พาไปซอกแซกทั่วแดนลิกอร์ ทดสอบว่าคุณรู้จัก “นครศรีธรรมราช” ดีพอหรือยัง
หลายๆ อย่างของเมืองคอน หรือจังหวัดนครศรีธรรมราช มีความเป็นที่สุดในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในภาคใต้ และมีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ ทั้งยังมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ย้อนไปได้ไกลถึงศตวรรษที่ 7 และเป็นหัวเมืองชั้นเอกมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จึงไม่แปลกที่ทุกตารางนิ้วของเมืองลิกอร์แห่งนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวสำคัญๆ มากมาย
ใครเคยมาเที่ยวนครศรีธรรมราชจะรู้ว่าเป็นจังหวัดที่เที่ยวยังไงก็ไม่ทั่วเสียที ก็เพราะเมืองคอนมีอำเภอมากถึง 23 อำเภอ แถมแต่ละอำเภอยังเต็มไปด้วยของดีของเด็ด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัดวาอารามต่างๆ ไปจนถึงของอร่อยที่หลายคนต้องขอกลับไปเที่ยวซ้ำๆ ที่เมืองคอนแห่งนี้
ส่วนใครที่กำลังเล็งว่าอยากมาทำความรู้จักนครศรีธรรมราชให้ดียิ่งขึ้น เราคัดสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ในหลายอำเภอมาให้คุณเช็คไปพลางๆ ว่า เคยมาสัมผัสเมืองคอนทั่วแล้วหรือยัง
แน่นอนว่ามาเยือนนครศรีธรรมราชทั้งที อันดับแรกก็ต้องสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งภายในวัดมีพระบรมธาตุเจดีย์ที่ภายในบรรจุพระทันตธาตุ (ส่วนฟันของพระพุทธเจ้า) อยู่
พระบรมธาตุเจดีย์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 854 โดยเป็นศิลปะการก่อสร้างแบบศรีวิชัย ต่อมาในปี พ.ศ. 1093 พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ได้ก่อร่างสร้างเมืองนครศรีธรรมราชขึ้น พร้อมกับสร้างเจดีย์องค์ใหม่ครอบพระบรมธาตุองค์เดิม และในปี พ.ศ. 1770 ได้มีพระภิกษุจากลังกาทำการบูรณะองค์พระบรมธาตุให้เป็นแบบทรงลังกา หรือทรงโอคว่ำดังที่เห็นในปัจจุบัน
ความสง่างามของพระบรมธาตุเจดีย์ (ทรงลังกา) นั้นโดดเด่นด้วยความสูง 55.78 เมตร โดยองค์ระฆังสูง 9.80 เมตร มีปล้องไฉน 52 ปล้อง และปลียอดหุ้มด้วยทองคำเหลืองอร่าม จนได้รับการเรียกขานว่าเป็น “พระธาตุทองคำ” พร้อมกับอีกหนึ่งความอัศจรรย์ในการคิดคำนวณมาเป็นอย่างดีของช่างในสมัยโบราณ นั่นก็คือ แม้แสงแดดจะตกต้ององค์พระธาตุสักแค่ไหน เหลื่อมเงากลับทาบทอดไม่ถึงพื้น จนราวกับว่าพระธาตุไม่มีเงา จึงทำให้ได้รับการเขียนขานว่า “พระธาตุไร้เงา” อีกหนึ่งฉายา
การเดินทาง: จากเส้นทางสาย 401 ถึงตัวเมืองนครศรีธรรมราช ไปที่ถนนราชดำเนิน เมื่อถึงตำบลในเมือง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเด่นตระหง่านอยู่ด้านขวามือ
จากนั้นเดินทางกันต่อมายัง วัดธาตุน้อย หรือ วัดพระธาตุน้อย ในเขตตำบลหลักช้าง กิ่งอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช วัดแห่งนี้ตั้งขึ้นโดยความประสงค์ของ พ่อท่านคล้าย (พระครูพิศิษฐ์อรรถการ) พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ชาวใต้เลื่อมใสศรัทธาถึงขั้นยกย่องให้เป็นเทวดาเมืองคอน เทพเจ้าแห่งแดนใต้ ที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์
พระธาตุเจดีย์ธาตุน้อยนั้นถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดของพ่อท่านคล้าย ที่ลั่นวาจาเอาไว้ว่า “ฉันจะสร้างเจดีย์องค์ใหญ่สักองค์ ให้เหมือนพระบรมธาตุฯ นครศรีธรรมราช แต่ไม่ให้ใหญ่กว่า เพราะพระบรมธาตุนั้นเจ้าเค้าสร้าง” ดังนั้น พระเจดีย์ธาตุน้อยจึงมีความสูง 70 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมยาวด้านละ 27 เมตร ภายในพระเจดีย์ประดิษฐานพระสารีริกธาตุ และสรีระสังขารของพ่อท่านคล้ายในโลงแก้ว ที่นี่จึงเป็นดั่งเจดีย์อนุสรณ์สถานพ่อท่านคล้ายอีกด้วย โดยสังขารพ่อท่านคล้ายซึ่งว่ากันว่าแข็งเป็นหินนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ยิ่งเสริมแรงศรัทธาให้ผู้คนหลั่งไหลมาสักการะบูชากันมากยิ่งขึ้น
การเดินทาง: จากอำเภอเมืองขับรถตรงไปยังอำเภอลานสกา เลี้ยวซ้ายที่แยกลานสกาแล้วขับตรงไปเรื่อยๆ 50 กม. จะพบสะพานพ่อท่านคล้าย ลงสะพานแล้ววัดอยู่ทางซ้ายมือ
พักเบรคเติมของว่างระหว่างวันด้วย ขนมครกแม่นงค์ (สูตรโบราณ) ที่ปักหลักขายอยู่หน้าวัดจันทราราม เชิงสะพานราเมศวร์ โดยเป็นขนมครกตำรับโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณยายก่อนจะมาถึงมือแคะขนมครกรุ่นปัจจุบันอย่างพี่นงค์ ที่นำข้าวไข่มดริ้น ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดนครศรีธรรมราช มาโม่แป้งเองสดใหม่ทุกวัน จนออกมาเป็นขนมครกที่มีให้เลือก 3 แบบคือ ธรรมดา (น้ำตาล) ไส้กุ้ง และไส้กล้วย ขนาดเป็นแบบธรรมดาก็ยังไม่ธรรมดา ด้วยความกรอบนอกนุ่มใน ได้ความมันของกะทิสดที่ทำบนเตาถ่าน ส่วนไส้กุ้งก็ใช้กุ้งสดๆ สับ ผัดกับมะพร้าวขูด เติมน้ำตาลและเกลือจนได้รสชาติกลมกล่อมละมุนลิ้นของไส้กุ้ง
ที่เด็ดสุดต้องยกให้ขนมครกไส้กล้วย ที่นำกล้วยไข่สุกมาหั่นเป็นแว่นๆ แล้วนำไปใส่ในขนมครก เติมแป้งและน้ำกะทิสดลงไป ปิดฝาจนกล้วยไข่สุกบนเตาถ่าน ถูกใจคนชอบกินกล้วยแน่นอน
การเดินทาง: ถ้ามาจากสี่แยกท่าวัง ร้านนี้อยู่หน้าวัดจันทราราม ก่อนถึงสะพานราเมศวร์ โทรศัพท์ 083-1734552 (นงค์), 083-5262216 (อุ้น) เปิดทุกวัน เวลา17:00–21.00 น.
หรือถ้าหิวแล้วก็อย่าเพิ่งไปไหนไกล แวะกินขนมจีนก่อนค่อยไปตะลอนเที่ยวต่อยังอำเภอต่างๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าห้ามพลาดการไปเช็คอินที่ร้าน ขนมจีนเส้นสดแม่แอ็ด เจ้าแรกเมืองนคร เพื่อสัมผัสกับความเหนียว นุ่ม สด ใหม่ ของขนมจีนเส้นสดที่ทำใหม่ทุกวัน จากข้าวสารสายพันธุ์ที่ปลูกจากจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นข้าวที่มีกลิ่นหอมและนิ่มกำลังดี พอเส้นดีแล้ว กินกับอะไรก็อร่อย โดยเฉพาะน้ำยา ที่ก็มีกรรมวิธีในการเตรียมพิถีพิถันไม่แพ้กัน โดยต้องเอากะปิไปหมักกับน้ำตาลทิ้งไว้ 4-6 เดือน ก่อนจะนำมาใช้ทำเครื่องแกงน้ำยาขนมจีนที่อร่อยเด็ดสุดๆ เบิ้ลทั้งขนมจีน ทั้งน้ำยา แถมยังตักเติมผักสดได้ไม่อั้น กินวนไปค่ะ!
การเดินทาง: 84 ถ. ศรีธรรมราช อ.เมือง โทร 075-345-327 เวลาเปิด-ปิด 9.00-15.00 น. หยุดเดือนละ 2 วัน ในวันพฟหัส ศุกร์ หรือวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน
อีกหนึ่งร้านเด็ดประจำเมืองที่ไม่ไปไม่ได้ หนีไม่พ้น ร้านโกปี๊ ข้างศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นร้านกาแฟเก่าแก่คู่เมือง ที่ไม่ได้เสิร์ฟแต่กาแฟโบราณ แต่มีอาหารคาวหวานให้ทานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าวซี่โครงหมูอบ ข้าวหมกไก่ คั่วกลิ้ง บ๊ะกุ๊ดเต๋ ชาเย็น กาแฟเย็น ฯลฯ แนะนำให้ลองข้าวมันแกงไก่ กับข้าวเหนียวเบญจรงค์ อิ่มอร่อย เติมพลังให้เต็มแม็กซ์ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญห้ามพลาดกาแฟโบราณสูตรเก่าแก่ ยิ่งจิบยิ่งอินกับบรรยากาศเมืองเก่ารอบๆ ตัว
การเดินทาง: ซอยนางงาม ข้างศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โทร 075-340-160, 093-780-6294
อิ่มหนำสำราญเป็นที่เรียบร้อย ก็ออกเดินทางกันต่อ โดยเปลี่ยนบรรยากาศมาท่องเที่ยวเชิงนิเวศกันบ้าง แนะนำกิจกรรม “ล่องเรือ ถ่อแพ แลหมอก” ที่บ้านฝายท่า ต. นาแว อ.ฉวาง ที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมทะเลหมอกบนยอดภูเขาศูนย์ ต.ไม้เรียง ได้ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ จากนั้นค่อยลงมาล่องเรือที่บ้านฝายท่า ต.นาแว โดยมีไกด์นำเที่ยวล่องเรือตั้งแต่บ้านฝายท่าเรื่อยไปจนถึง ต.ไม้เรียง เป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร ที่จะได้สัมผัสกับลมเย็นๆ น้ำใสๆ ที่ไหลมาจากต้นน้ำตาปี พร้อมกับสูดโอโซนบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ล่องเรือจนเบื่อก็แวะพักบนหาดทรายได้เป็นระยะ แถมยังมีจุดกระโดดน้ำให้แวะเรียกความสดชื่นกันอีกด้วย
การเดินทาง: ใช้เส้นทางนครศรีธรรมราช-บ้านส้อง (4015) ระยะทางจากนครศรีธรรมราช ถึง อ.ฉวาง 70 กิโลเมตร และจาก อ.ฉวาง ถึงสี่แยกด่านต้นโพธิ์ 12 กิโลเมตร ถึงสี่แยกด่านต้นโพธิ์เลี้ยวขวาไปหมู่ที่ 11 ต.นาแว ระยะทาง 3 กิโลเมตร ถึงจุดเริ่มต้นการล่องเรือมีป้ายบอกตลอดเส้นทาง
“ปากพนัง” เป็นหนึ่งในอำเภอที่เราไม่อยากให้คุณพลาด เพราะที่นี่อุดมไปด้วยของดีมากมาย ถึงขั้นมีคำขวัญประจำอำเภอที่ล้ำยังกับคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “รังนกเลื่องชื่อ ร่ำลือขนมลา โอชาไข่ปลากระบอก ส่งออกกุ้งกุลาดำ ออกพรรษาไหว้พระลาก นิยมมากแข่งเรือเพรียว” ดังนั้น ต้องเผื่อเวลาเที่ยวอำเภอนี้นานหน่อย วันเดียวไม่พอแน่
เหตุผลที่ปากพนังเพียบพร้อมด้วยของดี ก็เพราะในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองท่าศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล และตัวอำเภอมีแม่น้ำไหลผ่านไปจนถึงปากอ่าว จึงเหมาะแก่การเดินเรือและการกระจายสินค้าต่อไปยังหัวเมืองสำคัญอื่นๆ
ด้วยความที่ปากพนังถูกแบ่งออกเป็นฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกนี่เอง จึงกลายเป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่หลายคนหลงใหล ทำให้แม้จะมีการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างฝั่งตะวันตกและตะวันออกแล้ว แต่การนั่งเรือเมล์ข้ามฟากก็ยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย มาปากพนังทั้งทีเลยอยากแนะนำให้ลองนั่งเรือเมล์ข้ามฟากชิลๆ เที่ยวละบาท มองดูฝูงนกนางแอ่นเต็มทองฟ้าของเมือง แค่นี้ก็ได้ซึมซับบรรยากาศของปากพนังแล้ว
ทันทีที่ข้ามฟากมายังท่าเรือฝั่งตะวันออกก็จะเจอตลาดร้อยปีดักคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ที่มีทั้งอาหารสดอาหารแห้งวางจำหน่ายตลอด 2 ข้างทาง นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านไม้และตึกอายุนับร้อยปีให้ชาวฮิปสเตอร์ได้ลั่นชัตเตอร์เก็บภาพกันแบบรัวๆ
ไม่ไกลจากท่าเรือเป็นที่ตั้งของประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงห่วงใยความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง และพื้นที่ใกล้เคียง ประตูระบายน้ำแห่งนี้มีส่วนอย่างมากในการช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำเค็ม ไปจนถึงปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ที่สำคัญคือ ทำให้ทัศนียภาพโดยรอบสวยงามขึ้นจนกลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ที่ชาวบ้านนิยมมาพักผ่อนออกกำลังกายไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพสวยๆ กลับไป
ถ้ามีเวลาอยากให้แวะไปเยือนแหลมตะลุมพุก ที่โค้งเรียวยาวไปตามชายฝั่งทะเลแนวเหนือ-ใต้ ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร มีชายหาดสีขาว เนื้อทรายละเอียด ให้ได้พักผ่อนแบบชิลๆ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่ง พื้นที่แห่งนี้เคยถูกพายุพัดสร้างความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อพ.ศ. 2505 จากพายุโซนร้อนแฮร์เลียต จนทำให้ชาวบ้านเสียชีวิตและสูญหายไปกว่า 1,300 คน แต่ปัจจุบัน แหลมตะลุมพุกกลายเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่หลายคนต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง
สายทะเลห้ามพลาดกิจกรรมล่องเรือไปทักทายแพนเค้กร็อค หรือ เขาหินพับผ้า ที่อำเภอขนอม ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ทางธรณีวิทยาที่เห็นได้บนเขาหิน และเกาะบางเกาะในทะเลขนอม เช่น เกาะท่าไร่ เกาะนุ้ยนอก เขาหลักซอ และชายฝั่งอ่าวเตล็ด โดยลักษณะที่เห็นก็ตรงตามชื่อเป๊ะ คือ เป็นแผ่นหินที่ทับซ้อนเรียงกันเป็นชั้นๆสูงขึ้นไป ที่คนไทยมองเห็นเป็นผ้าพับไว้เป็นตั้ง ส่วนฝรั่งเห็นเป็นแพนเค้กนั่นแหละ
เขาหินพับผ้าเป็นปรากฎการณ์ทางธรณีวิทยาเกิดจากการตกตะกอนในท้องทะเลที่มีส่วนประกอบที่แตกต่างกันกลายเป็นชั้นหิน เมื่อเปลือกโลกเปลี่ยนแปลงเกิดการกัดกร่อน เผยให้เห็นชั้นหินเป็นชั้นๆ มีการเอียงไปเอียงมาตามความลาดเอียงของการกำเนิด บางจุดสามารถเดินไปเยี่ยมชมได้ เช่นที่ชาวบ้านเรียกบางจุดว่าเป็น เวทีพุ่มพวง เนื่องจากคล้ายเวทีร้องเพลง
ส่วนอีกเหตุผลที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเรียกที่นี่ว่าแพนเค้กร็อค เพราะมีหน้าตาคล้ายกับ Pancake Rock ที่เมือง Punakaiki ประเทศนิวซีแลนด์ เขาหินพับผ้าจึงเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งของโลกที่พบปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาแบบนี้ โชคดีแค่ไหนที่เราคนไทยไม่ต้องบินไปไหนไกล ก็มีที่เที่ยวเจ๋งๆ ให้ไปเยือน
การเดินทาง: ขึ้นเรือที่ท่าเรือแหลมประทับ โดยปกติหินพับผ้ามักบรรจุอยู่ในโปรแกรมล่องเรือชมปลาโลมาสีชมพูและชมบ่อน้ำจืดธรรมชาติตำนานของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดอยู่แล้ว ส่วนจะได้ไปเยี่ยมชมหินพับผ้าที่บริเวณเวทีพุ่มพวงหรือไม่ ควรสอบถามโดยตรงจากเรือก่อนขึ้นเรือ
ปิดท้ายทริปทัวร์เมืองคอนให้สมบูรณ์แบบ อย่าลืมสอดส่ายสายตามองหาขนมปะดา ที่หน้าตาละม้ายโดนัทของฝรั่ง แต่เป็นขนมพื้นบ้านโบราณที่อยู่คู่เมืองนครศรีธรรมราชมานาน มักทำขึ้นเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ เพื่อเลี้ยงแขก แต่เดี๋ยวนี้เริ่มทำขายกันแพร่หลายมากขึ้น
ขนมปะดาทำจากแป้งข้าวเจ้าคลุกเคล้าผสมกับกล้วยน้ำว้าที่สุกงอมส่วนไส้ขนมประกอบไปด้วยสมุนไพรหลายอย่าง ทั้งตะไคร้ หัวหอมแดง พริกไทย กระเทียม มะพร้าวขูด กะทิ กุ้งสด เหลือ และน้ำตาล บดส่วนผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำแป้ง 2 ชิ้นมาประกบกับไส้ นำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนได้นมปะดาเนื้อนุ่ม รสชาติกลมกล่อม ไม่ต้องกลัวว่ากลิ่นสมุนไพรจะแรงเกินไป คนโบราณเขาคิดมาดีแล้วว่า นี่แหละ สูตรเด็ดขนมกินเล่นที่มากด้วยประโยชน์และที่สำคัญคือ หร็อยจังฮู้!
จังหวัดนครศรีธรรมราชยังมีที่เที่ยวให้คุณไปทำความรู้จักอีกนับไม่ถ้วน ลองประเดิมตามเส้นทางนี้ก่อน และจะออกไปค้นหาที่เที่ยวที่ถูกใจคุณด้วยตัวเอง ก็สนุกไปอีกแบบ
(Advertorial)