู่บนยอดเขาสูงต้องเดินขึ้นบันได 510 ขั้น ในระหว่างเดินขึ้นไป ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ หมอกขาวยังคงเกาะกลุ่มเคลื่อนตัวลอยอยู่ด้านบน ทุกๆ ขั้นบันไดที่ก้าวขึ้นไป เราอาจได้ใช้เวลาระหว่างนี้สนทนากับตัวเอง จะหยุดและถอยกลับไปนั่งพักสบายๆ ด้านล่าง หรือจะมองว่าบันไดทุกขั้นที่เหลือเบื้องหน้าคืออุปสรรคท้าทายให้เราต้องผ่านพ้นไปถึงเป้าหมาย วัดแห่งนี้เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาปฏิบัติธรรมได้ แต่ต้องแจ้งล่วงหน้า
กลับจากวัดมาถึงโฮมสเตย์ อาหารเช้าจัดเตรียมไว้ให้รองท้องแบบง่ายๆ ทั้งขนมปัง ไข่ลวก ข้าวต้มไก่ แต่ที่พิเศษสุดเห็นจะเป็นน้ำพริกข่า น้ำพริกฮวกหรือน้ำพริกทำจากเนื้อลูกอ็อดโคลกกับเครื่องสมุนไพรแล้วปรุงรสเค็มๆ เผ็ดๆ จิ้มกินกับข้าวนึ่งหรือข้าวเหนียวนุ่มๆ และไก่ย่าง บอกเลยว่าอร่อยเกินบรรยาย ก่อนลงจากดอยยังพอมีเวลาเดินเล่นรอบๆ โฮมสเตย์ เพราะไม่ไกลกันนักเป็นธารน้ำขนาดย่อม ระหว่างทางเดินไปธารน้ำตกเป็นห้องพักของโฮมสเตย์รายอื่นๆ ที่ลำธารน้ำใส เย็นสดชื่น จะบอกว่ามีบริการนวดด้วย แต่เสียดายตอนเดินไปร้านยังไม่เปิด ลองคิดว่าถ้าได้นอนนวดฟังเสียงน้ำตกไปพรางท่ามกลางอากาศเย็นสบายแบบนี้ ผ่อนคลายสุดสุดไปเลย
ได้เวลาลงดอย ขากลับบนเส้นทางแม่ริม ยังคงเที่ยวสไตล์คนเมืองแวะนั่งชิลทองมา สตูดิโอ ร้านกาแฟสไตล์อาร์ตแอนด์คาเฟ่ ร้านแม้จะอยู่ลึกลับไปหน่อย แต่ต้องบอกเลยว่ามันใช่ เพราะร้านร่มรื่นมีบริเวณนอกร้านกว้างๆ ไว้นั่งทานกาแฟ หรือถ่ายรูปเล่น ส่วนด้านในตกแต่งด้วยงานปั้นซึ่งเป็นผลงานเจ้าของร้าน สไตล์ตกแต่งแบบดิบๆ จึงโดนใจนักเดินทางที่ชื่นชอบการถ่ายรูป ไม่เพียงร้านจะสวยงามเท่านั้นเพราะรสชาติเครื่องดื่มของร้านยังถูกอกถูกใจไม่น้อยโดยเฉพาะเครื่องดื่มรสมินท์ที่สั่งมาสดชื่น ทานกับโทสต์ราดน้ำผึ้งและผลไม้รวมที่เสิร์ฟมาในถาดใบใหญ่ จึงเป็นการตบท้ายทริปที่สมบูรณ์แบบเหมือนจุดฟูลสต็อปเวลาเขียนประโยคต่างๆ เสร็จสิ้น
แม้ตลอด 2 วัน 1 คืนกับทริปคราม-ดาวที่เชียงดาว จะไม่ได้เป็นไปตามคาดหวังทุกสิ่ง สีท้องฟ้าที่เราจินตนาการไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด แต่เราก็ได้เห็นเฉดสีใหม่ๆ ที่อยู่รายล้อมรอบตัวเรา เปรียบไปแล้วก็เหมือน PALETTE OF THAILAND เพราะมีหลากสีสันอยู่ภายในทุกเส้นทางท่องเที่ยวของเมืองไทย และเฉดสีเหล่านั้นก็จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เราออกเดินทางในครั้งถัดไป
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ