เที่ยวเป็นวง ลงไปไหว้ ปิดท้ายที่สุพรรณ
ทริปนี้ผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับครอบครัวที่ประกอบไปด้วยผู้สูงอายุ หรือ วัยทำงาน และเด็กๆ ที่อยู่ในช่วงกำลังอินกับเหล่าฮีโร่ในจินตนาการ ไปจนถึงครอบครัวที่ต้องการปลูกฝังให้ลูกๆ หลานๆ ที่กำลังห่างวัดเข้าไปทุกขณะ ได้หันกลับมาใส่ใจกับพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา เพื่อขัดเกลาเป็นผู้ใหญ่จิตใจดีกันต่อไป
ร้านข้าวแกงเสียนหลอ
เริ่มต้นการเดินทาง ด้วยการหลอกล่อเอาใจคุณหนูๆ กันก่อน ออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 06.30 น. หนีฝุ่นละอองไปทางทิศเหนือใช้ถนนสายเอเชีย (ทล.32) มุ่งหน้าผ่าน จ.อยุธยา ต่อไป อ.บางปะหัน แวะรับประทานมื้อเช้าที่ร้านข้าวแกงเสียนหลอ ร้านนี้ตั้งอยู่เลยทางแยกเข้า อ.บางปะหัน ขึ้นไปนิดหน่อยจุดสังเกตก่อนถึงปั๊มน้ำมัน ป.ต.ท. ทางซ้ายมือนะครับ เลี้ยวเข้าไปรับรองไม่ผิดหวัง อาหารไทยรสเด็ด หรือ ต้มเลือดหมูยามเช้า ตบท้ายด้วยกาแฟสดสักแก้ว เดินลึกถัดไปก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาคอยท่าอยู่ มาถึงเขตอยุธยาแล้วจะไม่ลองก็กระไรอยู่ จัดไปครับตามปรารถนา
บ้านหุ่นเหล็ก
อิ่มแล้วออกเดินทางต่อไปยังเป้าหมายแรกคือ บ้านหุ่นเหล็ก เอาใจลูกๆ หลานๆ เป็นการหลอกล่อก่อนพาเข้าวัด บ้านหุ่นเหล็กตั้งอยู่บนถนนสายเอเชีย (ทล.32) บริเวณ กม.ที่ 56 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ สังเกตง่ายๆ ให้ผ่านแยกทางเข้า จ.อ่างทอง ไปประมาณ 6 กม. แล้วยูเทิร์นกลับ บ้านหุ่นเหล็ก จะอยู่ทางซ้ายมือครับ แผนที่ในมือถือมีการปักหมุดไว้ไม่น่าหลง
จอดรถเสร็จชำระค่าผ่านประตูเล็กน้อย เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้สร้างสรรค์ผลงานดีๆ รับรองครับว่าบุตรหลานของท่านต้องชื่นชอบ ตื่นตากับประติมากรรมจากการรีไซเคิลโลหะ เศษอะไหล่รถยนต์ที่ทิ้งแล้ว นำมาประกอบเป็นผลงานได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมเองแม้ว่าจะเข้าขั้นวัยกลางคน ก็ยังรู้สึกประทับใจเมื่อพบกับฮีโร่ในวัยเยาว์ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะยังมีอีกหลายท่านที่รู้สึกเช่นเดียวกัน
ภายในบ้านหุ่นเหล็ก น่าจะใช้เวลาเที่ยวชมประมาณ 1 ชม. เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น. ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท นักเรียนเดินทางมาเป็นหมู่คณะกรุณาติดต่อล่วงหน้า ทางบ้านหุ่นเหล็กจะเปิดให้เข้าชมฟรีครับ
วัดสังกระต่าย
จากบ้านหุ่นเหล็ก ย้อนลงมาเล็กน้อยจะพบกับทางแยกต่างระดับเข้า จ.อ่างทอง ให้เลี้ยวไปตามป้ายเข้าตัวเมืองอ่างทอง ไปตามทางหลวงหมายเลข 3064 ผ่านโรงเรียนสตรีอ่างทอง เตรียมเลี้ยวขวาเข้าวัดสังกระต่าย วัดแห่งนี้เดิมชื่อวัดสามกระต่าย แต่มีการเรียกเพี้ยนกันเรื่อยมากลายเป็นวัดสังกระต่าย มีประวัติสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และเป็นวัดร้างอยู่หลายปีพระอุโบสถถูกปกคลุมไปด้วยรากโพธิ์ เป็นโบราณสถานที่มีศิลปะงดงามตามธรรมชาติ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen แห่งใหม่ของ จ.อ่างทอง
ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญ คือ หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุข และอีกองค์หนึ่งคือ หลวงพ่อแก่น ที่ได้มีการนำเศียรพระมาจาก อ.วิเศษชัยชาญ มาบูรณะสร้างองค์ใหม่ประดิษฐานไว้ ปัจจุบันเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
หากท่านพอมีเวลาก่อนเที่ยง หรือยังไม่รู้สึกหิว เมื่ออกจากวัดสังกระต่ายให้ใช้เส้นทางไปยัง อ.วิเศษชัยชาญ (ทล.3064 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ทล.3195) ท่านจะผ่านทางเข้าวัดม่วง วัดนี้สังเกตง่ายครับ จะเห็นพระองค์ใหญ่ๆประดิษฐานอยู่กลางท้องนาสวยงามมาก เป็นวัดที่รู้จักกันดี หากเข้าไปนมัสการท่านสามารถชี้ให้เด็กๆ ดูเหล่ารูปปั้นเปรต อสูร ที่มีอยู่หลายตน เพื่อสอนให้เด็กๆ ทำแต่ความดีละเว้นความชั่ว ได้เป็นอย่างดี
ร้านอร่อย ของคนวิเศษฯ
ถ้าคุณกำลังมองหาร้านอร่อยบรรยากาศดีแถวๆ อ.วิเศษชัยชาญ ผมขอแนะนำร้านนิรมิต ร้านนี้เป็นที่รู้จักกันดีของชาววิเศษฯ (เรียกสั้นๆ ครับ) ตั้งอยู่ในตัวอำเภอติดกับวัดนางในธัมมิการาม ริมแม่น้ำน้อย บรรยากาศร่มรื่น เมนูเด็ดได้แก่ ปูผัดผงกระหรี่ ต้มยำปลาคัง ทอดมันปลากราย กุ้งอบวุ้นเส้น และอีกมากมาย ที่จอดรถในร่มสะดวก พนักงานเยอะบริการด้วยความว่องไว ลองไปแวะรับประทานกันดูนะครับ ด้านหน้ามีขนมไทยพื้นบ้านอร่อยๆ ให้เลือกนำไปเป็นของฝากได้อีกด้วย
หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว จ.สุพรรณบุรี
จาก อ.วิเศษชัยชาญ มุ่งหน้าไปสู่ จ.สุพรรณบุรี โดยมีเป้าหมายอยู่ที่วัดมะนาว ทำไมผมต้องเดินทางไปที่นี่? เพราะว่าผมต้องการไปกราบนมัสการรูปปั้นหลวงพ่อโบ๊ย เกจิชื่อดังของ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญกันว่า หลวงพ่อโบ๊ย ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และศึกษาสมถวิปัสสนากรรมฐาน การปฏิบัติของท่านมุ่งเน้นให้ประโยชน์สังคมเป็นส่วนใหญ่ โดยมิหวังผลตอบแทน ท่านไม่รับปัจจัยทรัพย์สินเงินทอง มีเมตตาธรรมแก่ชนทุกชั้น และท่านไม่ยึดติดในสมณะศักดิ์ใดๆ
ในทุกค่ำคืน หลวงพ่อโบ๊ย จะบริกรรมคาถาสร้างพระเครื่อง จากการหลอม ทอง ทองเหลือง ทองแดง ขันลงหิน โลหะต่างๆ ซึ่งได้มาจากชาวบ้านได้นำมาถวาย ท่านจะเทหล่อกันเองภายในวัดในช่วงเวลาใกล้รุ่งสาง และทำพิธีปลุกเสกในช่วงเวลาหลังฉันเพล จากนั้นจะแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในช่วงบ่าย ในสมัยนั้นชาวบ้านละแวกวัดมะนาวจะมีพระหลวงพ่อโบ๊ยกันเกือบทุกบ้าน แต่ปัจจุบันแทบไม่มีใครมีหลงเหลืออยู่เลย เนื่องจากในตลาดพระเครื่องพระหลวงพ่อโบ๊ยมีราคาสูง บางรุ่นสูงถึงหลักล้านกันเลยทีเดียว
ปัจจุบันเนื่องจากมีพุทธศาสนิกชนมากราบนมัสการรูปปั้นหลวงพ่อโยกันเป็นจำนวนมาก หลวงพ่อแดง เจ้าอาวาสวัดมะนาว จึงได้ทำการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อโบ๊ย ขึ้นมาเพื่อเป็นที่เก็บรวบรวมวัตถุโบราณที่ค้นพบใน จ.สุพรรณบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้เป็นแหล่งความรู้ทางด้านพุทธศาสนาต่อไป โดยเปิดให้เข้าชมฟรี แต่ทั้งนี้ควรติดต่อแจ้งกับทางวัดเป็นการล่วงหน้ามาก่อน
อุทยานมังกรสวรรค์
โปรแกรมปิดท้าย การเดินทางในรูปแบบวงกลมทริปนี้ ขอไปจบกันที่ อุทยานมังกรสวรรค์ สถานที่แห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คของ จ.สุพรรณบุรี เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมรูปมังกรขนาดใหญ่ ตั้งเด่นเป็นสง่าบ่งบอกถึงว่า จ.สุพรรณบุรี เป็นถิ่นอาศัยของชาวจีนจำนวนไม่น้อย บริเวณใกล้ลานจอดรถได้มีการจำลองบ้านสไตล์จีนประยุกต์ เปิดเป็นร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหาร มีมุมถ่ายภาพสวยๆ หลายมุมให้ความรู้สึกประมาณว่าได้เดินทางไปถึงประเทศจีนกันเลย แล้วค่อยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ทาง อ.บางบัวทอง หรือ จ.ปทุมธานี กันต่อไป
หากคุณมีเวลามากกว่าหนึ่งวัน อาจจะลองหาที่พักหลักร้อยในตัวเมืองสุพรรณบุรี มีหลายแห่งครับที่น่าสนใจ ส่วนวันที่ผมเดินทางไปนั้น ได้ไปพักที่บ้านตอไม้รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทขนาดกลางราคาไม่แพง สะอาดสมราคา เงียบสงบพักผ่อนได้อย่างสบาย ก่อนที่วันรุ่งขึ้นผมจะได้เดินทางต่อไปยัง อ.ศรีประจัน และ อ.สามชุก ชมตลาดโบราณ 100 ปี กันต่อไป
ผมคิดว่า โปรแกรม เที่ยวเป็นวง ลงไปไหว้ ปิดท้ายที่สุพรรณ คงเป็นประโยชน์แก่ท่านไม่มากก็น้อย หรืออย่างน้อยสุดคงทำให้ลูกหลานของเราได้หันมาเข้าวัดเข้าวากันบ้าง ไม่ไปสร้างปัญหาให้กับสังคมกันต่อไปนะครับ...สวัสดี