รีวิวร้าน Curate มิชลินสตาร์ระดับ 3 ดาว ที่ดีที่สุดในสิงคโปร์!!!
Curate ร้านอาหารเยอรมันสุดคลาสสิค ที่นอกจากจะได้รับการยกย่องให้เป็นร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์แล้วยังได้รับรางวัล Best Western Restaurant Fine Dining 2018 ของการท่องเที่ยวสิงคโปร์อีกด้วย ซึ่งนี่ถือเป็นเครื่องการการันตีและเป็นสิ่งดึงดูดให้แก่นักชิมที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวใน Universal สิงคโปร์ อยากจะลองมาชิมอาหารในร้านนี้ ซึ่งในวันนี้ Sanook! Travel จะอาสาพาคุณไปพิสูจน์ความอร่อยของร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ร้านนี้กัน!
เริ่มแรกที่เข้ามาในร้านนี้ก็สัมผัสได้เลยถึงความหรูหราและอินเตอร์มาก เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายในร้านดูเรียบหรูสวยงามไปหมด และมองไปในครัวที่เป็นครัวเปิดเราจะเห็นเชฟ Benjamin Halat สุดหล่อประจำร้านกำลังยืนเตรียมอาหารให้แก่เราในวันนี้อยู่
ซึ่งในวันนี้เราจะได้รับประทานอาหารคอร์ส 14 เมนู ซึ่งทางร้านจะจัดเต็มให้แก่เรา ไปดูกันว่า 14 เมนูในวันนี้จะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรรวมไปถึงรสชาติอาหารว่าจะอร่อยแค่ไหน
1.KRABBEN BROETCHEN
แป้งพัฟไส้กุ้งราดซอส อาหารเรียกน้ำย่อยชิ้นเล็กๆ พอดีคำ ที่มีความกรอบและมันจากเนื้อกุ้ง รสชาติอร่อย เลยทีเดียว
2.LEBERWURST BROT
อีกหนึ่งเมนูเรียกน้ำย่อยที่มีรสชาติเข้มข้นขึ้นมากว่าจานแรก ตับห่านบดรสเข้มผสมกับเจลแตงกวาดองและ มันฝรั่งทอดรสดาร์กเบียร์ เป็นส่วนผสมที่เมื่อเข้าปากพร้อมทั้งสามสิ่งแล้วลงตัวสุดๆ
3.OBATZDA
เมนูนี้เป็นเครื่องเคียงที่เอาไว้ทานคู่กับขนมปัง ซึ่งมีให้เลือก 3 แบบ คือชีสกามองแบร์ ผงกระหรี่ และปาปริก้า เสิร์ฟมาในตระกร้าปิคนิคสุดน่ารัก จานนี้ให้คะแนนความครีเอทในการพรีเซ้นท์อาหารเต็ม 10 เลย
4.RADI & RAUCH
ปลารมควันทาทาร์และหัวไชเท้าดอง เป็นอีกหนึ่งเมนูเรียกน้ำย่อยที่ส่งผลต่อน้ำย่อยเรามากจริงๆ เพราะกลิ่นรมควันนี้หอมมาก เสิร์ฟมาบนเตาร้อนๆ หอมอร่อยเลยทีเดียว
5.SCHWEINSHAXE & SAUERKRAUT
ปิดท้ายเมนูเรียกน้ำย่อยของคอร์สนี้ด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของอาหารเยอรมันอย่างขาหมูเยอรมัน และเยลลี่ผักดอง พร้อมกับเบียร์แก้วจิ๋วที่ทางร้านเสิร์ฟมาให้ทานคู่กัน ขาหมูเยอรมันที่นี่จะนำไปทอดกรอบ จนเหลืองสุกได้ที่นำมาเสิร์ฟร้อนๆ มีความกรอบนอกนุ่มในเนื้อด้านในยังคงชุ่มฉ่ำอยู่ ตัดเลี่ยนด้วย เยลลี่ผักดอง เป็นเยลลี่ที่ฟังชื่อดูแปลกแต่อร่อยและตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดีทำให้จานนี้ถือว่าลงตัวเลยทีเดียว
6.ALMDUDLER
น้ำเลมอนเนดสมุนไพรสไตล์ออสเตรียนที่ทางร้านบอกกับเราว่าใช้สมุนไพรในการทำน้ำนี้ออกมาหลายตัวมากๆ เป็นน้ำดื่มที่ให้ความสดชื่น และเป็นการล้างปากก่อนที่จะเข้าสู่เมนคอร์สอย่างแท้จริง
7.FORELLE MULLERIN ART
ปลาเทร้าต์ ซึ่งเป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาแซลม่อนของโปรดของหลายๆ คน ทางร้านจัดเรียงมาบนจานพร้อมกับผีชีฝรั่งและแอลมอนด์ราดซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ปลามีความสดมากเนื้อเด้งหวานอร่อย ยิ่งทานคู่กับแอลมอนด์และซอสของทางร้านแล้วยิ่งทวีคูณความฟินยิ่งขึ้นไปอีก
8.KNODEL & SCHWAMERLN
ทางร้านเริ่มเผยอาวุธเด็ดออกมาทีละน้อยด้วยการใช้วัตถุดิบระดับสูงหาทานได้ยากอย่างเห็ดชองเทอเรล และเห็ดทรัฟเฟิลดำมาปรุงอาหารจานนี้ให้แก่เรา ซึ่งแค่พนักงานยกมาเสิร์ฟตรงหน้ากลิ่นหอมของเห็ดทรัฟเฟิลก็รอยขึ้นมาเตะจมูกเราแล้ว รสชาติกลมกล่อมเข้มข้น เมื่อทานเข้าไปจะมีกลิ่นหอมๆ ของทรัฟเฟิลกระจายอยู่เต็มปาก เป็นหนึ่งในจานแนะนำที่อยากให้ทุกคนได้มาลองจริงๆ
9.RUSSISCHES EI
จานนี้ใครที่ชอบทานไข่ปลาคลาเวียร์ต้องกรี๊ดแน่นอน เพราะทางร้านทำไข่ซูฟเฟล่มาเสริมให้เราโดยที่ออนท็อปด้วยไข่ปลาคลาเวียร์แบบเป็นก้อนใหญ่มากๆ รสชาติหอมมัน มีไข่แดงซ่อนอยู่ใต้ไข่ปลาคลาเวียร์ด้วยอีกทีช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้แก่จานนี้
10.NORDSEE
ปลาค้อทแอตแลนติก เนื้อแน่น เสิร์ฟพร้อมกับซอสแตงกวา และมันฝรั่ง จานนี้ให้คะแนนความสดและอร่อยของเนื้อปลาที่ทางร้านคุ๊กออกมาได้สุกกำลังดีอร่อยมาก
11.ZWIEBELROSTBRATEN
และแล้วก็มาถึงจานที่สาวกเนื้อวัวอย่างเรารอคอย สเต็กเนื้อเซอร์ลอยด์ชิ้นโตที่หั่นออกมาเป็นทางยาว ให้เห็นสีแดงสดด้านในของตัวเนื้อ ความชุ่มฉ่ำที่ยังคงอยู่เต็มเปี่ยมและรสหวานหอมจากธรรมชาติของเนื้อทำให้จานนี้กลายเป็นที่ 1 สำหรับคอร์สนี้ไปโดยปริยาย
12.SANDDORN
มาถึงเมนูของหวานจานแรกกับไอศกรีมเบอรี่ ผสมเลมอน ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นหวานหอมกำลังดี มีเซอไพรซ์อยู่ที่ก้นแก้ว เราไม่บอกให้ทุกคนได้ไปลองทานกันดูเอง
13.SNICKERS 2018
อีกหนึ่งเมนูไอศกรีมที่แตกต่างจากจานแรกอย่างสิ้นเชียง เพราะนี่คือไอศกรีมที่โรยด้วยถั่วแม็คคาเดเมีย ให้รสชาติที่หวานมันทานคู่กับช็อคโกแลตที่อยู่ก้นถ้วย เป็นการผสมผสานที่อร่อยจริงๆ
14.KINDHEITS ERINNERUNG
เมนูสุดท้ายสำหรับวันนี้ เชฟเลือกเสิร์ฟคุ๊กกี้สูตรคุณยายให้พวกเราได้ลองทานอีกทั้งยังมีเค้ก และก้อนช็อคโกแลตด้วย เป็นของหวานที่ปิดท้ายสำหรับมื้อนี้ได้อย่างเพอร์เฟ็ค
โดยรวมแล้วตั้งแต่เข้ามาที่ร้านนี้จนถึงเมนูสุดท้ายเราจะสัมผัสได้เลยถึงความใส่ใจในอาหารแต่ละจานของเชฟ การจัดองค์ประกอบในการพรีเซ้นท์อาหาร และรสชาติอาหารทุกจานนั้นไม่เกินไปเลยที่จะบอกว่าเป็นความอร่อยในระดับโลกจริงๆ ใครที่มีโอกาสได้มาเที่ยวที่ เกาะ Sentosa สิงคโปร์ แนะนำให้ครั้งหนึ่งควรลองมาทานครับ แล้วคุณจะเข้าใจว่าอาหารระดับ Michelin star นั้นเป็นอย่างไร!
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Resort World Sentosa Singapore
เวลาเปิด - ปิด : 18.30 – 22.30 น. หยุดทุกวันอาทิตย์
ติดต่อ : +65 6577 7288 / +65 6577 6688
อัลบั้มภาพ 35 ภาพ