ปิตุ๊โกร มหานทีจากแดนสวรรค์
มนุษย์ทุกผู้คนล้วนมีความหวังความฝันแตกต่างกันออกไป ซึ่งบ้างอาจจะไปซ้ำกับของคนอื่น แต่มันก็ไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับ “การได้เริ่มออกเดินทางไปให้ถึงฝั่งฝัน แต่หากว่าการปล่อยให้ความฝันนั้นยังคงเป็นความฝันต่อไปอยู่ทุกวันคืน โดยฉกฉวยเหตุผลต่างๆ มากลบเกลื่อนเลื่อนความฝันไปว่า สักวันฉันจะต้องเดินทางไปให้ถึง พอนานวันความฝันนั้นก็ยังคงเป็น ความฝัน ต่อไป”
ความฝัน กับ นักเดินทาง
สำหรับนักเดินทางแล้ว ส่วนใหญ่มักจะมีความฝันกันว่า สักวันจะต้องเดินทางไปยังดินแดนที่สวยงาม ที่ไม่มีความสับสนวุ่นวาย เพื่อให้ตนเองได้ทอดร่างพักกายใจคลายความเหนื่อยล้าจากวัฏจักรชีวิตอันซ้ำซากจำเจ นักเดินทางผู้ช่างฝันบางคนเลือกเส้นทางสู่ท้องทะเลกว้าง โดยหมายว่าความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวและเกลียวคลื่นจะช่วยปลอบประโลมใจ และนักเดินทางผู้ช่างฝันอีกบางคนเลือกที่แบกเป้เดินดุ่มเข้าสู่พงพนาป่าลึก ผจญภัยฟันฝ่าเนินดอยสูงละเลียดเฉียดฟ้าเพื่อไขว่คว้าล่าฝัน ซึ่งผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความฝันในตัวเลือกหลังนี้
กรุงเทพฯ – อุ้มผาง
ระยะเวลาเกือบ 12 ชั่วโมงเต็ม จากกรุงเทพฯ ถึง อ.อุ้มผาง จ.ตาก ที่ผมและอีก 8 ชีวิต จากกลุ่มอาสาเที่ยว ผู้ริเริ่มโครงการเก็บขยะบริเวณแค้มป์พักแรมน้ำตกปิตุ๊โกร ต้องนั่งอยู่ในรถยนต์รูปร่างคล้ายปี๊บใบใหญ่ติดล้อเลื่อนเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางภาคเหนือ แล้วแยกซ้ายช่วงก่อนถึง จ.ตาก มุ่งหน้าไปทาง อ.แม่สอด จากจุดนั้นเป็นต้นมาคือจุดสิ้นสุดของถนนเส้นทางตรง ความคดเคี้ยวเลี้ยวเลาะไปตามไหล่เขาของเส้นทางช่วงจาก จ.ตาก ถึง อ.แม่สอด ถือเป็นบททดสอบข้อแรกๆ ก่อนที่จะไปพบกับบททดสอบอันหนักหน่วงท้าทายบนถนนสาย 1090 อ.แม่สอด – อ.อุ้มผาง หรือที่เรารู้จักกันในนามเส้นทางดอยลอยฟ้า 1,219 โค้ง ต่อไป
โค้งซ้าย โค้งขวา โค้งแล้วโค้งเร่า บางช่วงต้องเนิบนาบขึ้นเนิน บางช่วงเป็นทางลาดชันน่าหวั่นเกรง ทั้งหมดล้วนประวิงเวลาให้พวกเราเดินทางมาถึงอำเภออุ้มผางจุดหมายปลายทางในช่วงสายของวัน เราได้เดินทางมาถึง ตู กะ สู คอทเทจ ที่พักระดับแนวหน้าอันแสนอบอุ่นท่ามกลางวงล้อมอ้อมกอดของเทือกเขาถนนธงชัยตอนกลาง และรอยยิ้มอารีอย่างคนคุ้นเคยจากคุณสุชาติ จันทร์หอมหวล หรือในชื่อเล่นคือ พี่อู๊ดดี้ และ พี่ยุ้ย คุณสุมาลี จันทร์ หอมหวล ทั้งสองท่านคือคู่ชีวิตผู้เสริมสร้างตำนานผืนป่าอุ้มผางให้ออกสู่สายตาโลกภายนอกจนเป็นที่ประจักษ์กันโดยทั่วไป
อุ้มผาง – หมู่บ้านกุยเลอตอ – ลำห้วยมึเลโกร
ช่วงบ่ายของวันเดียวกันที่เดินทางมาถึง อ.อุ้มผาง การเดินทางไปตามอุดมการณ์ที่หวังจะให้แหล่งท่องเที่ยวมีความสวยงามสะอาด แม้จะอยู่กลางผืนป่ากำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจ สัมภาระถูกจัดเตรียมความพร้อมพลันถูกหิ้วส่งขึ้นท้ายรถยนต์ จากนั้นเรามุ่งหน้าไปทางเดียวกับทางที่จะไปน้ำตกทีลอซูน้ำตกใหญ่สวยงามติดอันดับ 1 ใน 6 ของทวีปเอเชีย ซึ่งต้องผ่านหมู่บ้านของพี่น้องชาวปกาเกอะญอ ได้แก่ บ้านแม่กลองใหม่ บ้านเดลอคี บ้านนุเซโปร้ บ้านนุโพ จนมาถึงทางเข้าหมู่บ้านกุยเลอตอ ในเขต ต.แม่จัน พื้นที่ชายแดนไทย – เมียนม่าร์ อันมีเทือกเขาถนนธงชัยเป็นเส้นแบ่งกั้นอาณาเขตเอาไว้ ถนนหนทางในช่วงแรกค่อนข้างดีแต่เมื่อยิ่งใกล้ถึงจุดหมายมากเท่าไร จากถนนลาดยางผิวเนียนก็กลับกลายเป็นผิวขรุขระมีหลุมบ่อให้ก้นของเราได้ตื่นขึ้นจากภวังค์ จนใครบางคนในคณะเดินทางนั่งนิ่งตัวเกร็งโหยหาห้องน้ำ เพราะถูกกระตุ้นจากข้าศึกที่เข้าโจมตีทางด้านหลังอยู่บ่อยครั้ง…น่าเห็นใจครับ
75 กิโลเมตร จากตัว อ.อุ้มผาง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง รับรองได้ว่าความหฤหรรษ์แบบนี้หาสนุกกันไม่ได้จากในเมือง กาลครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ผมเคยสนุกเกินบรรยายมาแล้วในครั้งที่เดินป่าสู่หมู่บ้านเลตองคุ ครั้งนั้นเราเดินกันหลายสิบกิโลเมตร จนถึงวันเสร็จสิ้นภารกิจได้ออกมาเจอรถยนต์กระบะนำพาเราเข้ามาส่งในตัว อ.อุ้มผาง รถยนต์กระบะคันนั้นจึงเปรียบเสมือนพาหะสวรรค์ จากโลกหนึ่งที่เงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติกลับไปสู่ความโลกแห่งความเป็นจริง สายลมเย็นท้ายรถยนต์กระบะ หมอกบางบนยอดเขา และแดดอุ่นทาทาบในวันนี้ ทำให้ผมหวนคิดถึงความสนุกสนานในคืนวันเก่าก่อนอีกครั้ง
ณ หมู่บ้านกุยเลอตอ บนบ้านของท่านผู้ใหญ่ซึ่งเป็นที่พำนักให้เราได้พักพิง เตรียมตัวและจัดสัมภาระก่อนถึงเวลาลุยในวันรุ่งขึ้น โดยเราจะต้องเดินเท้าไปสู่แค้มป์แรกคือบริเวณลำห้วยมึเลโกร เราจะต้องพักค้างแรมที่นั่น 1 คืน วันต่อไปจึงจะเดินต่อไปยังน้ำตกปิตุ๊โกร เป้าหมายสำคัญของเราต่อไป
หลังอาหารเช้าผ่านพ้นไป การเดินทางด้วยเท้าเข้าผืนป่าลึกได้เริ่มต้นขึ้น เส้นทางช่วงแรกถือได้ว่าเป็นปราการด่านทดสอบกำลังใจผู้มาเยือน สายน้ำไหลสูงประมาณเข่าที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จำเป็นต้องเดินฟันฝ่าข้ามกระแสธารขึ้นไป “นี่คือการต้อนรับ..หรือธรรมชาติต้องการทดสอบอะไรจากเรา?”
ผมพยามเดินเลี่ยงลัดเลาะไปตามริมลำธาร เพียงเพราะไม่ต้องการให้รองเท้าคู่ใจเปียกปอนเสียตั้งแต่วันเริ่มต้น ผมยังคงต้องใส่มันอีกอย่างน้อยสองวัน การอับชื้นจะทำให้เกิดความรู้สึกแปรปรวน แต่แล้วในที่สุดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จนกลายเป็นว่าต้องเดินหน้าเผชิญกับมันอย่างเป็นกันเอง บททดสอบนี้ทำให้คิดได้ว่า “ในเมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงอะไรได้ ก็จงเป็นเพื่อนกับมัน ซึ่งจริงแล้วสิ่งที่เรากลัวหรือไม่ชอบนั้น อาจจะไม่มีอะไรที่น่ารังเกียจเลย”
2 ชั่วโมงกับการเดินเท้าเข้าป่า ช่วงแรกผ่าสายน้ำและโคลนตม ต่อมาเปลี่ยนฉากเป็นภาพนาขั้นบันไดน้อยๆ ของชาวปกาเกอะญอที่บรรจงสร้างสรรค์ไว้หาเลี้ยงชีพตน แต่สำหรับเรานักเดินทางผู้มาเยือนมันคือภาพสวยแปลกตาน่าพิสมัย ภายใต้ร่มเงาไม้อันมีสายลมอ่อนโชยมาประดุจดังผืนป่ากำลังปลอบประโลมพวกเราให้คลายเหนื่อย จากนั้นไม่นานเรามาถึงแค้มป์ที่พักริมสายน้ำมึเลโกร ซึ่งมีความใสสะอาดสวยงาม ที่แค้มป์พักแรมทางหมู่บ้านได้จัดทำสุขาไว้ 2 ห้อง แค่นี้ถือว่าสะดวกมากแล้ว อย่างน้อยพวกเราก็ได้ใช้ปลดปล่อยไม่ไปทำเรี่ยราดกันในราวป่า ไม่ต้องแบกภาระอุ้มท้องกันไป จึงได้เก็บท้องอันโล่งโปร่งไว้ไปบรรจุเสบียงอาหารของวันรุ่งขึ้นกันต่อไป
สายน้ำนี้มีชื่อว่า มึเลโกร ซึ่งเป็นชื่อของผู้หญิงชาวปกาเกอะญอคนหนึ่งที่ได้มาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มาก่อน ทางหมู่บ้านกุยเลอตอจึงใช้เรียกขานกันต่อมา ถ้าจะบอกว่าห้วยมึเลโกรคือสายน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกปิตุ๊โกรสายนทีจากแดนสวรรค์ก็คงไม่ผิด เพราะเป็นสายน้ำเดียวกันต่างกันตรงช่วงตอนเท่านั้นเอง
ริมลำห้วยมึเลโกรในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ เพื่อนนักเดินทางหญิงชายต่างลงเล่นน้ำสัมผัสความสดชื่นอย่างเปรมปรีดิ์ สายน้ำใสแม้ว่าจะมีความเย็นยะเยือกจนรู้สึกสั่นสะท้าน เวลานี้ไม่มีใครหวาดหวั่นเพราะความสุขสดชื่นเช่นนี้ไม่สามารถหาได้จากเมืองใหญ่ ธรรมชาติอันงดงามบริสุทธิ์ดุจดังสรวงสวรรค์รายรอบอยู่ตรงหน้า มีหรือจะไม่ไขว่คว้าเชยชม
ยามค่ำคืนมาเยือนสายฝนโปรยลงแผ่วเบาแต่ทว่าต่อเนื่องไม่หยุดพัก ผ้าฟรายชีตขึงตึงเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการบันเทิงกับอาหารมื้อค่ำแสนอร่อยจากฝีมือเชฟสุดหล่อ เขาทำอาหารได้หลากหลายเมนู ต้องขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้อีกสักครา
คืนนี้บทสนทนาหลายเรื่องราวได้ถูกนำมาแลกเปลี่ยนถ้อยคำความคิด รวมถึงการจัดรูปแบบการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวรุ่นต่อไป เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้ ส่วนหนึ่งไว้เป็นค่าจัดการดูแลทรัพยากรอันมีค่าของเขา ไม่ให้เสื่อมสลายลงไปจากการท่องเที่ยวที่ไม่มีรูปแบบ ซึ่งพื้นที่นี้กำลังเผชิญกับปัญหาขยะที่นักท่องเที่ยวไร้สำนึกบางคนบางกลุ่มได้ทิ้งไว้ประปราย ภาพของขวดสุราเบียร์กระป๋องถุงพลาสติกยังคงเรี่ยราดอยู่ริมแคมป์ มันเป็นภาพที่ไม่น่าดูอันเกิดจากการกระทำคนไร้ความผิดชอบ หลังจากนี้ที่นี่จะมีรูปแบบอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปกป้องให้ธรรมชาติได้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ต่อไปตราบนานเท่านาน
ปิตุ๊โกร มหานทีจากแดนสวรรค์
วันต่อมา บรรยากาศยามเช้าริมลำห้วยมึเลโกรสงบเงียบราวกับเป็นอีกโลกหนึ่งที่ไร้ผู้คน เสียงไผ่เบียดเสียดถูลำสีกันส่งเสียงเป็นท่วงทำนองดนตรีจากพงไพร ผีเสื้อรูปร่างแปลกออกโบยบินเกาะเรือนไม้แต่งแต้มสีสันให้ชื่นชมจรรโลงใจ ป่าคือจุดกำเนิดของต้นน้ำ น้ำไหลไปหล่อเลี้ยงสรรพสัตว์ทั้งที่เป็นสัตว์ป่าธรรมดาและที่ยกตัวกันว่าเป็นสัตว์ประเสริฐเลิศกว่าสัตว์ใดๆ…แล้วไฉนที่ว่าประเสริฐแล้วจึงหวนคืนมาทำลายอย่างไม่สนใจในคุณค่า หรือเป็นเพราะว่า เห็นแก่ตัว
ผมเดินเข้าป่าไปด้วยความสงบ เป้าหมายต่อไปอยู่ที่น้ำตกปิตุ๊โกร มหานทีแห่งสวรรค์ การเดินในเช้าวันนี้ไม่เหนื่อยเหมือนที่นักเดินทางรุ่นก่อนเคยข่มขู่ สองข้างทางเป็นป่าสนิทมิดชิดด้วยร่มเงาไม้ ทำให้ไม่รู้สึกร้อนให้ร่างกายระคน ยิ่งเดินยิ่งก้าวก็ยิ่งได้ยินเสียงยวนใจ ซึ่งเป็นเสียงของสายน้ำมหานทีตกลงมาจากที่สูง
ผมก้าวเท้าช้าลงเพื่อประวิงเวลาพิจารณาชีวิตน้อยๆ ริมทาง ยิ่งเราเคลื่อนตัวให้ช้าลงมากเท่าไร ก็ทำให้ได้เห็นมากขึ้นเท่านั้น ทุกชีวิตในป่าล้วนมีเหตุผล มีความเกื้อหนุนเจือจุนกันและกัน ถึงแม้ว่าจะแตกต่างสายพันธุ์แต่มันก็อยู่รวมกันได้อย่างมีความสุข ตรงกันข้ามกับชีวิตของคนเมือง…(เข้าเรื่องคน อีกจนได้) พอละ
สองชั่วโมงจากแค้มป์ที่พักผ่านไป ผมได้มาถึงจุดชมน้ำตกปิตุ๊โกร สัมผัสแรกอย่างเต็มตาที่เบิกกว้าง น้ำตกสายนี้ช่างสูงเหลือเกินประมาณด้วยสายตาคงไม่ต่ำกว่า 400 เมตร สายน้ำจากยอดภูเขาสูงเทียมเมฆทิ้งตัวผ่านหน้าผาลงมาสองสายซ้ายขวา ทอดตัวลงมาในแนวเฉียงเอนเอียงก่อนมาบรรจบกันเป็นรูปตัววี ดูคล้ายสายน้ำรูปหัวใจจากนั้นจึงไหลรวมกันลงไปเบื้องล่าง ผมไม่เคยพบเห็นน้ำตกที่ไหนสูงเท่าน้ำตกปิตุ๊โกรแห่งนี้มาก่อน ถ้าจะให้เกียรติว่าน้ำตกปิตุ๊โกรนั้นมีความสูงมากที่สุดในประเทศไทยก็คงจะไม่ผิดนัก นับเป็นอีกหนึ่งอันซีนของจังหวัดตาก กันได้เลยทีเดียว
ยังไม่มีใครรู้ว่าจุดกำเนิดของสายน้ำตกปิตุ๊โกรนั้นอยู่ตรงไหน เพียงแต่มั่นใจกันว่าเกิดจากป่าบริเวณยอดดอยสามหมื่นที่ได้อุ้มน้ำไว้ ช่วงฤดูฝนป่าไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ทั้งหมดจึงได้ปล่อยลงมาสู่พื้นที่ลุ่มต่ำกว่ากลายเป็นสายน้ำตกให้ได้ชื่นชมอย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยความสูงของยอดดอยในบางคราวเมื่อมีเมฆหมอกขาวไหลผ่าน ดูคล้ายว่าเป็นดินแดนแห่งสวรรค์หรือป่าในตำนานเทพนิยาย ผมจึงคิดไปว่าที่มาของมหานทีสายนี้คือ สวรรค์
ขอขอบคุณ
กลุ่มอาสาเที่ยว : ที่ทำให้โลกแห่งการท่องเที่ยวสวยงาม
ที่พักพิง : ท่านผู้ใหญ่บ้านกุยเลอตอ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก