6 ที่พักวิวธรรมชาติสุดอลังการจากทั่วทุกมุมโลก!

หากคุณกำลังอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากวิวที่จำเจ แล้วออกไปเห็นวิวที่ยิ่งใหญ่อลังการอยู่รึเปล่า? แค่ได้จินตนาการถึงการตื่นขึ้นมาพบกับผืนน้ำสีฟ้าสดกว้างไกลสุดสายตา ยอดเขาสูงตระหง่าน หรือเนินเขาเขียวขจีที่ทอดตัวเป็นแนวยาวก็ทำให้คุณอยากแพ็คกระเป๋าและออกทริปเลยใช่ไหม? ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวหรอกที่คิดแบบนี้ เพราะผู้เดินทางทั่วโลก 81% ต่างกล่าวว่าทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่งดงามโดดเด่นนั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการเลือกจุดหมายสำหรับทริปต่อไป*

ด้วยตระหนักถึงข้อเท็จจริงนี้ Booking.com ผู้นำระดับโลกที่เชื่อมโยงผู้เดินทางกับตัวเลือกที่พักน่าทึ่งหลากหลายประเภท ขอแนะนำ 6 ที่พักแสนสวยซึ่งได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อขับเน้นเสน่ห์ของทำเลที่งดงามราวกับภาพ นับตั้งแต่กระท่อมกระจกไปจนถึงโดมกลางทะเลทราย ที่พักซึ่งมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเหล่านี้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้เส้นแบ่งระหว่างที่พักกับธรรมชาติรอบตัวเลือนลางไป   จนไม่มีอะไรมาขวางกั้นคุณกับทิวทัศน์ที่สวยงามจนแทบหยุดหายใจได้ และความรู้สึกนี้เองเที่ป็นสิ่งแรกที่กระตุ้นให้คุณออกเดินทาง

1.วาดิรัม ประเทศจอร์แดน

วาดิรัมอยู่ในดินแดนอันเวิ้งว้างที่ไม่อาจเพาะปลูกได้ โดยมีทั้งหุบเขาสูงชันและผืนดินสีส้ม พื้นผิวที่ขรุขระและเป็นหลุมเป็นบ่อทำให้ที่นี่ดูเหมือนกับพื้นผิวของดวงจันทร์ วิธีที่ดีที่สุดที่จะเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติอันน่าตื่นตารอบตัวคงหนีไม่พ้นการพักในโดมทรงกลม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณฐานของภูเขาแห่งหนึ่งที่ตั้งสูงตระหง่านในทะเลทราย อย่าง  Sun City Camp โดมที่เหมาะจะเป็นที่พักเพื่อเริ่มการสำรวจภูมิทัศน์แปลกตาของทะเลทรายวาดิรัมที่เหมือนหลุดมาจากอีกโลกหนึ่ง โดย “Martian tent” จะมอบประสบการณ์สุดพิเศษจากการตั้งแคมป์และวิวกว้างไกลสุดสายตาที่คุณจะไม่มีวันลืม

2.บัวเชอรี ประเทศมอริเชียส

Bubble Lodge Bois Chéri ตั้งอยู่ในบริเวณที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และมีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาด เลียบไปตามเส้นทาง Mauritian Tea Route ที่พักแห่งนี้เปรียบเสมือนโอเอซิสที่มองทะลุเข้าไปได้ อยู่ใจกลางพื้นที่ไร่ชา รายล้อมด้วยพรรณไม้เขียวชอุ่ม ภายในห้องฟองอากาศตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทนและวัสดุธรรมชาติ ทำให้ไม่ว่าคุณจะเลือกดูดวงดาวพร่างพราวอยู่เต็มท้องฟ้าที่สามารถมองเห็น ผ่านผืนป่าฝนหรือจะนอนฝันหวานท่ามกลางแมกไม้ คุณก็จะได้ผ่อนคลายท่ามกลางความเงียบสงบที่ใจกลางสวรรค์เขตร้อน นอกจากนี้ ยังสามารถไปเยือนโรงงานใบชาที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อเรียนรู้ทุกขั้นตอนในการผลิตชาที่มอริเชียสและลิ้มลองชาเลิศรสที่เป็นเอกลักษณ์ได้ด้วยตัวคุณเอง

3.บา อุทุรุ ประเทศมัลดีฟส์

หากคุณต้องการชมวิวทะเลสีมรกตระยิบระยับจับตาแบบ 180 องศาจนสุดสายตาโดยไม่มีอะไรมาบดบัง วิลลาส่วนตัวที่ Milaidhoo Island Maldives คือฝันที่เป็นจริง ห้องบูติกสุดหรูแห่งนี้มีแม้กระทั่งแนวประการังส่วนตัวและยังอยู่ในเขตสงวนชีวมณฑลซึ่งได้รับความคุ้มครองจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย เกาะแห่งนี้เขียวชอุ่มด้วยพันธุ์ไม้เขตร้อนที่ขึ้นแน่นขนัด หาดทรายสีขาวละเอียดทอดตัวแนวกว้างคู่ไปกับน้ำทะเลใสราวคริสตัล จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดำน้ำแบบสน็อกเกิลและดำน้ำลึก และส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือในระหว่างเดินเล่นเท้าเปล่าแบบชิล ๆ ที่หาดทรายที่เงียบสงบนี้ คุณสามารถใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ ไปกับการผ่อนคลายบนระเบียงส่วนตัวสำหรับอาบแดดเพื่อรอชมอาทิตย์อัสดงสุดตระการตาเหนือมหาสมุทรอินเดียได้ในทุก ๆ วัน

4.ไวพารา ประเทศนิวซีแลนด์

ภูมิประเทศที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดูดาวและทิวทัศน์งดงามตามธรรมชาติของย่านชนบทในนิวซีแลนด์ ที่กว้างไกลสุดสายตากำลังรอคุณอยู่ที่ Greystone PurePod กะท่อมกระจกสุดหรูแบบรักษ์โลกนี้ตั้งอยู่สูงขึ้นไปเหนือโรงกลั่นไวน์ออแกนิกแสนสวยในหุบเขา Waipara Valley ที่พักทำจากกระจกแบบเต็มบาน(Heavy Duty) มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อีกทั้งใช้พลังงานแสงอาทิตย์จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คุณจะได้ชมภูมิประเทศชนบทที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบพาโนราม่าได้ทุกมุมจากบนเตียงแสนสบาย และถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้เดินทาง 23% ของผู้เดินทางชาวไทยที่วางแผนว่าจะไปทัวร์โรงผลิตไวน์ในปี 2019* อยู่แล้วล่ะก็ ทริปสุดเรียบง่ายนี้ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะทั้งได้ลิ้มลองไวน์เลิศรสและชมความงดงามน่าตื่นตาของธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน

5.กุ้ยหลิน ประเทศจีน

กุ้ยหลินนั้นงดงามเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์ จึงถือเป็นจุดหมายห้ามพลาดหากได้ไปเยือนมณฑลกวางสี ทางตอนใต้ของประเทศจีน ที่นี่มีชื่อเสียงมาจากภูเขาหินปูนที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และสายน้ำที่คดเคี้ยว โดยมี Heshe Hotel เป็นเสมือนขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ จากหน้าต่างบานยักษ์ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน คุณสามารถชมวิวชนบทที่อยู่รอบ ๆ นอกจากนี้ ที่นี่ยังอยู่ห่างจากถ้ำขลุ่ยอ้อ (Reed Flute Cave) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โด่งดังที่สุดในมณฑลนี้ โดยหินงอกหินย้อยและการเรียงตัวของหินอายุกว่า 180 ล้านปีในถ้ำนี้ได้ดึงดูดผู้มาเยือนนับเป็นเวลากว่า 1,200 ปีมาแล้ว ดังที่เห็นได้จากข้อความที่จารึกด้วยหมึกไว้ตั้งแต่สมัยยุคต้น ๆ ซึ่งยังปรากฏอยู่บนผนังถ้ำจนทุกวันนี้

6.นอร์ชคอต ประเทศนอร์เวย์

Manshausen Island เป็นเคบินนอร์ดิกสไตล์มินิมอลริมทะเลซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ Manshausen เกาะขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกลจากชายฝั่งของประเทศนอร์เวย์ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ที่พักมีห้องนั่งเล่นตกแต่งอย่างทันสมัย โดยผนังทั้ง 3 ด้านเป็นกระจกตลอดแนว ด้วยทำเลที่ยื่นออกไปเหนือผืนน้ำ จึงทำให้ที่พักนี้ดูเสมือนลอยอยู่กลางอากาศ โอบล้อมด้วยทะเล ท้องฟ้า และเนินเขาทั้งสูงและต่ำบนเกาะเล็กอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ที่พักมีความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบอย่างยิ่ง คุณสามารถแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่นกลางแจ้งเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด ยิ่งไปกว่านั้น หากคุณเดินทางไปเยือนในช่วงฤดูหนาวก็แทบจะมั่นใจได้เลยว่าจะได้ชมแสงเหนือพร่างพราวบนขอบฟ้าไกลอย่างใกล้ชิด