รีวิว ประสบการณ์ผ่านตม.เกาหลี พกความมั่นใจแล้วเดินทางไปเลย!

เป็นปัญหากันมากๆ กับการบินไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ในปัจจุบัน ที่ดูเหมือนจะยากขึ้นไปทุกที เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจซื้อตั๋ว เพื่อหลบหนีไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้ และไม่กลับมายังประเทศไทย หรือที่เรียกว่า “ผีน้อย” ทำให้คนที่ต้องการจะเดินทางไปเที่ยวจริงๆ เดือดร้อนและวิตกกังวลกันไปว่า คนไทยมีโอกาสไม่ผ่าน ตม.เกาหลีสูง ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?

Tonkit360 จึงอยากจะมาเล่าประสบการณ์การผ่าน ตม.เกาหลี สำหรับคนต้องการไปเที่ยว ที่ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เตรียมตัวให้พร้อม และพกความมั่นใจไปก็พอ

เริ่มแรกเราต้องกรอก Arrival Card หรือใบตรวจคนเข้าเมือง กรอกเป็นภาษาอังกฤษให้เรียบร้อย ซึ่งก็จะเป็นข้อมูลทั่วไปอย่าง ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด สัญชาติ ที่อยู่ในประเทศไทย ที่อยู่ในเกาหลี (ที่อยู่โรงแรมหรือที่พักที่เราไปพัก) อาชีพ เหตุผลการเข้าประเทศเกาหลี เช่น การไปเที่ยว หมายเลขไฟลท์บิน เป็นข้อมูลที่เราต้องรู้กันอยู่แล้ว

ใบที่สองคือ Customs Declaration หรือใบศุลกากร ซึ่งจะถามเราคล้ายๆ ใบแรก แต่มีการให้เรายืนยันเกี่ยวกับของที่เราพกเข้าประเทศไปด้วย เช่น อาวุธ เงินสดมากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ สัตว์เลี้ยง ฯลฯ ให้ตอบไปตามจริง ถ้าไม่มีให้ทำเครื่องหมายที่ช่อง NO ถ้ามีก็ทำเครื่องหมายที่ช่อง YES เพื่อรอสำแดงกับเจ้าหน้าที่

ทั้งใบตรวจคนเข้าเมืองและใบศุลกากร จะได้รับแจกตั้งแต่ตอนอยู่บนเครื่องบิน ถ้ามีปากกาก็ให้เขียนตั้งแต่อยู่บนเครื่อง จะได้ไม่ต้องลงมาเขียนข้างล่างให้เสียเวลา

เมื่อลงจากเครื่องมาถึงด่านตม. ก็ให้ไปเข้าแถวหนังสือเดินทางต่างชาติ (Foreign Passport) เพื่อรอตรวจคนเข้าเมือง ถ้าหากมากันหลายคนก็ไม่จำเป็นต้องเกาะกลุ่มกันไป ให้ไปเข้าแถวที่ว่างๆ อยู่ได้เลย  เมื่อไปถึงจุดตรวจก็ให้ยื่นพาสปอร์ต ใบตรวจคนเข้าเมือง และใบศุลกากรให้แก่เจ้าหน้าที่ และรอทำตามที่เจ้าหน้าที่บอก นั่นคือ สแกนนิ้ว หากเจ้าหน้าที่มีคำถามก็ให้ตอบไปตามจริง ซึ่งจะเป็นคำถามง่ายๆ อย่างเช่น มากี่วัน มากับใคร กลับวันไหน จะไปทำอะไรบ้าง พักที่ไหน ฯลฯ ถ้าเราวางแผนมาดีแล้วก็ให้ตอบไปตามจริง ไม่ต้องลนลาน แถมมีลูกอมให้กินรออีกต่างหาก

แค่นี้เราก็สามารถผ่าน ตม.เกาหลี ได้แล้ว เพราะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แค่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้ เพื่อไว้แสดงหรือเผื่อเจ้าหน้าที่ถาม ไปดูกันว่าควรเตรียมอะไรไปบ้าง?

1. เอกสารยืนยันตัวตน

บัตรประชาชน เอกสารรับรองการทำงานหรือการเรียน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือว่าเราเป็นหลักเป็นแหล่ง และต้องการจะไปเที่ยวจริงๆ ไม่ใช่จะหนีไปทำงาน

ที่ขาดไม่ได้ก็คือตั๋วเครื่องบินเที่ยวกลับ เอกสารการจองโรงแรม ตารางการท่องเที่ยวที่เราเตรียมมา แผนที่รถไฟใต้ดิน ประกันการเดินทาง เพื่อยืนยันว่าเรามาเที่ยวและจะกลับตามเวลาจริงๆ นะ

2. แต่งตัวให้พอดี ไม่เยอะไปและไม่น้อยไป

แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่จะมองเราจากภาพลักษณ์ภายนอกก่อนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก ท่าทาง เสื้อผ้าการแต่งตัว การแต่งหน้าทำผม เพราะฉะนั้นเราต้องแต่งตัวให้ถูกกาลเทศะ ไม่ต้องเรียบร้อยมากขนาดนั้น เพียงแค่แต่งตัวให้ดูปกติทั่วไป เหมาะกับสภาพอากาศ และเหมาะกับการท่องเที่ยวก็น่าจะพอแล้ว

3. หากมีพาสปอร์ตเก่าให้นำไปด้วย

หนังสือเดินทางที่ผ่านการประทับตรา ผ่านมาหลายประเทศแล้วจะเป็นตัวช่วยให้เราดูน่าเชื่อถือขึ้นได้อีกทางหนึ่ง หากใครเพิ่งเปลี่ยนเล่มใหม่ก็ให้นำเล่มเก่าไปเผื่อด้วย ส่วนถ้าใครไม่เคยเดินทางไปที่ไหนเลยก็ไม่ต้องกลัว เพราะเจ้าหน้าที่จะดูจากหลายองค์ประกอบ ไม่ส่งใครกลับแบบสุ่มสี่สุ่มห้าแน่นอน

4. พกความมั่นใจแล้วไปเลย

ถ้าใจเราจะไปเที่ยวจริงๆ เตรียมตัวไปเองทั้งหมดเราก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น และอย่าพยายามทำท่าทางกลัวว่าจะไม่ได้เข้า หรือทำพิรุธอะไร เพราะเจ้าหน้าที่จะคิดว่าเรากำลังทำผิดอะไรซักอย่าง ให้พกความมั่นใจแล้วไปเลย หากโดนถามก็ให้ตอบตามความจริงแบบมั่นใจ ไม่ตะกุกตะกัก รับรองว่าผ่านไม่ยากแน่นอน