6 จุดเช็กอินห้ามพลาดเบตง เมืองใต้สุดในสยาม

ปีใหม่นี้ไหนใครขออะไรเป็นของขวัญใหม่ ๆ ให้กับชีวิตบ้าง นั่นแน่! ได้ยินนะกำลังขอเวลาว่างเพื่อไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ  อยากเห็นม่านหมอก สูดอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติ แต่ไม่อยากไปที่คนอึดอัดต้องเบียดเสียดกัน ช่วงเย็น ๆ ลงไปเดินเล่นในตัวเมืองที่ไม่เคยไปมาก่อน กินอาหารเลิศรสแล้วละก็ ถ้ากำลังคิดเช่นนี้มาถูกทางแล้ว ยินดีต้อนรับสู่ อำเภอเดียวในประเทศไทยที่มีป้ายทะเบียนรถเป็นของตนเอง “เบตง” เมืองใต้สุดแดนสยาม

มาเบตงครั้งนี้ นายรอบรู้อยากพาไปสัมผัสกับ 6 สิ่งห้ามพลาด ที่หากว่าพลาดไปแล้ว อาจเรียกว่ามาไม่ถึง เบตง ก็ว่าได้ จะมีอะไรบ้างตามไปดูพร้อมๆกันเลย…

1.สะพานข้ามทะเลสาบป่าฮาลา-บาลา

เริ่มกันด้วยเส้นทางระหว่างขับรถมาผ่านถนนหนทางคดเคี้ยวเลี้ยวโค้ง ทำเอาใจหล่นตาตุ่มไปหลายรอบ แต่เมื่อเข้าเริ่มเข้าพื้นที่ เบตง บรรยากาศสองข้างทางต่างสะกดทุกสายตาด้วยมนต์เสน่ห์เมืองกลางขุนเขาจริง ๆ ยิ่งใกล้ยิ่งสวย จนถึงไฮไลท์ของเส้นทางนี้จะเจอกับสะพานข้ามทะเลสาบป่าฮาลา-บาลา 

สะพานแห่งนี้เป็นเส้นทางสัญจรหลักสู่เมืองเบตงและยังเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แนะนำให้ยืนตรงกลางสะพานจะได้เห็นเวิ้งน้ำขนาดใหญ่เป็นเส้นไกลออกไปสุดสายตา ทั้ง 2 ด้านต่างถูกโอบอุ้มไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้นานาชนิดแบบป่าดิบชื้นที่คงไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ บอกได้คำเดียวว่าวิวระดับล้านมาก ก่อนเข้าเมืองเบตงก็จอดรถแวะลงถ่ายรูปสักนิดก็จะได้ภาพสวยบรรยากาศสวย ๆ กลับไปอย่างแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม

สะพานโต๊ะกูแช(ฆอแย)

บ้าน โต๊ะกูแชฆอแย อ.ธารโต จ. ยะลา

2.ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง

“เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” นี่คือคำขวัญประจำอำเภอเบตง คำแรกบอกขนาดนี้แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือการตื่นเช้ามาสัมผัสกับวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่บนเขาที่ชาวบ้านเรียกว่าเขาไมโครเวฟ บนความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2038 ฟุต  ด้วยความสูงระดับนี้จะได้เห็นหมอกหนาเป็นแนวคลื่นเต็มท้องฟ้า ลองหลับตาคิดดูว่าภาพเบื้องหน้าคือหมอกสีขาวปกคลุมพื้น สิ่งที่โผล่มามีเพียงยอดเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ที่มาพร้อมกับอากาศเย็นจากไอหมอกมาสัมผัสร่างกาย ซึ่งความพิเศษคือสามารถพบเห็นทะเลหมอกได้ในตอนเช้ามืดได้ตลอดทั้งปี

หากใครยังรู้สึกการมาดูหมอกครั้งนี้ยังไม่สะใจยังมีอีกแห่งซึ่งเป็นไฮไลท์ไม่แพ้กันคือ ยอดเขาฆูนุงซีลีปัด หรือที่ชาวบ้านเรียก ฆูนุงสาลี แต่ต้องเดินป่าขึ้นไปกางเตนท์นอนและตอนเช้าถึงจะเดินขึ้นไป ต่างจากอัยเยอร์เวงที่รถสามารถขึ้นมาถึงได้เลย รับรองว่าได้เห็นวิวทะเลหมอกแบบ 360 องศา สะใจนักเดินป่าชมธรรมชาติเลยทีเดียว

แนะนำว่าหลังจากอิ่มอกอิ่มใจกับความอัศจรรย์ของธรรมชาติแล้วก็ถึงเวลาอิ่มท้องเสียที ขับรถลงมาไม่ไกลจากจุดชมวิวบนยอดเขา ซึ่งเป็นจุดชมวิวอีกจุดมีร้านคัาข้างทาง มีอาหารหลากหลายอย่าง อาหารเช้า โจ๊กไก่ไข่ต้ม ก๋วยจับไก่ไข่ต้ม ไก่ย่าง ข้าวหมกไก่ ซุป ชาร้อน กาแฟ ไข่ลวก เรียกได้ว่าเติมพลังจนเต็มอิ่มพร้อมที่จะไปเที่ยวที่ต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติม

ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง

ที่ตั้ง ต. อัยเยอร์เวง อ. เบตง จ. ยะลา

โทร 0 7328 5111

3.หมู่บ้านปิยะมิตร 

บ้านปิยะมิตรเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยหลบภัยของนักรบปลดแอกมาเลเซีย เล่ากันว่า พรรคคอมมิวนิสต์มลายาเป็นกลุ่มทหารที่ชำนาญในการต่อสู้ในรูปแบบกองโจร ยิ่งเมื่อได้เข้าไปอยู่ในป่าลึกตามภูเขา  หลังจบสงครามจึงผันตัวเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และอยู่อาศัยในพื้นที่ต่อไปจนรุ่นลูกรุ่นหลานได้รับสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชนทุกคน

ซึ่งภายในประกอบไปด้วยอาคาร ห้องโถงพิพิธภัณฑ์ รวมถึงไฮไลท์หลักคืออุโมงค์ประวัติศาสตร์เป็นฐานปฏิบัติการเพื่อหลบภัยทางอากาศและสะสมเสบียงเป็นหลัก  อุโมงค์ปิยมิตรสร้างเมื่อ ปี พ.ศ.2520 มีความยาวรวมทั้งสิ้น 1 กิโลเมตร มีขนาดกว้างประมาณ 5-6 ฟุต ใช้แรงคนขุดทั้งหมดโดยใช้ระยะเวลา 3 เดือน มีทางออกมากกว่า 9 ทางแต่ปัจจุบันเปิดให้ชมเพียงไม่กี่ทางเท่านั้น ซึ่งอุโมงค์แบบนี้มีมากกว่า 10 แห่งในบริเวณภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย แต่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้รับชมมีเพียง 2 แห่งคือที่แห่งนี้ กับเขาน้ำค้างในจังหวัดสงขลา

ข้อมูลเพิ่มเติม

อุโมงค์ปิยะมิตร

ที่ตั้ง บ้าน ปิยะมิตร ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

เปิด 08.00 – 16.00น.

โทร 0 7320 1710

4.หอนาฬิกาและตู้ไปรษณีย์เมืองเบตง

หอนาฬิกาคู่บ้านคู่เมืองเบตง เป็นสิ่งก่อสร้างที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ที่ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของเมือง ปัจจุบันเป็นวงเวียนจุดตัดระหว่างถนนสุขยางค์กับถนนรัตนกิจ มีการประดับประดาไฟสีสันต่างได้อย่างสวยงาม หากสังเกตรอบ ๆ หอนาฬิกาจะมีสายไฟโยงรยางค์ ซึ่งในช่วงหัวค่ำตรงจุดนี้จะเป็นจุดสังสรรค์ของบรรดานกนางแอ่นเกาะบนเต็มสายไฟเป็นภาพที่น่ารักทีเดียว

ไม่ไกลกันมากจะเป็นที่ตั้งเดิมของตู้ไปรษณีย์ใต้สุดแดนไทยและยังใหญ่ที่สุดอีกด้วย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง สูง 2.9 เมตร จุดประสงค์ที่สร้างไว้ในครั้งแรกก็เพื่อใช้เป็นที่กระจายข่าวสารบ้านเมืองให้ชาวเมืองเบตงได้รับฟังจากวิทยุที่ฝังอยู่ส่วนบนของตู้ แต่ปัจจุบันได้มีการสร้างตู้ไปรษณีย์ขึ้นใหม่ใหญ่กว่าเดิม มีความสูงประมาณ 9 เมตร  ตั้งอยู่ที่บริเวณศาลาประชาคม ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม

ข้อมูลเพิ่มเติม

หอนาฬิกาเมืองเบตง

ที่ตั้ง อ. เบตง จ. ยะลา

5.ไก่เบตง&หมี่ผัดเบตง

เชื่อว่าใครเป็นสายกินน่าหน่อยน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของ “ไก่เบตง” มาถึงเบตงทั้งทีจะพลาดได้ไง วันนี้เราพามาที่ ภัตตาคารต้าเหยิน ใจกลางเมืองเบตง เป็นร้านอาหารจีนขนาด 2 ชั้น ลูกค้าเยอะมากและที่สำคัญทุกโต๊ะต้องมีไก่เบตง อย่าว่างั้นเลยขอตักมาชิมสักชิ้น ซึ่งความพิเศษของไก่เบตงคือความนุ่มของเนื้อไก่เพราะไก่เบตงเป็นไก่ที่เลี้ยงเฉพาะถิ่นเบตงเนื้อจะหวานนุ่ม ไม่เปื่อยยุ่ยเหมือนไก่ทั่วไป เดิมเป็นไก่เลียงซานที่ชาวจีนอพยพซึ่งมาตั้งรกรากในเบตง ได้นำมาเลี้ยงและผสมพันธุ์กับไก่พื้นเมืองจนแพร่หลายมาถึงทุกวันนี้ บวกกับน้ำซอสที่ราดมาบนไก่รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ยังมีอาหารอีกหลายอย่าง เช่น ผัดผักน้ำเบตง เคาหยก กบภูเขา ผัดหมี่เหลืองเบตง ปลาจีนนึ่งซีอิ้ว ขาหมูพะโล้ยาจีน อร่อยทุกอย่างรสชาติออกจีนๆ หน่อย

“ร้าน CATหมี่ผัดเบตง” อยู่ตรงข้ามถนนบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งก็เป็นอาหารขึ้นชื่อของเบตงเช่นกัน ความพิเศษคือเส้นเหนียวนุ่ม เมื่อนำไปผัดเส้นจะไม่ขาด ผัดใส่ หมู กระเทียม น้ำมันหมู ลูกชิ้นหมู ผักกวางตุ้ง ซีอิ๊วดำ ผัดไฟแรงมากี่คนแกจะผัดใหญ่ตามคนที่มา มีจานใหญ่จานเล็ก

ร้านต้าเหยิน

ที่ตั้ง ใกล้หอนาฬิกา อ.เบตง จ.ยะลา

เปิด 10.00–14.00 น. และ 17.00–22.00 น.

โทร. 073-230-461

6.บรรยากาศในตัวเมืองเล็ก ๆ น่ารักที่ชื่อเบตง

ช่วงเย็น ๆ อากาศกำลังสบายเหมาะแก่การเดินเที่ยวในตัวเมืองเบตง นอกจากความน่ารักของสถาปัตยกรรมแบบพหุวัฒนธรรมไทย-จีน-มุสลิม แล้วยังมี สตรีทอาร์ต (Street Art)  ที่เป็นการสร้างสรรค์ผลงานสมัยใหม่ลงบนกำแพง ซึ่งภาพแต่ละภาพล้วนเป็นภาพที่มีความสวยงาม บางภาพแสดงถึงวิถีชีวิตของคนเบตงตามจุดต่าง ๆ นอกจากนี้ยังปนความน่ารักมีรูปแมวและเหล่าสรรพสัตว์เข้าไปร่วมแจมด้วย นับว่าเป็นอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมในการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกลับไปอวดกัน