เช็คอินอุบลราชธานี ดูแสงแรกที่ผาแต้ม จิบกาแฟกลางทุ่งนา เซอร์ไพรส์ไปตลอดทางกับความสวยของอีสานใต้
630 กิโลเมตรคือระยะทางโดยประมาณจากกรุงเทพถึงอุบลราชธานี
ไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆ แต่ครั้งนี้เราก็ปักหมุดเลือกที่จะไปผจญภัยกันที่นี่ให้ได้ เพราะมีเป้าหมายสำคัญคืออยากดูแสงแรกของพระอาทิตย์ในประเทศไทยบนผาแต้มที่ถูกขนานนามว่าสวยจับใจด้วยสายตาตัวเองสักครั้ง
มานาเด้อ
ความเมื่อยล้าจากการเดินทางแบบยาวๆ ของพวกเราถูกบำบัดให้กลับมาสดชื่นแบบเต็มเครื่องพร้อมเที่ยวแบบจัดหนักที่ “มานาเด้อ” คาเฟ่สไตล์ลอฟท์กลางทุ่งนาบนพื้นที่กว่า 30 ไร่ มีสะพานไม้ทอดยาวต่อเนื่องหลายกิโลให้ได้เดินรับลมสัมผัสกับบรรยากาศการทำนาของชาวอีสานแท้ๆ ซึ่งถ้ามาในช่วงดำนา หรือฤดูเก็บเกี่ยว ผืนนาแห่งนี้ที่ยังคงเป็นพื้นที่ทำนาจริงๆ จะเปิดกว้างให้ลูกค้าได้เห็นถึงขั้นตอนและความตั้งใจของชาวนา รวมทั้งถ้าใครสนใจจะลงไปร่วมดำนาเกี่ยวข้าวด้วยกัน ชาวนาทุกคนก็ยินดีต้อนรับ
ส่วนของเครื่องดื่ม กาแฟ และขนมหวานที่นี่มีครบ โดยที่ยังไม่ทิ้งความแซ่บของอีสานดั้งเดิมกับการเสิร์ฟส้มตำนัวแบบรัวๆ ให้ทุกโต๊ะที่พร้อมจะเผ็ดได้ลองไปด้วยกัน
พิกัด ร้านมานาเด้อตั้งอยู่บนถนนอุบล-เขื่องใน ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 09.00-19.30 น.
สวนสัตว์อุบลราชธานี
หลังจากชาร์จพลังจนเต็ม พวกเราก็มุ่งหน้ามาที่ “สวนสัตว์อุบลราชธานี” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติดงฟ้าห่วน ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองกับเนื้อที่ทั้งหมด 1,217 ไร่ การเที่ยวในสวนสัตว์ครั้งนี้เราเลือกใช้บริการรถรางนำชม อัตราค่าบริการคนละ 20 บาท แต่ถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวสามารถเช่ารถกอล์ฟขับเที่ยวเองได้ บรรยากาศภายในสวนสัตว์เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของป่าไม้โปร่งแบบธรรมชาติ มีสัตว์กว่า 200 ชนิด ซึ่งแบ่งเป็นแบบเลี้ยงในกรง และแบบปล่อยให้อยู่อย่างอิสระตามธรรมชาติ
พิกัด การเดินทางมาสวนสัตว์อุบลราชธานีให้ใช้ถนนแจ้งสนิท ถึงทางโค้งเลี้ยวขวาเข้าถนนคลังอาวุธ จากนั้นจะเจออุทยานสัตว์ป่าแห่งนี้ที่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
และแล้วเช้าตรู่ที่พวกเรารอคอยก็มาถึง...
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่เช้ามืดเพื่อรอดูแสงแรกของพระอาทิตย์ที่ผาแต้ม โดยในแต่ละวันเจ้าหน้าที่จะมีการระบุชัดว่าวันถัดไปพระอาทิตย์จะขึ้นในเวลากี่โมงเพื่อให้นักท่องเที่ยวเตรียมตัวขึ้นมาดูแสงแรกกันให้ทัน เราไปถึงจุดนั้นกันตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แสงแรกของที่นี่กับการได้เห็นด้วยตาของตัวเองสวยจริงๆ
จากนั้นเราก็ให้เวลาทั้งวันกับผาแต้ม ตั้งแต่ชมภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งถือเป็นภาพเขียนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เดินเที่ยวน้ำตกสร้อยสวรรค์ แวะไปถ่ายรูปต่อที่ทุ่งดอกไม้ป่าใกล้กับลานหินด้านบนของน้ำตกสร้อยสวรรค์ ซึ่งคนพื้นที่แนะนำว่าทุ่งดอกไม้ป่าจะบานช่วงพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมกราคมเท่านั้น
อีกหนึ่งจุดที่ถือเป็นที่สุดของความประทับใจสำหรับชาวเราก็คือ “น้ำตกแสงจันทร์” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันง่ายๆ ว่าน้ำตกลงรู เพราะมีลักษณะพิเศษคือสายน้ำตกจะลอดผ่านรูพอดี แนะนำให้มาช่วยเที่ยงวัน เนื่องจากแสงจากพระอาทิตย์จะตรงกับจุดนี้พอดีทำให้สายน้ำตกดูเหมือนแสงจันทร์
พิกัด การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เริ่มต้นจากอำเภอโขงเจียมให้ใช้เส้นทางหมายเลข 2112 ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร
แม่น้ำสองสี
ปรากฏการณ์ของแม่น้ำสองสีที่อุบลราชธานีเกิดจากการไหลมาบรรจบกันของแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูล โดยชาวบ้านแถบนั้นจะเรียกกันให้เข้าใจง่ายว่า “โขงสีปูน มูลสีคราม” ซึ่งจุดชมแม่น้ำสองสีที่ชัดที่สุดจะอยู่บริเวณริมตลิ่งหน้าวัดโขงเจียม และหมู่บ้านห้วยหมาก การเที่ยวแม่น้ำสองสีครั้งนี้เราเลือกล่องเรือเที่ยวตามลำน้ำมูลและลำน้ำโขงด้วย เพื่อจะได้ถือโอกาสชมวิวธรรมชาติ และดูวิถีชีวิตของคนริมฝั่งโขง
พิกัด การเดินทางไปแม่น้ำสองสีให้ใช้เส้นทางหมายเลข 2137 จากนั้นเข้าสู่อำเภอโขงเจียมตรงไปจนถึงดอนด่านปากแม่น้ำมูล
สามพันโบก
ไม่มาที่นี่คงไม่ได้กับอีกหนึ่งไฮไลท์ของอุบลราชธานี “สามพันโบก” กลุ่มหินทรายที่เรียงตัวกันสวยงาม ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะผ่านกาลเวลามาหลายพันปีจนเกิดเป็นร่องหินขนาดใหญ่ 3-7 เมตร กระจายตัวอยู่ริมแม่น้ำโขงทั้งฝั่งไทยและลาวรวมแล้วกว่า 30 ตารางกิโลเมตร มีสระน้ำอยู่กลางโบกขนาดใหญ่ น้ำใสเป็นสีมรกตสวยงามตลอดทั้งปี สาเหตุที่สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่า “โบก” ก็เนื่องมาจากคำนี้มีความหมายว่าร่องหิน หรือสภาพของหินที่เป็นหลุมหรือแอ่ง ดังนั้นคำว่าสามพันโบกจึงหมายถึงหลุมจำนวนสามพันหลุมนั่นเอง
นอกจากความสวย ที่นี่ยังมีความน่ารักแฝงอยู่กับโบกน่ารักๆ ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์และมนุษย์ก็มาต่อยอดมองเห็นเป็นเรื่องราวต่างกันไป เช่น โบกมิกกี้เมาส์ หรือโบกรูปหัวใจ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องไฮไลท์ที่ซ่อนอยู่ในสามพันโบกท้าทายให้นักท่องเที่ยวได้ลองตามหากันให้เจอ
วัดสิริธรวรารามภูพร้าว
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สร้างขึ้นโดยการจำลองสภาพแวดล้อมของเขาไกรลาสมา ถูกขนานนามว่าเป็นวัดเรืองแสง เนื่องจากในช่วงกลางคืนต้นกัลปพฤกษ์ที่เป็นจิตรกรรมฝาผนังของอุโบสถจะเรืองแสงสีเขียวสวยงามสะท้อนคอนเซปต์ต้นไม้แห่งชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ต้นไม้แห่งนี้เรืองแสงได้สวยงามขนาดนี้เป็นเพราะการเลือกใช้สารฟลูออเรสเซนต์รอบต้นเพื่อให้รับแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวันและฉายชัดในตอนกลางคืน
พิกัด การเดินทางไปยังวัดสิริธนวรารามภูพร้าว วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอสิรินธร ถัดจากเขื่อนสิรินธรไปไม่ไกล
จากจุดเริ่มต้นที่เพียงแค่อยากดูแสงแรงของพระอาทิตย์บนผาแต้มที่อุบลราชธานี กลับกลายเป็นว่าอีสานใต้เมืองนี้กลับเซอร์ไพรส์พวกเรามากกว่าที่คิดด้วยความสวยงามจากธรรมชาติ และความสวยงามของอารยธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว