7 ที่เที่ยวสุพรรณบุรี เมืองรองที่ต้องลองไปเที่ยว

สำหรับเราทุกคนแล้ว ด้วยภารกิจในชีวิตประจำวันทั้งการทำงานและการเรียนนั้นในบางครั้งก็หนักหนาเสียจนต้องการการพักผ่อน เพื่อชาร์จแบตให้กับชีวิตในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งหลายคนเลือกที่จะใช้วันหยุดอยู่กับบ้าน

แต่สำหรับใครที่รักการท่องเที่ยวและต้องการเดินทางหาความสุขไปกับการท่องเที่ยว โดยใช้เวลาเพียงน้อยนิดเพียงหนึ่งวัน ก็สามารถเที่ยวไปเที่ยวต่างจังหวัดได้แล้ว Sanook Travel ขอแนะนำจังหวัดสุพรรณบุรี

ที่มีพิกัดอยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ ชนิดที่ใช้เวลาขับรถราวๆ 1 ชม. เท่านั้น แต่ถึงแม้จะใกล้กรุงเทพฯ แค่เพียงเอื้อม ที่นี่ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย รอให้ทุกคนมาสัมผัส

เรามาดูกันว่าภายในเวลา 1 วัน เราสามารถไปเที่ยวที่ไหนในจังหวัดสุพรรณบุรีกันบ้าง

1.ศาลหลักเมือง-หมู่บ้านมังกรสวรรค์

เริ่มต้นด้วยการมานมัสการศาลหลักเมืองประจำเมืองสุพรรณบุรีเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเดินทางต่อ รวมถึงแวะชมหมู่บ้านมังกรสวรรค์ที่ตกแต่งในสไตล์จีน

และมีแลนด์มาร์คสำคัญประจำเมืองสุพรรณบุรีนั่นก็คือ สถาปัตยกรรมมังกรสวรรค์อันยิ่งใหญ่อลังการ นั่นเอง

2.สวนอินทผาลัม

น้อยคนนักที่จะรู้ว่าที่จังหวัดสุพรรณบุรีนั้นก็มีสวนอินทผาลัมด้วย ซึ่งที่นี่ถือได้ว่าเป็นสวนรายใหญ่ที่ปลูกอินทผาลัมออกสู่ท้องตลาดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย

ทุกคนสามารถแวะชิมและเลือกซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์จากผลอินทผาลัมได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเยี่ยมชมสวนอินทผาลัม สวนมะนาว และสวนกล้วย ที่ถูกจัดสรรเนื้อที่ในการปลูกและการทำการเกษตร

ไว้อย่างมีระเบียบแบบแผน และเกิดประโยชน์สูงสุด สามารถไปชมเพื่อศึกษาแนวทางไปใช้กับธุรกิจของตนเองได้

3.ตลาด 100 ปีสามชุก

เดินทางมาจนถึงเวลาใกล้ๆ เที่ยง คงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการเดินหาของกินแสนอร่อย ขนมโบราณที่หาทานยาก และซึมซับความคลาสสิค ณ ตลาดสามชุกอีกแล้ว ตลาดที่นี่เปิดให้บริการมากว่า 100 ปีเลยทีเดียว

สินค้าที่นี่จะไม่เหมือนที่อื่นตรงที่มีความเป็นเอกลักษณ์และไม่ตามกระแสสังคม ใครที่ชอบเสพความโบราณ ความคลาสสิค และชอบอาหารอร่อยๆ หาทานยาก เช่น น้ำอัดลมโบราณ กาละแมสูตรสามชุก ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นยักษ์ ต้องห้ามพลาดที่จะมาแวะชิมอาหาร แวะช็อปปิ้งสินค้า รวมถึงแชะถ่ายภาพกันที่ตลาดแห่งนี้

4.ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียไช้)

ที่นี่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ของชาวนาในจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงเป็นต้นแบบการทำนาที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งทุ่งนาสีเขียวขจีกระจ่างตาไปทั่วท้องทุ่งยังเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจอย่างมาก 

หากใครพอมีเวลาลองใช้บริการนั่งรถรางชมทุ่งนา ท่านจะได้พบกับเทคโนโลยีการปลูกข้าวและการเก็บเกี่ยว รวมทั้งกระบวนการผลิตข้าวตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนออกมาเป็นข้าวให้พวกเราได้ทาน ซึ่งกรรมวิธีเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณเองก็คงไม่เคยรู้ซึ้งถึงความยากลำบากของชาวนาในบางเรื่อง ทำให้เกิดความสำนึกรักและเทิดทูนกระดูกสันหลังของชาติ อีกทั้งที่นี่ยังมีร้านกาแฟแสนอร่อย และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของนาเฮียไช้ ไว้จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวด้วย

5.วัดป่าเลไลยก์

วัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณบุรี มีประวัติความเป็นมายาวนาน สันนิษฐานว่ามีอายุราว 1,200 ปี ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จ.สุพรรณบุรี

ที่นี่มีไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบนั่นคือ ประติมากรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน วรรณคดีประจำเมืองสุพรรณ โดยเป็นศิลปะที่ประณีตวิจิตรตระการตาอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ ยังมีองค์พระประธานศักสิทธิ์ นั่นคือ หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทอง สุพรรณภูมิ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวสุพรรณบุรี

6.บึงฉวาก

บึงฉวากเป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64 กิโลเมตร โดยแบ่งโซนจัดแสดงเป็น  2 โซน นั่นคือ โซนสวนสัตว์ ที่จัดแสดงสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งเสือ สิงโต และนกหายากต่างๆ ส่วนอีกโซนหนึ่งซึ่งเป็นไฮไลท์ของบึงฉวาก นั่นก็คือ โซนสัตว์น้ำ ที่มีทั้งบ่อจระเข้ และอุโมงค์ใต้น้ำ ที่จัดแสดงพันธุ์ปลาหายากมากมาย ทั้งปลาฉลามทราย ฉลามเสือดาว ฉลามครีบดำ เป็นต้น บึงฉวากจึงเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ รวมถึงผู้ใหญ่หลายๆ คนอีกด้วย

7.หอชมทุ่งบ้านต้นตาล

ที่นี่คืออีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดในอำเภอสองพี่น้อง มีความสูงเกือบ 20 เมตร ทำด้วยไม้ไผ่ สามารถเดินขึ้นไปชมทุ่งนาอันเขียวขจีได้แบบสุดลูกหูลูกตา 

หรือจะขึ้นไปนั่งเล่นรับลมเย็นๆ ยิ่งในช่วงนี้ ข้าวในทุ่งนาพร้อมใจกันชูช่อออกรวงเป็นสีเขียวเต็มไปหมด เป็นภาพจากมุมสูงที่มองแล้วสบายตาพาให้สบายใจเป็นที่สุด

รูปทรงของหอชมทุ่งนี้จะเป็นทรงแปดเหลี่ยมมีทั้งหมด 3 ชั้น ใช้ไม้ไผ่กว่า 2,000 ต้นในการสร้าง ตั้งอยู่กลางบ่อน้ำในทุ่งนา สามารถชมวิวความเขียวขจีของทุ่งนาได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว

 

เห็นรึยังว่าสุพรรณบุรีเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายขนาดไหน แบบนี้เห็นทีจะเที่ยววันเดียวไม่พอเสียแล้ว แนะนำให้หาที่พักดีๆ ค้างสักคืน จะได้ตื่นมาสัมผัสเมืองสุพรรณยามเช้า ที่คงมีเสน่ห์ไปอีกแบบ

(Advertorial)