ออกตามล่าหาพื้นที่สีเขียว เที่ยวให้ทั่วเมืองราชบุรี
หลายคนหลงเสน่ห์จังหวัดราชบุรี เพราะถ้าออกสตาร์ทจากกรุงเทพฯ ขับรถแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว แถมในแต่ละอำเภอของราชบุรียังมีความพิเศษที่ไม่เหมือนกัน มีทั้งแม่น้ำ ป่าเขา ศิลปะ และวัฒนธรรมหลอมรวมอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว ที่สำคัญ ยังเป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวให้เราไปเก็บเกี่ยวความสดชื่นอยู่หลายแห่ง
ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปด้วยกันเลย ว่าทริปนี้เราจะเก็บเกี่ยวสีเขียวจากราชบุรีได้กี่แต้มกันบ้าง
หากคุณเดินทางออกจากกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านจังหวัดนครปฐม อำเภอแรกของจังหวัดราชบุรีที่ดักรอคุณก็คือ อำเภอบ้านโป่ง ขอให้เลี้ยวขวาเข้าไปไม่รอช้า เพื่อไปทำความรู้จักแลนด์มาร์คใหม่ที่นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติพากันทยอยไปเช็คอิน
หอคอยจุดชมวิว 360 องศากลางทุ่งนาบ้านแพะ คือที่ที่เรากำลังเอ่ยถึง หอคอยสำหรับชมวิวแห่งนี้ตั้งอยู่กลางท้องทุ่งนาเขียวขจี ยิ่งไปตอนนี้รับรองว่ามีลมหนาวโชยมาต้องกายเบาๆ ให้ยิ่งรู้สึกฟินไปตามๆ กัน เพราะพื้นที่บริเวณนี้ถูกโอบล้อมด้วยทิวเขาของ 2 จังหวัด คือ เขาใหญ่ เขาน้อย เขาตะพั้น และเขาแหวน ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และเขาแจง เขาขลุง เขาช่องพราน และเขาชะงุ้มแห่งจังหวัดราชบุรี
ด้วยความที่พื้นที่บริเวณนี้มีดินดี น้ำถึง จึงเหมาะแก่การปลูกข้าวให้ออกรวงสวยตลอดปี ที่นี่เลือกปลูกข้าวสุพรรณ 60 และข้าว กข.43 เป็นหลัก รวมถึง “ข้าวหอมมะลิพันธุ์ป้านิ่ม” ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่หอม นุ่ม หุงขึ้นหมอ ที่สำคัญคือ เป็นข้าวที่ช่วยฟื้นฟูให้ตำบลหนองปลาหมอได้กลับมาเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิขึ้นชื่อ ที่ปลูกด้วยระบบอินทรีย์ ด้วยความที่ปลอดสารเคมีทำให้บรรดาแมลงปอ ผีเสื้อ แมลงทับ อาศัยอยู่ในบริเวณนี้กันมาก พลอยทำให้นักท่องเที่ยวได้ชมโฉมความสวยงามของเหล่าแมลงเป็นของแถม
เดิมที่นี่เป็นเพียงทุ่งนา แต่เมื่อชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันสร้างหอคอยชมวิวขึ้น ก็ทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติได้มีโอกาสขึ้นไปชมวิวที่มองเห็นท้องทุ่งนาที่มีภูเขาโอบล้อมแบบ 360 องศา โดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ตกดินที่งดงามเป็นพิเศษ ช่วงเวลาที่แดดร่มลมตกระหว่างเวลา 17.00 – 19.00 น. จึงควรค่าแก่การมาเยือนที่สุด
ชุมชนบ้านแพะมีบริการจักรยานให้ยืมขี่เที่ยวชมบรรยากาศท้องทุ่งนาฟรี ส่วนใครสนใจนั่งเกวียนชมทุ่ง คิดค่าบริการท่านละ 100 บาท หรือถ้าติดใจบ้านแพะจนอยากค้างคืน เพื่อตื่นเช้ามาชมแสงแรกของวัน ก็มีโฮมสเตย์ให้พักในราคาท่านละ 250 บาท (รวมอาหารเช้า) นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมศึกษาดูงานไร่นาสวนผสม ชมการทำขนมไทย การทำกระดิ่งคอวัว ชมงานจักสาน การแสดงฟ้อน อาทิ ฟ้อนที ฟ้อนขันดอก ฟ้อนไท-ยวน ย้ายแผ่นดิน และรำวงเกี่ยวข้าวอีกด้วย
การเดินทาง: จากตัวอำเภอบ้านโป่ง ใช้ถนนเส้นเพชรเกษมสายเก่า (เบิกไพร-เขางู) เมื่อถึงหน้าโรงเรียนชุมชนวัดหนองปลาหมอ ให้กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายตรงสถานีอนามัย ผ่านหน้าวัดชมภูพล เจอหอนาฬิกา แล้วเลี้ยวขวา ตรงเข้าหมู่บ้านได้เลย สอบถามรายละเอียดโทร 086-072-9828
ยังคงวนเวียนอยู่ในอำเภอบ้านโป่ง เพราะเราต้องไปเช็คอินที่ สะพานทุ่งนาบ้านฆ้องน้อย สะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวเป็นรูปตัวแอล พาดผ่านบนท้องนาสีเขียวขจีกว่า 500 ไร่ของของชุมชนบ้านฆ้องน้อย ล้อมรอบด้วยต้นมะพร้าวสูงใหญ่ โดยเฉพาะตรงปลายสะพานที่ทอดยาวไปบรรจบมุมที่เห็นด้านหลังของหลวงพ่ออู่ทองทัต พระพุทธรูปองค์ใหญ่แห่งวัดประชารังสรรค์ ที่ประดิษฐานอยู่ใจกลางชุมชน ยิ่งตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงยิ่งสวยงามมลังเมลืองเป็นพิเศษ
หลังจากที่บ้านฆ้องน้อยได้รับการคัดเลือกให้เป็นชุมชน OTOP นวัตวิถี ชาวบ้านจึงช่วยกันลงมือลงแรงสร้างสะพานไม่ไผ่ให้ทอดผ่านกลางทุ่งนา จะได้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับชมความงามของต้นข้าวในท้องนา ใครที่ผ่านมาเห็นก็พากันบอกต่อปากต่อปากจนสะพานทุ่งนาแห่งนี้กลายเป็นจุดท่องเที่ยววิถีธรรมชาติแบบ OTOP นวัตวิถีแห่งใหม่ ที่หลายคนปักหมุดว่าต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง
ครั้นจะให้ไปเดินเล่นถ่ายรูปนาข้าวอย่างเดียวก็ดูจะจืดชืดเกินไป ชาวบ้านเลยนำผลผลิตในชุมชน อย่างมะพร้าว ผักสวนครัว อาหารพื้นบ้าน ทั้งของคาวและขนมหวาน ที่ผลิตกันเองมาวางจำหน่าย พร้อมนำการแสดงศิลปะพื้นบ้านผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้นักท่องเที่ยวได้ชม เช่น การเต้นบาสโลป ระบำประกอบเพลงสาวลาวเวียง ที่ใช้สะพานบ้านฆ้องน้อยแทนเวทีการแสดง
ที่สำคัญห้ามพลาดการชิม ส้มตำลาวเวียง ที่นำวัตถุดิบภายในชุมชน อย่างมะละกอ กล้วยดิบ มะม่วง ส่าขนุน ลูกยอ มะเขือ น้ำตาลปี๊บ มะขาม และพริกแห้ง มาตำเป็นส้มตำรสเด็ดสูตรลาวเวียงที่หาทานได้ยาก นอกจากนี้ ยังมีขนมไทยให้กินล้างปาก ไม่ว่าจะเป็นข้าวหลามอบโอ่ง ขนมเทียนใส่ใส้ ขนมเปียกปูนสด ข้าวต้มมัด จัดใส่ในกระบอกไม้ไผ่ให้กินสะดวก ถ่ายรูปถนัด พร้อมกับใช้ใบตองทำกระทงใส่อาหารเพื่อลดขยะให้เข้ากับบรรยากาศธรรมชาติทุ่งนาอีกด้วย
การเดินทาง: จากสี่แยกแสงชูโต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี มุ่งหน้าไปทางจังหวัดกาญจนบุรี บนถนนแสงชูโต ประมาณ 4 กม. เลี้ยวขวาตรงจุดกลับรถมุ่งหน้าไปโรงงาน SCG จากนั้นเมื่อข้ามสะพานคลองชลประทานให้ชิดซ้ายและเข้าซอยทางซ้ายมือข้างโรงงาน SCG ขับเลียบกำแพงมา เลี้ยวขวาตามทางโค้งจะเห็นซุ้มประตูทางเข้าสระโกสินารายณ์ อ่านตามป้ายมุ่งตรงไปยังบ้านฆ้องน้อย เที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 081-941-5541
ออกจากบ้านโป่ง แล้วขับตรงไปบนถนนเพชรเกษมเหมือนเดิม มุ่งหน้าอุทยานหินเขางู สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดที่ชาวราชบุรียกให้เป็นแหล่งแฮงเอาท์ยอดนิยมในวันหยุดสุดสัปดาห์
จากที่แต่เดิมเขางูเป็นเพียงแหล่งระเบิดหินและย่อยหินแห่งสำคัญของเมืองไทยมายาวนานหลายทศวรรษ เนื่องจากเป็นหินปูนที่มีคุณภาพดี ทำให้ภูเขาหินแห่งนี้เป็นเพียงทางผ่านที่ไม่มีใครอยากแวะ จนกระทั่งได้มีการยกเลิกสัมปทานการระเบิดหิน ที่นี่จึงกลายเป็นเหมืองร้างที่มีสภาพทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ทางจังหวัดราชบุรีจึงเข้ามาทำการปรับภูมิทัศน์ใหม่ให้ที่นี่กลายเป็นสวนสาธารณะที่สวยว้าว! จนต้องยกนิ้วให้
เริ่มตั้งแต่การสร้างพระพุทธรูปปางลีลาแบบนูนต่ำขนาดใหญ่เต็มพื้นที่บริเวณหน้าผาตรงทางเข้าด้านหน้าของอุทยานหินเขางู เพื่อให้เข้ากับความสำคัญอีกแง่หนึ่งของอุทยานหินเขางู ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอยู่หลายแห่ง ได้แก่ ถ้ำฤๅษี ถ้ำฝาโถ และถ้ำจีน-จาม ซึ่งภายในบริเวณถ้ำต่างๆ เหล่านี้มีการค้นพบพระพุทธรูปจำหลัก หรือพระพุทธรูปที่สลักหินที่ฝาผนังถ้ำอยู่หลายองค์ โดยมีอายุตั้งแต่สมัยทวารวดี ซึ่งแต่ละถ้ำอยู่ไม่ไกลกัน สามารถเดินขึ้นบันไดไต่เขาไปค่อนข้างสูง ได้อารมณ์ผจญภัยนิดๆ
ส่วนใครชอบเที่ยวเพลินๆ ตามประสาสายชิล ก็น่าจะสนุกไปกับการเดินเล่นถ่ายรูปบนสะพานแขวน ตลอดจนทางเดินที่ทอดยาวลัดเลาะไปตามบึงน้ำภายในอุทยานหินเขางู แนะนำให้ไปตอนเย็นที่แดดร่มลมตกแล้ว เพราะตอนกลางวันอากาศที่นี่จะร้อนเป็นพิเศษ ด้วยความที่เป็นเขาหินปูนจึงอมความร้อนไว้มากกว่าปกติ
หรือถ้าอยากมีกิจกรรมทำมากกว่านั้น จะเช่าเรือเป็ดถีบเล่นในบึง เพื่อชมความงามของทัศนียภาพแปลกตาโดยรอบก็สนุกไปอีกแบบ หรืออยากล้ำกว่านั้นก็มี เขางู แอดเวนเจอร์ ปาร์ค ที่มีกิจกรรมมันๆ ไว้ให้ร่วมสนุกเพียบ เช่น จิ้งจอกเหินเวหา ไต่เชือกข้ามระหว่างภูเขา ปีนผา เป็นต้น
การเดินทาง: เส้นทางที่ 1 ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3087 ถนนสายราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร จะพบสี่แยกให้เลี้ยวขวาแล้วขับมาประมาณ 1 กม. จะพบ อุทยานหินเขางู อยู่ด้านซ้ายมือ เส้นทางที่ 2 มาจากทางหลวงหมายเลข 3089 ( จากทางวัดหนองหอย) จะพบอุทยานหินเขางู อยู่ด้านขวามือ
จากเขางูไปต่อกันที่ สวนผึ้งไฮแลนด์ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คน่าสนใจในหุบเขาแห่งอำเภอสวนผึ้ง ที่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะ แถมอากาศดีแบบสุดๆ ไปเลย เพราะถูกล้อมรอบด้วยภูเขาสูง ชนิดที่ลองถ่ายรูปแล้วแอ๊บว่าเช็คอินว่าอยู่เมืองนอก เพื่อนยังเชื่อเลย
นอกจากบรรยากาศดีๆ ยังมีกิจกรรมให้ทำสำหรับคนที่ชื่นชอบการผจญภัย เช่น ทะยานไปบนซิปไลน์เพื่อชมวิวธรรมชาติสวยๆ หรือโรยตัวลงมาจากหอคอย เพื่อท้าทายความกล้าและพละกำลังของตัวเอง ส่วนคนรักสัตว์ก็ยิ่งต้องใช้เวลาอยู่ที่นานสักหน่อย เพราะเต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิดคอยรับแขก เช่น ยีราฟ ม้าแคระ และแพะแองโกร่า ที่ขยันออกมาโชว์ความน่ารักกันทั้งวัน
การเดินทาง: ใช้เส้นทางหมายเลข 3208 (ราชบุรี-สวนผึ้ง) พอถึงอำเภอสวนผึ้ง เปลี่ยนไปใช้เส้นทางหมายเลข 3087 (ราชบุรี-ผาปก) ตรงตามเส้นทางไปเรื่อยๆ จะพบสวนผึ้งไฮแลนด์อยู่ทางขวามือ ก่อนถึงบ้านหอมเทียน โทร 083-695-5635 เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.30 - 17.00 น.
อย่ามัวแต่เที่ยวเพลินจนลืมกินอาหารดีๆ ซึ่งไหนๆ ก็มาทัวร์พื้นที่สีเขียวทั้งที ต้องจัดมื้อสุขภาพให้เข้าธีมกันหน่อย แนะนำ CORO CAFE คาเฟ่สไตล์มินิมอลที่ใช้วัตถุดิบปลอดสารพิษล้วนๆ มาปรุงเป็นเมนูสุขภาพ แบบไม่ใส่ผงชูรสและสารเจือปนใดๆ แถมยังเลือกใช้น้ำมันงา น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว และน้ำตาลธรรมชาติจากความหวานของผลไม้อีกด้วย
จานที่ต้องลองให้ได้ ก็คือ สลัดเมลอนเซซามี ที่มีทั้งโทมิเมลอนเนื้อสีเขียวกรอบหอมหวานได้มาตรฐานญี่ปุ่น โยชิเมลอนเนื้อสีส้มหวานฉ่ำหอมละมุน และแตงโมหวานฉ่ำ ราดด้วยน้ำสลัดเซซามีโฮมเมด หรือถ้าหิวกว่านั้นก็มีข้าวกะเพราเห็ดไก่คาราเกะ ข้าวหมูชาชูกระเทียม และพาสต้าคาโบนาราโปะไข่ออนเซ็นให้เติมพลัง
การเดินทาง: ตั้งอยู่ใน Coro Field ริมถนนราชบุรี-ผาปก ต. ป่าหวาย อ. สวนผึ้ง จ. ราชบุรี โทร 09-2569-4791 เปิดบริการจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-19.00 น.
อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สามารถเห็นทิวทัศน์เมืองราชบุรีได้ในมุมกว้างคือ วัดหนองหอย ซึ่งตั้งอยู่บนเขาน้อยสรรพยา โดยบนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรัตนโกสินทร์มหามุณี หรือหลวงพ่อใหญ่ ที่มีผู้ศรัทธานิยมมาสักการะตลอดปี อีกทั้งภายในวิหารยังเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อพระพุทธเจ้า 3 องค์ ซึ่งเป็นคตินิยมของชาวจีน และยังมีรูปหล่อเทพเจ้าที่เคารพนับถือของชาวจีน รวมทั้งรูปหล่อของพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์ใหญ่ภายในวิหาร ที่มีความสูงถึง 16 เมตร หน้าตักกว้าง 9 เมตร ทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักในชื่อ เขาเจ้าแม่กวนอิม ด้วยเช่นกัน
การเดินทาง: ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3080 เจอสามแยก (แยกซ้ายไปทางวัดเขาช่องพราน แยกขวาไปวัดขนอน) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3089 ประมาณ 23 กิโลเมตร จะพบแยกซ้ายเข้าวัดหนองหอย รถยนต์สามารถวิ่งขึ้นไปถึงบริเวณเชิงวิหาร ด้านบนมีที่จอดรถ
ปิดท้ายวันด้วยการไปชมฝูงค้างคาวร้อยล้านที่ วัดเขาช่องพราน อำเภอโพธาราม ไม่ต้องแปลกใจถ้าไปถึงบริเวณลานวัดแล้วจะเห็นผู้คนพากันแหงนหน้ามองไปบนฟ้า เพราะเขากำลังรอคอยเวลาที่ฝูงค้างคาวจำนวนนับไม่ถ้วนพากันบินกรูออกจากถ้ำในยามพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ทิวแถวของฝูงค้างคาวยาวเป็นสาย เหมือนเส้นสีดำพาดผ่านบนท้องฟ้ากินเวลานานหลายสิบนาทีทีเดียว
เขาช่องพรานเป็นเขาหินปูนเช่นเดียวกับเขางู จึงมีถ้ำน้อยใหญ่อยู่มากมาย นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวแล้ว ยังมีถ้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า ถ้ำพระนอน ซึ่งเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยงามแปลกตา ทั้งยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ โดยมีพระพุทธรูปอีกกว่า 100 องค์รายรอบ นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นสู่บนยอดเขาช่องพราน เพื่อนมัสการพระบรมธาตุบวรวิสุทธิเจดีย์ และสามารถชมทิวทัศน์เพื่อเก็บเกี่ยวโมเมนต์ตอนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าบนจุดชมวิวของยอดเขานี้ เพื่อเป็นการบ๊ายบายทริปราชบุรีในคราวนี้ จะได้จบสวยๆ สมบูรณ์แบบ
การเดินทาง: ใช้เส้นทางหลวง หมายเลข 3080 เจอสามแยกให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3089 ประมาณ 11.6 กม. จะพบวัดเขาช่องพราน ติดถนนทางด้านขวามือ
(Advertorial)