Hotel Muse Bangkok ความหรูหราที่มาคู่กับความเท่ กับบรรยากาศสุดคลาสสิคใจกลางเมือง
การพักผ่อนอย่างมีระดับ ท่ามกลางการตกแต่งอย่างมีสไตล์ คือคำนิยามที่อยากจะมอบให้แก่ Hotel Muse Bangkok โรงแรมใจกลางเมืองย่านถนนหลังสวน ที่ Sanook! Travel จะพาคุณไปสัมผัสกันในวันนี้
Hotel Muse Bangkok เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ภายใต้เครือ M GALLERY นามสกุลที่บ่งบอกถึงคุณภาพของโรงแรม มีโรงแรมไม่มากนักในเมืองไทยที่จะได้ใช้นามสกุล M GALLERY ต่อท้ายเช่นนี้ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าที่ Hotel Muse Bangkok มีอะไรดี เราจะพาทุกคนไปดูกัน
ที่นี่ตกแต่งคอนเซ็ปต์ได้อย่างชัดเจน โดยมีธีมหลักได้แรงบันดาลใจมากจากยุค Golden Age Of Travel ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเมืองไทยเริ่มรับเอาอิทธิพลทางด้านสถาปัตยกรรมมาจากโลกตะวันตก เราจึงจะได้เห็นถึงการตกแต่งสไตล์ยูโรเปี้ยนคลาสสิค ที่ผสมผสานกับความวิจิตรงดงามในแบบเอเชีย เป็นการตกแต่งที่ดูแปลกตาหาชมได้อยากและถือว่าเป็นจุดเด่นไฮไลต์ของโรงแรมแห่งนี้เลย
และแน่นอนด้วยความที่มีธีมอันสวยงามและแตกต่างจากที่อื่นเช่นนี้ ทำให้ Hotel Muse Bangkok เป็นดั่งสตูดิโอจำลองที่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก ในบางมุมนั้นมองดูคล้ายกับฉากในหนังคลาสสิคที่เราเคยได้เห็นเลยทีเดียว ตั้งแต่ล็อบบี้ไปยันห้องนอนนั้นคุณจะได้ดื่มด่ำกับความสุนทรีของการตกแต่งอย่างเต็มที่ เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งต่างจากโลกที่วุ่นวายภายนอกอย่างสิ้นเชิง
โรงแรมมีห้องพักอยู่ทั้งหมด 174 ห้อง พร้อมกับสระว่ายน้ำและฟิตเนสส่วนกลางให้ลูกค้าที่เข้ามาพักได้ใช้บริการแบบส่วนตัว
ภายในห้องเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันภายในห้อง ทั้งเตียงคิงไซส์ที่แสนจะนุ่มสบายในแบบที่คุณจะไม่อยากลุกไปไหนเลย หรือจะเป็นอ่างอาบน้ำสุดเซ็กซี่ที่คุณสามารถมองเห็นไปในห้องได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีทีวี โซฟา โต๊ะทำงาน ตู้เย็น
และที่เราชอบที่สุดก็คือวิวเมืองมหานครกรุงเทพฯ แบบพาโนรามาที่เราสามารถมองเห็นได้จากบนเตียงนอนเลยทีเดียว การตกแต่งในห้องก็ทำออกมาได้อย่างสวยงามสมกับธีมของโรงแรม ห้องนี้จะมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขให้กับคุณอย่างแน่นอน
ไปดูกันในส่วนของห้องอาหารกันบ้าง ที่ชั้น 19 ของโรงแรมเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร Babette’s The Steakhouse (บาร์เบต เดอะ สเต็กเฮ้าส์ แบงค็อก) ให้บริการอาหารกลางวันแก่ผู้เข้าพัก สามารถมานั่งทานอาหารพร้อมกับชมวิวเมืองกรุงเทพฯ ได้แบบชิลๆ อาหารของที่นี่จะเป็นอาหารสไตล์อังกฤษ จากฝีมือของเชฟไมเคิล หัวหน้าเชฟจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเมนูแนะนำที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือ สเต็กเนื้อวากิวจากออสเตรเลีย ที่บอกเลยว่านุ่มละมุนมากๆ รสชาติเนื้อเข้มข้น ทานคู่กับเกลือ 3 ชนิดจาก 3 ประเทศ แค่นี้ก็ฟินแล้ว หรือใครอยากจะทานเนื้อที่มีความนุ่มละมุนกว่านี้อีกหน่อยก็มีเมนูเนื้อตุ๋นที่ละลายในปากพร้อมกับซอสที่เข้มข้นดีงามมาก
หรือใครทีไม่ทานเนื้อทางห้องอาหารก็มีเมนูอื่นๆ ให้ได้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็น สลัดกุ้งและหน่อไม้ฝรั่ง,ซุปหัวหอม,แซลมอนสก็อตแลนด์ย่างกับหอยแมลงภู่,ไก่ตัวเล็กย่างหนังกรอบเนื้อนุ่ม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีเมนูของหวานทั้งไอศกรีม และมูสมะม่วงกับมะพร้าวสูตรเฉพาะของทางเชฟไมเคิล ที่บอกเลยว่าต้องลองทานแล้วสดชื่นมากๆ ทานอาหารอร่อยๆ เคล้ากับดนตรีเพราะๆ พร้อมกับวิวระดับล้านแบบนี้ มื้อนี้จะเป็นมื้อแห่งความทรงจำของคุณแน่นอน
และหากใครอยากจะนั่งชิลๆ ชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ กับวิวเมืองกรุงเทพฯ ในยามเย็น ทางโรงแรมก็มี Rooftop Bar ชื่อเท่ๆ ว่า The Speakeasy Rooftop Bar (เดอะ สปีคอีซี่ รูฟท็อป บาร์) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบาร์สปีคอีซี่ในนิวยอร์ค ช่วงยุคปีค.ศ. 1920 ที่มีความหรูหราน่าหลงใหล
บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 24 ของโรงแรม โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นที่ตั้งของค็อกเทลบาร์ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย เพราะนอกจากคุณจะได้ชมวิวเมืองแบบพาโนรามาแล้ว คุณยังจะได้ชมการทำค็อกเทลแต่ละเมนูจาก Mixologist ผู้เชี่ยวชาญของโรงแรม ที่จะทำค็อกเทลให้คุณทานแบบแก้วต่อแก้ว
ในส่วนของเมนูค็อกเทลนั้นที่นี่ก็มีให้เลือกมากมายหลายแบบ แต่ที่ดูจะเด่นและเป็นซิกเนเจอร์ของ The Speakeasy Rooftop Bar นั่นก็คือ โพรฮิบิชั่นค็อกเทล ค็อกเทลสูตรคลาสสิคที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาในช่วงปี 1920 – 1933 ในช่วงที่มีการห้ามจำหน่ายเหล้าในประเทศอเมริกาเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ชนิดอื่นจึงถูกผลิตออกมากเพื่อทดแทนในช่วงเวลานั้น และถือได้ว่าการคิดค้น “ค็อกเทล” เกิดขึ้นในยุคนั้นนั่นเอง
ไปดูในส่วนของชั้น 25 กันบ้าง ซึ่งในชั้นนี้จะเป็นอีกโซนหนึ่งของ The Speakeasy Rooftop Bar ซึ่งจะตั้งอยู่สูงกว่าและสามารถชมวิวได้กว้างกว่าชั้น 24 ด้านบนนี้เมื่อขึ้นมาคุณจะได้พบกับวิวเมืองมหานครอันยิ่งใหญ่นี้แบบ 360 องศา ยิ่งในยามเย็นที่พระอาทิตย์ตกแบบนี้ จะมีแสงสีทองส่องประกายไปทั่วท้องฟ้า แปรเปลี่ยนให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวนั้นถูกเคลือบไปด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็น เป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่เหมาะจะขึ้นมาดื่มด่ำกับคนพิเศษจริงๆ
และสำหรับสาวๆ ด้วยแล้วขึ้นมาด้านบนนี้คุณจะได้รูปภาพสวยๆ กลับไปเป็นความทรงจำที่แสนจะประทับใจอย่างแน่นอน สวยงามมากๆ อยากให้ทุกคนได้ลองขึ้นมาสัมผัส
หรือหากใครอยากจะนั่งชิลชมพระอาทิตย์ตกด้านบนนี้ยาวๆ ก็สามารถสั่งอาหารมาทานเป็นดินเนอร์กันได้ ซึ่งแค่ขึ้นมาชมวิวก็มีความสุขขนาดนี้แล้ว ได้ทานอาหารท่ามกลางแสงสุดท้ายของวันจะมีความสุขขาดไหน เป็นจุดไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งของ Hotel Muse Bangkok ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ปิดท้ายด้วยอาหารเช้าซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญในการเลือกพักในแต่ละโรงแรม ที่นี่ให้บริการอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Babette’s The Steakhouse (บาร์เบต เดอะ สเต็กเฮ้าส์ แบงค็อก) เช่นเดียวกับมื้อกลางวัน มีอาหารนานาชาติให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์ ต้องบอกเลยว่าอาหารนั้นมีให้เลือกหลากหลายชนิดมาก ตอบโจทย์สำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะชอบทานอาหารจีน อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น หรืออาหารสไตล์ตะวันตกก็มีให้ทานทั้งหมด ให้คุณได้ใช้เวลาในช่วงเช้าด้วยความสุขกับการทานอาหารที่อร่อย เป็นการปิดท้ายการพักผ่อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
และทั้งหมดนี้ก็คือความสวยงามของการดีไซน์ ความใส่ใจในทุกขั้นตอนของการตกแต่ง และความมีธีมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจนของ Hotel Muse Bangkok โรงแรมที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองมาพักกันในวันนี้ หากคุณกำลังมองหาโรงแรมดีๆ สักแห่งหนึ่งใจกลางย่านเมืองกรุงฯ Sanook! Travel ขอบอกเลยว่ามาใช้เวลาพักผ่อนที่นี่จะสร้างความทรงจำที่สวยงามและไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง Hotel Muse Bangkok : 55/555 ถนนหลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ติดต่อ : 02 630 4000
Website : https://hotelmusebangkok.com/th/
หากจองห้อง Babette’s The Steakhouse (บาร์เบต เดอะ สเต็กเฮ้าส์ แบงค็อก) ผ่านลิงค์ต่อไปนี้จะได้ลดราคา 50% สำหรับเมนู A La Carte : https://bit.ly/2wZSqwc
ลิงค์สำหรับจองห้องอาหาร The Speakeasy Rooftop Bar (เดอะ สปีคอีซี่ รูฟท็อป บาร์) : https://bit.ly/2IH8Cry
อัลบั้มภาพ 71 ภาพ