รวม 7 ที่เที่ยวจังหวัดตราด ธรรมชาติสวย ทะเลใส น่าไปพักผ่อน
จังหวัดตราดนับว่าเป็นหนึ่งในเมืองรองที่มีกระแสด้านการท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ มากมาย มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่ยังคงเต็มเปี่ยมและสมบูรณ์ เหมาะแก่การมาพักผ่อน โดยเฉพาะคนที่ชอบเที่ยวทะเล วันนี้ Sanook! Travel รวม 7 ที่เที่ยวจังหวัดตราด ที่น่าไปเยือนมาแนะนำให้รู้จักกัน
1. เกาะกูด
เกาะกูด มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในทะเลตราด รองจากเกาะช้าง เป็นเกาะสุดท้ายในน่านน้ำทะเลตราด ที่สามารถนั่งเรือไปเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
และด้วยความสวยของน้ำทะเลสีมรกตบนชายหาดนี้เอง จึงทำให้เกาะกูดได้รับการขนานนามว่าเป็น “อัญมณีทะเลตะวันออก” ที่นี่มีที่พักให้เลือกมากมาย
รวมถึงสิ่งที่พลาดไม่ได้และเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของเกาะกูด นั่นก็คือ สะพานไม้ยื่นออกไปในทะเลที่เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของนักท่องเที่ยวทุกคน
การเดินทาง: เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (บางนา-ตราด) ผ่านชลบุรี ระยอง จันทบุรี เลยไปจนถึง จังหวัด ตราดรวมระยะทางทั้งสิ้น 385 กม. เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (บางนา-ตราด) เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง หมายเลข 344 (ชลบุรี-บ้านบึง-แกลง) เมื่อถึงอำเภอแกลง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านจังหวัดจันทบุรีจนถึงจังหวัดตราด รวมระยะทาง 315 กม. รีสอร์ทส่วนใหญ่จะมีบริการรับฝากรถให้บริเวณท่าเรือของแต่ละรีสอร์ทในกรณีที่ซื้อแพ็คเกจทัวร์ไป
2. เกาะหมาก
เกาะหมากเป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางทะเลตราด ที่นี่มีชาวบ้านอาศัยอยู่บนเกาะหลายร้อยครัวเรือน แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศแสนสงบ ไร้ซึ่งความวุ่นวายของแสงสีมากวนใจ
นอกจากนี้ น้ำทะเลของที่นี่ยังใสกิ๊งจนสามารถมองเห็นพื้นน้ำด้านล่างได้เลยทีเดียว ทั้งสงบสวยงามแบบนี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คน หลงใหล และอยากเดินทางมาพักผ่อนที่นี่
การเดินทาง: จากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (บางนา-ตราด) เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-บ้านบึง-แกลง) เมื่อถึงอำเภอแกลง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านจังหวัดจันทบุรีจนถึงจังหวัดตราด ก่อนถึงท่าเรือแหลมงอบ จะมีร้านค้าตรงข้ามอนุสาวรียฺ์กรมหลวงชุมพร มีบริการรับฝากรถ คืนละ 50 บาท เป็นเต็นท์อย่างดี
3. เกาะช้าง
เกาะช้างเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่สมชื่อ ถึงขั้นเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย และใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากเกาะภูเก็ต เกาะช้างมีภูมิทัศน์ที่หลากหลายทั้งในส่วนของทะเล ภูเขา น้ำตก และป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์
นอกจากนี้ ทะเลของที่นี่ยังมีทัศนียภาพที่งดงามมาก ทั้งจุดชมวิวและจุดดำน้ำชมโลกใต้ท้องทะเลที่มีเหล่าปะการังมากมาย อีกทั้งชายหาดหลายแห่งบนเกาะก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป
เรียกได้ว่าเป็นเกาะที่ครบครันด้านความน่าเที่ยวที่สุดในตราดเลยทีเดียว
การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ ใช้ขับรถเพียง 4 ชั่วโมง ก็จะถึงท่าเรือเฟอร์รี่ ซึ่งสามารถนำรถลงเรือเฟอร์รี่ไปขับเที่ยวบนเกาะช้างได้ สำหรับการเดินทางไปเกาะช้างโดยเครื่องบิน จะเริ่มต้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง มาลงที่สนามบินตราด แล้วต่อรถไปเกาะช้างได้
4. เกาะกระดาด
เกาะกระดาดมีความพิเศษที่ไม่เหมือนเกาะอื่น นั่นก็คือ เป็นเกาะที่แบนราบเหมือนกระดาษ สามารถมองไปทั่วเกาะได้แบบสุดลูกหูลูกตา ที่นี่ยังมีนักท่องเที่ยวมาไม่มากนัก ทำให้ธรรมชาติยังคงอุดมสมบูรณ์มาก ทั้งต้นไม้ใบหญ้าบนเกาะ และน้ำทะเลสีฟ้าสดใส อีกทั้งยังมีแนวปะการังให้นักท่องเที่ยวสามารถดำน้ำตื้นชมโลกใต้น้ำกันได้ที่หน้าเกาะ
และไฮไลท์ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ ของที่นี่ ก็คือ คุณสามารถเจอฝูงกวางกว่าพันตัวได้บนเกาะนี้ ถือว่าเป็นซาฟารีกลางทะเลเลยก็ว่าได้
การเดินทาง: เนื่องจากเกาะกระดาดเป็นเกาะส่วนตัว มีที่พักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น การเดินทางไปจึงต้องซื้อแพ็คเกจจากที่พักโดยตรงที่ เกาะกระดาดรีสอร์ท http://www.kohkradadresorts.com/
5. เกาะหวาย
เกาะหวายยังคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้อย่างดีเยี่ยม ทั้งบรรยากาศเงียบสงบ นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน ด้านหน้าเกาะก็มีน้ำทะเลสีเขียวมรกตที่ทั้งนิ่งและใส แค่มองก็สบายตา สบายใจ
ด้วยความที่บนเกาะหวายยังมีที่พักไม่มากนัก ประมาณ 4-5 แห่ง ซึ่งที่พักส่วนใหญ่จะเป็นที่พักแบบเรียบง่ายติดทะเล ถ้าคุณชอบความสงบและเป็นส่วนตัว เกาะแห่งนี้ถือเป็นคำตอบสำหรับคุณ
การเดินทาง: จากตัวเมืองตราดสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือแหลมงอบ (ท่าเรือกรมหลวงชุมพรฯ) ส่วนจากเกาะช้างจะขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือบางเบ้า สำหรับใครที่อยากตรงไปเที่ยวเกาะหวายเลย ที่ท่าเรือแหลมงอบ (ท่าเรือกรมหลวงชุมพรฯ) จะมีเรือให้บริการอยู่หลายบริษัท แต่ที่สะดวกที่สุดคือ เรือลีลาวดี และเรือซีเทลส์
6. สปาสุ่มไก่ บ้านช้างทูน
บ้านช้างทูน อำเภอบ่อไร่ เป็นหมู่บ้านที่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำหลายอย่าง เช่น การร่อนพลอยแดง ทำสปาโคลนขาว และกิจกรรมที่ถือเป็นไฮไลท์อย่างการทำสปาสุ่มไก่ ความร้อนจากไอน้ำสมุนไพรที่อบอยู่ในหม้อหุงข้าว จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ดีทีเดียว ถามว่าร้อนมากไหม ต้องไปพิสูจน์กันเอง แต่รับรองว่าปลอดภัยและดีต่อสุขภาพผิวแน่นอน สปาเสร็จออกมาแล้วผิวพรรณของคุณจะดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เพราะผ่านการอบไอน้ำจากสมุนไพรธรรมชาติหลากหลายสายพันธุ์ ใครไม่เชื่อต้องลองไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง
การเดินทาง: เริ่มต้นที่สามแยกไฟแดงแสนตุง เลี้ยวซ้ายผ่านตลาดแสนตุงไปตามเส้นทางหมายเลข 3158 ขับตรงไปประมาณ 3 กม. จะพบสามแยกให้เลี้ยงขวา แล้วขับตรงไปตามเส้นทางหมายเลข 3157 ประมาณ 25 กม. จะถึงสามแยกโรงเรียนวัดช้างทูน (แยกหนองบอน) ให้เลี้ยวซ้าย จากนั้นตรงไปอีกประมาณ 2 กม. (ผ่าน อบต.ช้างทูน) แล้วพบทางสามแยก (ที่ทางโค้งซ้าย) ให้เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 100 เมตร จะพบกับนิเวศพิพิธภัณฑ์บ้านช้างทูน ทางซ้ายมือ ข้อมูลเพิ่มเติมโทร.084-863-7267
7. ลานตะบูน ชุมชนท่าระแน
ชุมชนท่าระแนะเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่มีผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่และอุดมสมบูรณ์ ขนาด 2,000 ไร่ อายุกว่า 100 ปี ทำให้ต้นไม้แต่ละต้นมีขนาดใหญ่มาก จนกลายอัศจรรย์ป่าชายเลน 1 ในสถานที่ท่องเที่ยว Unseen แห่งจังหวัดตราด
ความมหัศจรรย์อยู่ตรงที่การนั่งเรือแค่ 10 นาที ก็ได้พบกับลานตะบูนที่ราวกับดินแดนพิศวง ยิ่งระหว่างทางต้องผ่านช่วงป่าในคลองถึง 3 ป่า คือ ป่าโกงกาง ป่าจาก และป่าตะบูน ยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าไปในป่าดึกดำบรรพ์ยังไงยังงั้น
โดยเฉพาะตอนที่จะลองเดินไปดูลานตะบูนใกล้ๆ ตอนแรกแอบกลัวว่าทำไมดูเหมือนมีงูเลื้อยเต็มไปหมด แต่นี่คือความสวยงามที่ธรรมชาติมอบให้แก่ทุกคนที่ได้ไปดูจริงๆ
การเดินทาง: จากตัวเมืองตราดใช้ทางหลวงหมายเลข 3148 เส้นทางไปแหลมงอบ ประมาณ 3 กม. จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3155 ประมาณ 6.5 กม. จะเห็นป้ายชุมชนบ้านท่าระแนะ เลี้ยวซ้ายไปถึงที่ทำการชุมชน
ไม่น่าเชื่อว่าสุดเขตตะวันออกของแดนสยามจะเต็มไปด้วยธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ ที่เมืองตราดเตรียมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา ซึ่งก็ยิ่งเป็นการพิสูจน์ว่า เมืองรองไม่ได้เป็นสองรองใครเลยจริงๆ
(Advertorial)
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ