ชิลก็ได้ คึกคักก็ดี “เอวา รีสอร์ท เกาะช้าง” เสน่ห์แห่งธรรมชาติกลิ่นอายตะวันออก
เขาว่ากันว่า เหตุผลที่ไปทะเล ไม่หนีร้อน ก็หนีรัก ... ทว่าการมุ่งหน้าสู่ “เกาะช้าง” อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ฮิตเป็นลำดับต้นๆ ของเมืองไทย รวมถึงยืนหนึ่งจุดหมายปลายทางสำคัญแห่งจังหวัดตราดของ Sanook! Travel ในหนนี้ไม่ได้หนีอะไรทั้งสิ้น เราแค่ไปพักผ่อนทอดสายตามองท้องทะเลสุดลูกหูลูกตาก็แค่นั้น
เราเลือกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว กว่าสามร้อยกิโลเมตร กับเวลากว่าห้าชั่วโมง ข้ามน้ำข้ามทะเลโดยนำรถขึ้นเรือเฟอร์รี่ ณ ท่าเทียบเรือเฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติ (ค่าใช้จ่ายก็คนละ 80 บาท รถยนต์ 120 บาท) ขึ้นเขาลงเขาอีกเล็กน้อย ผ่านชุมชนที่ข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวง นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่นานนักก็ถึงที่พักของเรา เอวา รีสอร์ท เกาะช้าง (Awa Resort Koh Chang)
ที่จอดรถผู้เข้าพักซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตัวอาคารอาจต้องเดินไกลสักหน่อย แต่เมื่อสองเท้ามาหยุดอยู่ที่ เดอะ ล็อบบี้ ความเหนื่อยล้าจากการขับรถก่อนหน้านี้ก็หายเป็นปลิดทิ้ง การออกแบบสไตล์เพดานสูงโปร่ง โอ่โถง ทำให้มีลมพัดผ่านแวะทักทายตลอดเวลา งดงามด้วยช่องลมลายดอกไม้สีขาวงาช้าง มองตรงไปเห็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และสุดปลายทางนั้นก็ไม่ใช่สิ่งอื่นใด น้ำทะเลที่ร่างกายเราต้องการนั่นเอง
เมื่อมองไปโดยรอบ โทนสีขาว น้ำเงิน เทา ที่ เอวา รีสอร์ท เกาะช้าง เลือกมาใช้สร้างความผ่อนคลายได้อย่างยอดเยี่ยม งานสถาปัตยกรรมและการตกแต่งสไตล์ Oriental Zen ถือว่าโดดเด่นเอาการ โดยเฉพาะการนำเสน่ห์ของธรรมชาติแห่งตะวันออกมาเป็นจุดเด่น มองไปทางไหนก็สงบเงียบ ทั้งๆ ที่โดยรอบรีสอร์ทเต็มไปด้วยความคึกคักของร้านค้าหลากหลายสไตล์ แต่พอนั่งนิ่งๆ อยู่ริมระเบียงห้องพักก็ราวกับว่าอยู่อีกโลกก็ว่าได้
Sanook! Travel ได้รับเกียรติให้เข้าพักในห้องแบบ ดีลักซ์ บีชฟร้อนท์ กว้างขวางด้วยขนาด 54 ตารางเมตร ห้องรับแขก ห้องน้ำ เตียงนอนเพียบพร้อม โทนสีอบอุ่นสร้างความรู้สึกสบายตาตั้งแต่แรกเห็น แต่ไฮไลต์ต้องยกให้ระเบียงที่ออกไปนั่งชิลนอนชิล พร้อมเห็นวิวชายหาดวิวทะเลได้ด้วยสองตาของตนเอง นี่ล่ะของขวัญแห่งชีวิต
เอาเข้าจริง เอวา รีสอร์ท เกาะช้าง มีห้องพักทั้งหมด 119 ห้อง โดยห้องดีลักซ์ บีชฟร้อนท์ ที่เราเข้าพักนั้นจะอยู่ในโซนชายหาด ซึ่งมีห้องพักหลากหลายรูปแบบทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ห้องดีลักซ์, ดีลักซ์ พรีเมี่ยม รวมถึง บีชฟร้อนท์ สวีท ที่สามารถนั่งชมทัศนียภาพของทะเลในแบบพาโนราม่าได้แบบส่วนตัวสุดๆ อีกด้วย ในขณะที่โซนฝั่งภูเขาจะเป็นห้อง ซูพีเรีย ฮิลล์ไซด์ นั่นเอง
เนื่องจากเราเดินทางมาถึงรีสอร์ทก็ช่วงเย็นแล้ว จึงได้พักไม่นานนัก ก็ถึงเวลาอาหารเย็นที่บาร์ริมชายหาดที่ชื่อ เดอะ แซนด์ ซึ่งทางรีสอร์ทเตรียมเซตซีฟู้ดชุดใหญ่ไว้ให้ กุ้ง ปู หอย ปลาหมึก เนื้อปลา พร้อมสรรพ แถมรสชาติยังเลิศเลอเลยทีเดียว เราใช้เวลาหลังจากนั้นสำรวจโดยรอบก็พบว่า ยามราตรีที่เกาะช้างค่อนข้างคึกคักใช้ได้เลยทีเดียว ร้านอาหารซีฟู้ด นานาชาติ ร้านสังสรรค์เรียงรายเปิดให้บริการ ใครจะลงมานั่งชิลตามร้านต่างๆ เหล่านี้ก็สามารถเช่นกัน หรือจะกลับไปพักบนห้อง นั่งฟังเสียงธรรมชาติและนกเจื้อยแจ้วอย่างที่เราทำก็ไม่ว่ากัน
เช้าวันรุ่งขึ้นเราใช้เวลาก่อนเช็กเอาท์ในการทำความรู้จัก เอวา รีสอร์ท เกาะช้าง ให้มากยิ่งขึ้น เราได้พบกับ เอวา ริเวอร์ สระว่ายน้ำสีน้ำเงินขนาด 1,200 ตารางเมตร แถมยังนั่งแช่น้ำจิบเครื่องดื่มและทานของว่างริมสระได้ที่บาร์ริมสระอย่าง เดอะ ริเวอร์ ได้อีกต่างหาก ส่วนใครอยากผ่อนคลายก็แวะใช้บริการนวดแผนไทยและอโรมาบำบัดได้ที่ เดอะ สปา ได้เช่นกัน
มากไปกว่านั้นยังมีอีก 3 ห้องอาหารไว้รองรับ ไม่ว่าจะเป็น เดอะ สพูน ห้องอาหาร All-Day Dining กับบรรยากาศเปิดโล่งมองเห็นวิวทะเล, เดอะ ศาลา ร้านอาหารและบาร์ริมทะเล พร้อมเสิร์ฟด้วยอาหารทะเล บาร์บีคิว และค็อกเทล รวมถึง เดอะ ที สำหรับคอชา กาแฟ และเบเกอรี่อร่อยๆ
ส่วนใครที่มากันเป็นครอบครัว ลูกเล็กเด็กแดงก็สามารถเพลิดเพลินที่ เดอะ คิดส์ ที่มีกิจกรรมดีๆ ให้สร้างเสริมประสบการณ์กัน, ห้องสัมมนา Meeting Point ที่รองรับได้ถึง 80 ท่าน และกิจกรรมพายเรือคายัคที่สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่บริเวณล็อบบี้เพื่อสำรองที่นั่งในแต่ละวันได้เลย
และแล้วก็ได้เวลาโบกมือลา เอวา รีสอร์ท เกาะช้าง ทิ้งไว้เพียงความทรงจำดีๆ ที่เราได้ใช้ชีวิตกับธรรมชาติและท้องทะเลอย่างเต็มที่ รอคอยเวลาให้ย้อนกลับไปอีกครั้ง
เอวา รีสอร์ท เกาะช้าง
6/5/1 หมู่ 4 หาดไก่แบ้ เกาะช้าง จ.ตราด 23170 (ทิศตะวันตกของเกาะช้าง)
โทร. 039 510 761-6
สามารถเดินทางได้ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว, รถโดยสารประจำทาง, รถทัวร์ และเครื่องบิน จากสนามบินสุวรรณภูมิถึงสนามบินตราด และนั่งรถต่อมายังท่าเรืออ่าวธรรมชาติอีกประมาณ 40 กิโลเมตร
อัลบั้มภาพ 28 ภาพ