ตะลุย 5 จุดเที่ยวเชิงเกษตร บ้านศาลาดิน @นครปฐม
ใครที่มองหาแหล่งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติผสมผสานวิถีชีวิตชุมชน ไม่ไกลกรุง ไปเช้าเย็นกลับได้แบบ one day trip แล้วละก็ “นายรอบรู้” ขอชวนเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี “บ้านศาลาดิน” ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐมกัน
มาสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนริมสายน้ำคลองมหาสวัสดิ์ พร้อมนั่งเรือตะลุยกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน ภายใต้แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แค่ฟังก็ตื่นเต้นกันแล้วใช่ไหมล่ะ!
ชิมข้าวตังรสเด็ด ณ บ้านข้าวตัง
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เพียง 1 ชั่วโมง เราก็มาถึงชุมชนบ้านศาลาดิน จ.นครปฐมกันแล้ว ที่นี่เป็นชุมชนที่ติดกับลำคลองมหาสวัสดี หรือคลองมหาสวัสดิ์ที่ไหลผ่านไปสู่แม่น้ำท่าจีน ถือเป็นคลองขุดสายสำคัญของชุมชนที่ใช้เป็นเส้นทางสัญจรของชาวบ้าน เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการขุดคลองมหาสวัสดิ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2402 จนแล้วเสร็จ ปี พ.ศ. 2503 ปัจจุบันนอกจากสัญจรแล้ว ด้วยบรรยากาศสองฝั่งที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิตผู้คนริมน้ำ ลำคลองสายนี้จึงใช้ประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยวของชุมชนด้วยเช่นกัน
จุดแรกที่เราแวะก่อนล่องเรือ คือ บ้านข้าวตัง อาคารปูนเปิดโล่งอยู่ตรงข้ามตลาดน้ำบ้านศาลาดิน เป็นแหล่งรวมของฝาก ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อต่างๆ ของชุมชน จุดบริการนักท่องเที่ยว และที่นี่ยังเป็นจุดการเรียนรู้การทำข้าวตังอีกด้วย ข้าวตังของบ้านศาลาดินจะใช้ข้าวกล้องกับข้าวไรซ์เบอร์รีหุงแล้วนำมาตากแห้ง ทอดแล้วทาด้วยซอส ใส่ไก่หยองพร้อมโรยด้วยเมล็ดงา เป็นภูมิปัญาในการแปรรูปข้าวที่ช่วยกระจายรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชน
ใครสนใจสามารถมาลองทำข้าวตังด้วยตัวเองดูสักครั้ง บอกได้เลยว่าข้าวตังที่นี้ทั้งหอม กรอบ อร่อยกันอย่างแน่นอน
พายเรือชมนาบัวลุงแจ่ม
อิ่มท้องกับข้าวตังแสนอร่อยกันแล้ว เราก็พร้อมออกเดินทางกันต่อ แสงแดดยามสายก็เริ่มสาดส่องแรง อย่ารอช้าเราก็มาลงเรือกันเลย ณ ท่าน้ำตลาดบ้านศาลาดิน ใครที่กังวลเรื่องความปลอดภัย ที่นี่เขามีเสื้อชูชีพให้สวมก่อนลงเรือกันทุกคน สร้างความอุ่นใจให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ได้เป็นอย่างดี เรือลัดเลาะไปตามลำคลอง เพลิดเพลินไปกับวิถีชีวิตริมสายน้ำสองข้างทาง เพียงไม่นานเราก็มาอยู่กันที่นาบัวลุงแจ่ม
นาบัวลุงแจ่ม เป็นนาบัวตัดดอกของป้าติ๋ว หรือคุณประไพ สวัสดิ์โต เกษตรชาวบ้านที่นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้จนประสบผลสำเร็จ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว ทั้งยังเชื่อมโยงไปสู่การท่องเที่ยวของชุมชนอีกด้วย
พายเรือท่ามกลางทิวทัศน์ที่รายล้อมไปด้วยดอกบัวหลายพันดอก ทั้งบัวสัตตบุษย์ที่มีกลีบดอกสีขาว และบัวสัตตบงกช กลีบดอกสีชมพูอมม่วงอย่างใกล้ชิดแล้ว ทำให้เราหลงเสน่ห์ได้อย่างง่ายดายจนต้องแชะภาพเก็บความประทับใจกันเลยละ
บอกเลยว่าใครมาเที่ยวที่นี่ คุณจะได้เข้าร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งพายเรือกลางนาบัว ชมและเก็บดอกบัวกลางสระ เรียนรู้วิธีการจับจีบจากคุณประไพ สวัสดิ์โต ซึ่งบอกกับเราว่า คนที่นี่จะไม่เรียกว่า การพับ เพราะฟังดูไม่เป็นสิริมงคล จึงใช้คำว่า “จับจีบ” ดอกบัวแทน นอกจากนี้ยังเลือกซื้อของฝากผลิตภัณฑ์จากนาบัวลุงแจ่มติดไม้ติดมือกลับไปได้อีกด้วย เช่น สบู่ดอกบัว น้ำชาเกสรดอกบัวที่กินแล้วเย็นชื่นใจ
ใครที่อยากพายเรือชมดอกบัวสวยๆ เต็มบึงละก็ แนะนำให้มาเที่ยวช่วงหน้าร้อน ป้าติ๋วแอบกระซิบมาว่าดอกบัวที่นี่จะเบ่งบานออกดอกมากในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน อยากให้มาเที่ยวกันสักครั้งแล้วคุณจะประทับใจแบบเรา
เที่ยวสวนฟักข้าว ณ บ้านฟักข้าว
ล่องเรือกันต่อไปยังบ้านฟักข้าว ที่นี่เปิดเป็นแหล่งเยี่ยมชมสวนฟักข้าวริมคลองมหาสวัสดิ์ โดยมีคุณขนิษฐา พินิจกุลเป็นผู้ดูแล ใครมาเยือนจะได้สัมผัสความร่มรื่นของสวน และลิ้มรสผลิตภัณฑ์จากฟักข้าว เช่น หมี่กรอบฟักข้าว น้ำฟักข้าว สบู่ฟักข้าว และอื่นๆ อีกมากมาย
ไฮไลท์ของบ้านฟักข้าว คือ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟฟักข้าว ที่ใช้น้ำฟักข้าวเข้มข้นมาแทนน้ำเย็นตาโฟ ให้รสชาติที่กลมกล่อมมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อีกทั้งน้ำฟักข้าวยังเต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินอีกด้วย ถือเป็นเมนูแนะนำ มาแล้วต้องกิน
ถ่ายรูปสวยๆ ที่นากล้วยไม้
นั่งเรือมาไม่ไกล เราก็ขึ้นฝั่งมายัง “นากล้วยไม้” ภายในเป็นพื้นที่ปลูกกล้วยไม้หลายสายพันธุ์ อาทิ สกุลหวาย และสกุลมอคคาร่า แต่ที่โดดเด่นของที่นี่คือ “พันธุ์ทัศนีย์” ลักษณะเป็นกล้วยไม้ดอกสีม่วง อวดโฉมความสวยงามให้ชมตลอดทั้งแปลง จึงทำให้ที่นี่เป็นอีกจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในการเช็คอินถ่ายรูปกับแบ็กกราวด์สวยๆ ท่ามกลางบรรยากาศแปลงกล้วยไม้หลายพันดอก
ชิมผลไม้สดตามฤดูกาล ตะลอนนั่งรถอีแต๋นชมทุ่ง
กิจกรรมสุดท้ายของการล่องเรือท่องเที่ยวบ้านศาลาดิน คือ “กินผลไม้สด นั่งรถอีแต๋นชมทุ่งนา” ณ สวนลุงบุญเลิศ เห็นเพียงชื่อกิจกรรมก็ดูตื่นเต้นกันแล้วใช้ไหมล่ะ
เราได้คลายร้อนด้วยของกินแสนอร่อยกับผลไม้สดๆ จากสวน เช่น ส้มโอ มะม่วง ฝรั่ง และกล้วยหอม เสิร์ฟพร้อมขนมปังไส้ผลไม้อร่อยกรุบกรอบ และเมี่ยงกลีบบัวเลิศรส ใครที่ยังไม่เคยทานแนะนำต้องลอง
เมื่อนั่งพักทานของกินคลายร้อนกันไปแล้ว ก็ถึงเวลานั่งรถอีแต๋นชมทุ่งกันต่อ แรกเห็นคิดเพียงแค่การนั่งรถอีแต๋นชมสวนแบบธรรมดา แต่ที่ไหนได้ มันไม่ธรรมดาเลยละ! ใครที่ชอบการท่องเที่ยวแบบหวาดเสียวไม่ควรพลาด
การนั่งรถอีแต๋นชมทุ่งของที่นี่เหมือนได้นั่งรถไฟเหาะเลยละ ยิ่งตอนรถอีแต๋นเลี้ยวโค้งนี่ก็ยิ่งต้องลุ้นกับการหักหัวรถแบบหักศอก หากเลี้ยวไม่พ้นโค้งก็ลงไปนอนเล่นที่ก้นสระน้ำเบื้องหน้าได้เลย
สองมือของเราต้องคอยจับขอบเหล็กรถให้แน่นอย่างกับตุ๊กแก ใครที่ตัวสูงหน่อยก็ต้องคอยหลบกิ่งไม้สองข้างทางให้ดี แต่เมื่อผ่านจุดเลี้ยงโค้งมาแล้ว เราก็จะได้เห็นท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ หากมาเที่ยวในช่วงเดือนทำนา หรือเดือนเก็บเกี่ยว คุณจะเห็นความสวยงามของท้องทุ่งจนอยากแวะมาเที่ยวอีกครั้ง
เสาร์อาทิตย์นี้ หากใครที่ยังไม่มีแผนท่องเที่ยวที่ไหน เราขอแนะนำบ้านศาลาดิน จังหวัดนครปฐมกัน ไม่ไกลจากกรุงเทพไปเช้าเย็นกลับได้สบาย คุณจะได้ทั้งความสนุกสนาน เพลิดเพลินไปกับจุดท่องเที่ยวต่างๆ และยังได้กินของอร่อยๆ พร้อมเลือกซื้อของฝากจากชุมชนติดไม้ติดมืออีกด้วย เรียกได้ว่ามาวันเดียวเที่ยวครบทั้งชุมชน
ข้อมูลเพิ่มเติม
บ้านศาลาดิน
ที่อยู่ : บ้านศาลาดิน ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐมกัน
สอบถามเพิ่มเติม :คุณวันชัย สวัสดิ์แดง 081-4986340 คุณวันเพ็ญ นรารอด 083-0004371
อัตราค่าบริการล่องเรือชมสวน
เปิดบริการเวลา 8.00 –17.00 น.
ค่าเรือ 350 บาท ต่อ 1 ลำ
ค่าหัว 100 บาท ต่อ 1 คน
เรือ 1 ลำนั่งได้ 6 คน
อัตราค่าบริการเพิ่มเติมในกรณีนั่งรถอีแต๋น
เที่ยวละ 100 บาท นั่งได้ 10 คน
สามารถลงเรือชมสวนได้ที่จุดบริการนักท่องเที่ยว ณ วัดสุวรรณาราม และตลาดน้ำบ้านศาลาดิน
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ