9 จุดชมวิวชมทะเลหมอกหน้าหนาว ณ จังหวัดเลย
ลมหนาวแรกของปีกำลังเริ่มขึ้นแล้ว เป็นเวลาของการพักผ่อนและท่องเที่ยวอย่างแท้จริง ธรรมชาติต่างๆ กำลังสวยงามรอผู้คนมาสัมผัสด้วยตาตนเอง ณ จังหวัดเลย เมืองแห่งขุนเขาของภาคอีสาน หากใครมีแพลนต้องการจะเที่ยวชมทะเลหมอกนั้น จังหวัดเลยถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีทัศนียภาพความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวไม่แพ้ภาคเหนือเลยทีเดียว หากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาสัมผัสไอหมอกและขุนเขาของภาคอีสาน เราได้รวบรวมที่เที่ยวภูทั้ง 9 ไว้ให้ทุกคนได้ไปตามรอยกันแล้ว
1. ภูลมโล
ทีเที่ยวที่กำลังมาแรงอยู่ ณ ขณะนี้ โดยมีจุดเด่นคือ ต้นพญาเสือโคร่ง ที่ออกดอกผลิบานไปทั่วพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ในเขตอุทยานภูหินร่องกล้า ภาพที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นบนภูลมโลคือ สีชมพูของต้นพญาเสือโคร่งที่แผ่กระจายไปทั่ว พร้อมทั้งรับบรรยากาศเย็นสบายบนดอย แสงแดดอ่อนๆ ในยามสาย เป็นบรรยากาศที่หาได้ยากในตัวเมือง ซึ่งในช่วงนี้ของปีจะเป็นช่วงที่ต้นพญาเสือโคร่งออกดอกบานเต็มที่ พร้อมรอให้นักท่องเที่ยวทุกท่านมาพักผ่อนหย่อนใจ หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนักมาทั้งปี
การเดินทาง: จากจังหวัดเลยผ่านอำเภอภูเรือเข้าสู่ตำบลโคกนาม ใช้ถนนเส้นหล่มเก่า หล่มสัก ตรงอย่างเดียวผ่านบ้านถึงโป่งชีและบ้านน้ำพุง เมื่อถึงบ้านน้ำพุงมีทางแยกขวาเขียนว่าวัดป่าพุทธประทับ เลี้ยวขวาตรงไปมีป้าย บอกทางขึ้นไปภูลมโล
2. ภูบักได
ภูบักไดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่บริหารงานโดยชุมชนบ้านปลาบ่า จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้ผู้ที่ได้ไปเยือนจะได้ซึบซับกับวัฒนธรรมและประเพณีของชาวปลาบ่า ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่ง โดยที่ภูบักไดจะมีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก รวมทั้งชมทะเลหมอกในยามเช้า และแลนด์มาร์คอีกอย่างหนึ่งของภูบักไดคือ ผาหลอกลวง ที่ยื่นออกไปตรงหน้าผาของยอดภู ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปที่มุมนี้กันมาก
การเดินทาง: ใช้เส้นทางบ้านกลาง ตำบลปลาบ่า เดินทางจากภูเรือไปทางเกษตรที่สูง ผ่านน้ำตกปลาบ่า น้ำตกสองคอน ระยะทางประมาณ 20 กม. จากตัวอำเภอภูเรือ เมื่อถึงบ้านกลางเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไป
3. ภูทอก
ตั้งอยู่ที่อำเภอเชียงคาน เป็นจุดชมทะเลหมอกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอำเภอเชียงคาน บนยอดดอยนั้นนักท่องเที่ยวจะได้ชมทะเลหมอกที่ปกคลุมไปทั่วเมืองเชียงคานแบบ 360 องศา ไม่มีอะไรมาบดบัง ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่หมอกลงเยอะเป็นพิเศษ หากท่านใดมีโอกาสแวะไปเที่ยวเชียงคานควรขึ้นมา ณ ภูทอกสักครั้ง
การเดินทาง: จากตลาดเชียงคาน ใช้ทางหลวงหมายเลข 211 ไปทาง อ.ปากชม ผ่านทางแยกเข้าแก่งคุดคู้ไปไม่ไกล จะพบทางแยกขวามือ ปากทางมีป้ายภูทอก
4. ภูป่าเปาะ
ความงามของทัศนียภาพ ณ ภูป่าเปาะนั้นคล้ายคลึงกับภูเขาไฟฟูจิของประเทศญีปุ่นอย่างมาก โดยจุดชมวิวของภูป่าเปาะนั้นเบื้องหน้าจะเป็นภูหอ ซึ่งเป็นภูเขาที่มีรูปทรงหัวตัดคล้ายภูเขาไฟฟูจิ ในช่วงเช้าเวลาทีหมอกลงปกคลุมด้านหน้าของภูหอนั้น เมื่อมองจากจุดชมวิวของภูป่าเปาะแล้วจะเห็นเป็นภาพที่สวยงามตระการตาไม่เหมือนที่อื่น นับเป็นที่เที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก หากมีโอกาสควรจะไปสักครั้ง โดยทางชุมชนภูป่าเปาะนั้นได้มีการจัดทำโฮมสเตย์ชาวบ้าน เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักในบ้านของชาวบ้านจริงๆ ทำให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอย่างแท้จริง ใครที่ชอบการท่องเที่ยวแบบชุมชนไม่ควรพลาด
การเดินทาง: ตั้งอยู่เส้นทางเดียวกับสวนหินผางาม เมื่อมาถึงตัวเมืองเลยก่อนจะถึงตัวอำเภอหนองหินประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีป้ายให้เลี้ยวขวาไปคุณหมิงเมืองเลย ให้ไปตามเส้นทางนั้น
5. ภูเรือ
อุทยานแห่งชาติภูเรือตั้งอยู่ระหว่างอำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย โดยมีพื้นที่ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ยอดด้านบนเป็นที่ราบกว้าง มีต้นสนจำนวนมากขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลก ก็คือ มีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาขนาดใหญ่ และในช่วงหน้าหนาวของทุกปีจะมีเทศกาลทุ่งดอกไม้ต่างๆ ที่พลาดไม่ได้
การเดินทาง: อยู่ห่างจากจังหวัดเลยประมาณ 48 กม. ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 203 ถึงอำเภอภูเรือ จะมีป้ายอุทยานแห่งชาติอยู่ปากทางเข้า ซึ่งอยู่ข้างที่ว่าการอำเภอภูเรือ
6. ภูหลวง
ได้รับการขนานนามว่าเป็น "มรกตแห่งอีสาน" เนื่องจากภูหลวงมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และเหล่าพันธุ์ไม้เมืองหนาวสวยงามมากมาย ซึ่งที่ภูหลวงนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นดินแดนแห่งพันธุ์ไม้ที่สวยงามอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเลยทีเดียว บนยอดภูมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี และมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่รอให้นักท่องเที่ยวที่สนใจ และชอบดอกไม้พันธุ์ไม้ต่างๆ มาเที่ยวชม
การเดินทาง: ใช้ทางหลวงหมายเลข 203 เลย-ภูเรือ ไปประมาณ 36 กม. ถึงบ้านสานตม เลี้ยวซ้ายด้านข้างโรงเรียนบ้านสานตมไปตามทางลาดยาง 18 กม. จนถึงด่านตรวจห้วยทอง และเดินทางต่อไปตามเส้นทางลูกรังอีกประมาณ 10 กม. ก็จะถึงหน่วยพิทักษ์ฯ โคกนกกระบา
7. ภูกระดึง
หากพูดถึงจังหวัดเลย ชื่อของสถานทีแรกที่เข้ามาในหัวของหลายๆ คนก็คือ ภูกระดึง แลนด์มาร์คประจำเมืองเลย ซึ่งต้องใช้เวลาเดินเท้าหลายชั่วโมงเพื่อขึ้นไปสู่ยอดภู จนมีคำกล่าวว่าขึ้นภูกระดึงเพื่อพิสูจน์รักแท้ ที่ภูกระดึงแห่งนี้ยังคงความสวยงามของธรรมชาติไว้ได้เสมอ แม้จะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมาอย่างยาวนาน ซึ่งหากใครได้มาเยือนภูกระดึงจะได้พบกับความสวยงามของไม้ดอกเมืองหนาวตลอดสองข้างทางทีเดินขึ้นไป เมื่อถึงบนยอดดอยยังมีจุดชมทะเลหมอก และจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอย่างมากไว้รอรับนักท่องเที่ยวที่รักในธรรมชาติอีกด้วย
การเดินทาง: จากตัวเมืองเลยใช้เส้นทางหมายเลข 201 เส้นเลย – ภูกระดึง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเลยประมาณ 75 กม. แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2019 อีก 8 กม. ก็จะถึงที่ทำการอุทยานฯ
8. ภูบ่อบิด
ภูเขาสูงชันโดดเด่นในอำเภอเมือง จังหวัดเลย บนยอดภูบ่อบิดนั้นสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเลยได้ทั้งเมือง ความงามของภูบ่อบิดนั้นคือ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า และสามารถชมดาวได้ในตอนค่ำ โดยผ่านจุดชมวิวจุดเดียวกัน ถือว่าเป็นเสน่ห์ของภูบ่อบิดเลยทีเดียว นอกจากนี้ ในช่วงเช้ายังมีหมอกหนาลอยออกมาให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมอย่างมากมายในช่วงนี้
การเดินทาง: ขับออกนอกเมืองไปทางอำเภอนาด้วงประมาณ 3 กม. ทางขึ้นภูอยู่ทางซ้ายมือ
9. ภูสวนทราย
มีสภาพเป็นขุนเขาสูงสลับซับซ้อน และผืนป่าดิบชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวจัด จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาสัมผัสอากาศหนาวเย็น ด้วยการกางเต็นท์นอนชมดาวกันทุกปี โดยมีเนิน 1408 เป็นจุดสูงสุดบนภูสวนทราย ด้วยความสูง 1,408 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทำให้จุดนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูที่สวยมาก
การเดินทาง: ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2113 (ด่านซ้าย-นาแห้ว) ระยะทางประมาณ 32 กม. จากอำเภอนาแห้วใช้ทางหลวงหมายเลข 1268 ระยะทางประมาณ 4 กม. จะมีทางแยกขวามือเข้าไปยังที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางอีก 3 กม.
อ่านข้อมูลอัดแน่นจนมาถึงบรรทัดนี้ อยากไปเที่ยวแล้วล่ะสิ ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวกาปฏิทินลางานในช่วงปลายปีหรือต้นปีก็ได้ อากาศดีๆ ที่จังหวัดเลยรอต้อนรับคุณอยู่อย่างใจเย็น
(Advertorial)
