Wonderful Kyushu รีวิวเที่ยวคิวชู 4 จังหวัดสวยบนเกาะแดนใต้
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่คนไทยหลายๆ คนให้การยอมรับว่าจะไปเที่ยวสักกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อจริงๆ เรียกได้ว่าเที่ยวกันได้ทั้งปี ทุกฤดูกาลเลย ซึ่งในวันนี้ Sanook! Travel จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งภูมิภาคที่น่าเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นอย่างมากในญี่ปุ่น นั่นก็คือภูมิภาคคิวชู เกาะทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มากๆ นอกจากนี้คิวชูยังมีของกินอร่อยๆ ไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกมากมาย รวมไปถึงวัฒนธรรมโบราณที่รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัส เป็นหนึ่งในภูมิภาคยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยเลยทีเดียว
ข้อมูลภูมิภาคคิวชู
คิวชูเป็นภาคหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย 7 จังหวัดได้แก่ Fukuoka, Oita, Kumamoto, Miyazaki, Kagoshima, Saga, Nagasaki ซึ่งมีเมืองหลักประจำภูมิภาคนั่นก็คือเมือง Fukuoka นั่นเอง ลักษณะภูมิประเทศของภูมิภาคคิวชูนี้จะมีความหลากหลายทางด้านภูมิประเทศเป็นอย่างมาก มีทั้งทะเลและภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ มีแหล่งประวัติศาสตร์โบราณของญี่ปุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่มากมาย และที่สำคัญที่ภูมิภาคแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดน้ำพุร้อนออนเซ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับคนรักออนเซ็นอย่างแท้จริง
การเดินทางมาที่คิวชู
ในทุกวันนี้เส้นทางการท่องเที่ยวมาที่คิวชูสำหรับคนไทยนั้นถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้มีสายการบินจากไทยบินตรงมาลงที่คิวชูหลายๆ สายการบินเลยทีเดียว ดั่งเช่นสายการบิน Air Asia ที่เพิ่งจะเปิดเส้นทางใหม่ บินตรงจากดอนเมืองมาที่จังหวัด Fukuoka ในราคาประหยัด ถือได้ว่าสะดวกสบายและง่ายต่อการเดินทางมากๆ เลยทีเดียว
เมื่อศึกษาข้อมูลของภูมิภาคคิวชูกันมาพอสมควรแล้ว ได้เวลาไปเที่ยวคิวชูกันดีกว่า โดย Sanook! Travel เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของ 4 จังหวัดน่าเที่ยวในภูมิภาคคิวชู ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติ วัฒนธรรมและอาหารการกินแสนอร่อย ไปดูกันว่าในคิวชูนั้นมีอะไรน่าเที่ยวกันบ้าง
1.Oita
ที่เที่ยว
Old town at Hita City (ย่านเมืองเก่าฮิตะ)
เริ่มต้นการผจญภัยในคิวชูที่เมือง Hita ย่านเมืองเก่าของจังหวัด Oita ซึ่งเมืองแห่งนี้ในสมัยเอโดะ (ปี ค.ศ. 1603-1868) เคยเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจของภูมิภาคคิวชูเลยทีเดียว ภายในย่านนี้จะเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมบ้านเรือนแบบญี่ปุ่นโบราณ รวมไปถึงร้านค้าต่างๆ ที่ยังคงเอกลักษณ์ศิลปะแบบเอโดะเอาไว้ได้แบบคลาสสิคสุดๆ เราสามารถเดินเล่นไปตามถนนและแวะถ่ายภาพสวยๆ ได้ตลอดเส้นทาง โดยระหว่างทางก็จะมีจุดเช็กอินที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมกันหลายที่ เช่น
โรงผลิตสาเกโบราณ Kuncho ที่ให้บริการจำหน่ายและผลิตสาเกมาตั้งแต่สมัยเอโดะ
พิพิธภัณฑ์รองเท้าเกี๊ยะ Tenryo Hita Hakimono Museum ซึ่งเปิดให้เข้าชมประวัติความเป็นมาของรองเท้าเกี๊ยะ สินค้าขึ้นชื่อของเมือง Hita
พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาฮินะ Hina Goten ที่รวบรวมเอาตุ๊กตาฮินะตั้งแต่สมัยโบราณเอาไว้มากถึง 4,000 ตัว
การเดินทาง
จากสถานี Hakata นั่งรถไฟด่วน Yufu หรือ Yufuin no Mori ลงที่สถานี Hita (1 ชั่วโมง 15 นาที, 3,100 yen, reservation seat) จากสถานี Hita ไปย่าน Mameda Machi เดินประมาณ 15-20 นาที
Yufuin (เมืองเก่ายูฟูอิน)
มาต่อกันที่จุดหมายที่ 2 ของเรา ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเมือง Oita เลยก็ว่าได้ กับย่านเมืองเก่า Yufuin เมืองที่ถูกโอบล้อมไว้ด้วยภูเขาไฟ Yufudake มาเที่ยวที่นี่แนะนำว่าให้ไปเช่าชุด กิโมโนมาใส่แล้วเดินเล่นกันเพราะมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ในบรรยากาศคลาสสิคๆ เยอะมาก ราคาเช่าชุด กิโมโนจะอยู่ที่ประมาณ Standard 3,240 yen ต่อคน (เช่าชุด 2 ชั่วโมง รวมทำผม) , Package 10,800 yen 2 คน (เช่าชุด 3 ชั่วโมง รถลากสไตล์ญี่ปุ่น Jinrikisya) โดยสามารถไปเช่าชุดกิโมโนกันได้ที่ โรงแรม Sansuikan ซึ่งหากจะมาเที่ยวให้ถึง Yufuin จริงๆ แนะนำว่าให้ซื้อ Package รวมรถลากแบบ Jinrikisya ด้วย เพราะรถลากนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมโบราณของประเทศญี่ปุ่นเลย ไปเที่ยวสักครั้งต้องลองไปนั่งให้ได้
ซึ่งรถลากจะพาเราไปชมบรรยากาศรอบๆ เมือง Yufuin ที่เราจะได้เห็นวิวภูเขา Yufadake รวมไปถึงสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในเมือง และไปหยุดส่งเราที่ทะเลสาบ Kinrin ซึ่งบริเวณนี้จะมีคาเฟ่ริมทะเลสาบสุดชิคให้เราได้ไปนั่งชิลพักเหนื่อย ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมกับหามุมถ่ายรูปสวยๆ กันอีกด้วย
บรรยากาศโดยรอบเมือง Yufuin นั้นจะมีความร่มรื่นมองไปทางไหนก็สบายตา บ้านเรือนตกแต่งผสมผสานระหว่างสมัยใหม่และความโบราณแบบดั้งเดิม มีย่านเมืองเก่าให้ได้เดินเล่นรวมทั้งมีร้านค้าที่ขายอาหารพื้นถิ่นให้เราได้ลองชิมกันตลอดทาง และที่พลาดไม่ได้นั่นก็คือ Yufuin Floral Village ย่านที่มีกลิ่นอายแห่งความเป็นยุโรปที่ผสมผสานกับความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว เป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ที่สาวๆ จะต้องชอบแน่นอน
การเดินทาง
จากสถานี Hakata นั่งรถไฟด่วน Yufu หรือ Yufuin no Mori ลงที่สถานี Yufuin ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 15 นาที (4,560 yen, reservation seat)
Yufuin No Mori Train
กิจกรรมท่องเที่ยวอีกอย่างหนึ่งของจังหวัด Oita ที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือการนั่งรถไฟ Yufuin No Mori Train รถไฟสายโรแมนติกที่มีกิมมิคอยู่ที่ตัวรถไฟสีเขียวนวลสวยงาม แค่เห็นครั้งแรกเมื่อเทียบชานชาลาก็ประทับใจแล้ว แต่ที่ประทับใจมากกว่าก็คือเรื่องราวระหว่างทาง ทั้งทัศนียภาพ 2 ข้างทาง รวมไปถึงข้าวกล่องสุดน่ารักบนรถไฟด้วย เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำจริงๆ
ร้านอาหาร
Ginzushi
ร้านอาหารแนะนำที่เราได้มีโอกาสได้ไปทานในจังหวัด Oita ที่นี่เป็นร้านซูชิที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานถึง 60 ปี มีเมนูซูชิที่ไม่เหมือนใคร คือซูชิที่นี่จะมีขนาดเล็กๆ และเสิร์ฟมาเป็นเซ็ทมองดูน่ารักมากๆ และอร่อยมากๆ เช่นกัน วัตถุดิบสดใหม่หวานฉ่ำ เนื้อปลาแต่ละชนิดคัดเกรดคุณภาพเยี่ยม และมีเอกลักษณ์ในรสชาติที่ต่างกันออกไป ใครชอบทานซูชิแนะนำว่าต้องมาลอง
ที่พัก
Wanoyado SAGIRITEI
ปิดท้ายสำหรับจังหวัด Oita ด้วยที่พักสไตล์ Ryokan ซึ่งขอบอกเลยว่าดีงามมาก Wanoyado SAGIRITEI เป็นที่พักขนาดเล็กประมาณ 10 ห้อง ซึ่งมอบความเป็นส่วนตัวให้คุณแบบสุดๆ ห้องพักเป็นแบบ Ryokan นอนบนเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่นโบราณ พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน รวมไปถึงการตกแต่งบริเวณที่พักด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่น ดูร่มเย็นสบายตามากๆ และมี Onsen กลางแจ้งให้แช่ตัวกันแบบฟินๆ ด้วย ใครมาเที่ยว Oita แนะนำที่นี่เลย
การเดินทาง
จากสถานี Yufuin นั่งแท็กซี่มาประมาณ 1,000 เยน
2.Miyazaki
ที่เที่ยว
Takachiho Gorge
มาถึงจังหวัดที่ 2 ที่เราจะพาไปเที่ยวกันนั่นก็คือจังหวัด Miyazaki มุ่งตรงสู่ Takachiho Gorge สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสุดอลังการของเมืองนี้ หุบเขา Takachiho แห่งนี้ เป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ Aso ถึง 4 ครั้ง ลาวาได้ไหลลงมาตามภูเขาจนเกิดเป็นแม่น้ำ Gokase
ที่นี่จะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้เราได้เดินไปตามความคดเคี้ยวของแม่น้ำสายนี้ โดยตลอดเส้นทางเราจะพบกับความสมบูรณ์ของป่าไม้ที่ยังคงเขียวขจีสวยงามมากๆ เดินไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะได้พบกับไฮไลท์ของเส้นทางนี้นั่นก็คือน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสู่แม่น้ำมีชื่อว่า Manai no Taki เป็นภาพความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่งดงามมากจริงๆ และยังถูกยกให้เป็น 1 ใน 100 น้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
Takachiho Shrine
ขึ้นมาจากเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสามารถมาเที่ยวต่อได้ที่ศาลเจ้า Takachiho ที่นี่เป็นศาลเจ้าโบราณที่มีความเก่าแก่ถึง 1,900 ปี อาคารหลักสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1778 ศักดิ์สิทธิ์เรื่องความรัก และขับไล่สิ่งชั่วร้าย ใครแวะมาสักการะขอพรเชื่อว่าจะได้รับพรนั้นกลับไปทุกคน
ร้านอาหาร
Inakaya Nagashi-somen
ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณจุดสิ้นสุดของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ Takachiho Gorge เป็นร้านอาหารที่มีความแปลกแหวกแนวและเป็นเอกลักษณ์มากๆ กับเส้นโซบะที่จะไหลมาตามรางไม้ไผ่ และเราจะต้องคอยคีบเส้นที่ไหลมานั้นเพื่อมาจุ่มกับซอสและทาน เป็นการทานอาหารที่มีทั้งความสร้างสรรค์รวมไปถึงความอร่อยในรสชาติด้วยในตัว และยังมี Chicken Nanban ไก่ทอดราดซอสมายองเนส อาหารขึ้นชื่อของจังหวัด Miyazaki ไว้เป็นเครื่องเคียงทานคู่กับเส้นโซบะด้วยอร่อยมากๆ
3.Kumamoto
ที่เที่ยว
Daikanbo View Point
มาถึงที่เที่ยวของจังหวัด Kumamoto กันบ้าง เชื่อเลยว่าจังหวัดนี้ต้องเป็นจังหวัดในใจของใครหลายๆ คนแน่นอน เพราะนี่คือบ้านเกิดของเจ้า Kumamon นั่นเอง จุดแรกที่เราจะพาไปเที่ยวกันนั้นก็คือ Daikanbo View Point จุดชมวิวภูเขาไฟ Aso แบบพาโนรามา ซึ่งเมื่อมองภูเขาไฟ Aso จากมุมนี้เราจะเห็นคล้ายกับรูปเจ้าแม่กวนอิมนอนหลับอยู่ตามคำบอกเล่าของคนท้องถิ่น
ที่นี่จึงกลายเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวเพราะนอกจากวิวภูเขา Aso แล้วด้านบนยังบรรยากาศดีมากๆ เราจะได้เห็นภูเขาน้อยใหญ่ที่มีลักษณะภูมิประเทศแปลกตามากๆ คือเป็นภูเขาที่มีระดับไล่เลี่ยกัน และไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นบนภูเขาเลย เป็นภูเขาที่ถูกปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าอันเขียวขจี มองดูแล้วคล้ายกับลานเทเลทับบี้ที่เราเคยเห็นในการ์ตูนเลยก็ว่าได้ ขึ้นมาเที่ยวที่นี่ได้รูปสวยๆ กลับไปแน่นอน
Kurokawa Onsen Village
อย่างที่เราได้บอกไปข้างต้นว่า Kyushu นั้นถือได้ว่าเป็นภูมิภาคที่มีบ่อน้ำร้อนออนเซ็นคุณภาพดี เป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นและที่เมือง Kumamoto นั้นก็มีหมู่บ้านออนเซ็นให้ได้ไปเที่ยวกันด้วย หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่า Kurokawa Onsen บริเวณโดยรอบจะเต็มไปด้วยที่พักสไตล์เรียวกังติดกับลำธารที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน บรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบมาก เหมาะแก่การมาท่องเที่ยวและพักผ่อนอย่างแท้จริง
ที่พัก
Sanai Kogen Hotel
มาถึงในส่วนของที่พักในเมือง Kumamoto เราแนะนำให้ไปพักที่ Sanai Kogen Hotel ที่พักกลางหุบเขาสุดโรแมนติก ที่มีจุดเด่นคือออนเซ็นกลางแจ้ง ชมวิวภูเขาสวยสุดลูกตา และรายล้อมไปด้วยหมู่ดาวในยามค่ำคืน ที่พักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อีกทั้งยังมีความเงียบสงบไม่วุ่นวายด้วย
4.Fukuoka
ที่เที่ยว
Yanagawa Tachibana-tei Ohana
มาถึงที่เที่ยวในเมืองหลวง Fukuoka กันบ้าง เราจะพาทุกคนไปกันที่เมือง Yanagawa เมืองแห่งประวัติศาสตร์ของ จังหวัด Fukuoka ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากๆ ชื่อว่า Tachibana-tei Ohana บ้านเก่าสไตล์ยุโรปผสมกับญี่ปุ่นโบราณของตระกูล Tachibana ซึ่งมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ภายในเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเอาข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนเอาไว้อย่างมากมาย รวมไปถึงส่วนที่เป็นโรงแรมซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าพักจริงๆ อีกด้วย
Yanagawa River boating
เมือง Yanagawa นอกจากจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์แล้วยังเป็นเมืองที่ถูกหล่อหลอมไว้ด้วยสายน้ำอีกด้วย วิถีชีวิตของผู้คนจะเกี่ยวข้องกับสายน้ำตลอด จึงเกิดเป็นการท่องเที่ยวล่องเรือชมบรรยากาศรอบเมือง Yanagawa ผ่านคลองที่ไหลผ่านตัวเมือง นั่งชิลๆ ชมวิวสองฝั่งคลอง ที่ยังคงความคลาสสิคเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจ บางช่วงมีสะพานข้ามคลองที่เราต้องก้มตัวลอดผ่านไปด้วย เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์ของเมืองนี้เลยทีเดียว
การเดินทาง
จากสถานี Tenjin (ในตัวเมือง Fukuoka) นั่งรถไฟสาย Nishitetsu-Omuta line ลงที่สถานี Yanagawa ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 850 yen
Yame Green tea Factory
ก่อนจะกลับเข้าสู่ตัวเมือง Fukuoka ลองแวะไปเยี่ยมชมโรงงานชาเขียว Yame Green tea Factory โดยที่นี่จะมีกิจกรรม Workshop ให้นักท่องเที่ยวได้ทำนั่นก็คือการทำขนมท้องถิ่น และเมื่อทำเสร็จแล้วเราก็สามารถนำมาทานพร้อมกับชาเขียวสดๆ ร้อนๆ จากไร่ได้เลยด้วย ใครที่ชอบทานชาเขียวรับรองว่าฟินแน่นอน
Fukuoka City
มาถึงในย่านเมือง Fukuoka ศูนย์กลางแห่งความเจริญของภูมิภาคคิวชู คุณจะได้พบกับความศิวิไลซ์อย่างเต็มที่ ร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงแสงสีต่างๆ ล้วนสร้างสีสันให้กับเมืองนี้จนดูเหมือนว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับเลยทีเดียว มาเดินเล่นถ่ายรูปกันได้เพลินๆ
Yatai Stall
ย่านนี้สำหรับคนชอบกินดื่มเที่ยวในยามค่ำคืนจะต้องถูกใจแน่นอน กับร้านสไตล์ Yatai ริมทางที่เน้นให้บริการอาหารจานด่วน โลเคชั่นตั้งอยู่ริมแม่น้ำ บรรยากาศครึกครื้นสนุกสนานมากๆ
ร้านอาหาร
Yame saryo
ร้านอาหารภายใน Yame Green tea Factory เมนูขึ้นชื่อของทางร้านนั่นก็คือ Cha Soba เส้นโซบะชาเขียวเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้ม และปลาย่าง Yamame อร่อยมากๆ
Hanamidori Hakata Station Branch
ปิดท้ายทริปด้วยร้านอาหารขึ้นชื่อของเมือง Fukuoka กับหม้อไฟไก่สไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอาหารพื้นถิ่นของ Fukuoka เลยก็ว่าได้ โดยทางร้าน จะเสิร์ฟมาเป็นคอร์สแบบ Fine Dining ไล่ระดับการกินไปทีละขั้นตอน จบมื้อด้วยความอิ่มอร่อย สมชื่ออาหารประจำเมืองจริงๆ
ที่พัก
Hotel Centraza Hakata
หากใครมาเที่ยว Fukuoka แล้วอยากจะหาที่พักที่ทำเลดีๆ สักที่หนึ่ง Hotel Centraza ถือว่าตอบโจทย์มากๆ เพราะที่พักตั้งอยู่ติดกับสถานี Hakata เลย เดินทางสะดวกสบาย ที่พักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ และที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากสนามบินด้วย
และทั้งหมดนี้ก็คือความสวยงามของภูมิภาคคิวชูที่เราได้มีโอกาสไปสัมผัสมา ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ความสวยงามของศิลปวัฒนธรรม การเดินทางที่สะดวกสบาย อาหารการกินรสชาติแปลกใหม่ และที่พักบรรยากาศดีๆ ทุกสิ่งที่เราได้เจอมานี้ทำให้คิวชู กลายเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนมาเที่ยวกันมากที่สุด สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่ามาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากจะไปภูมิภาคไหนดี ขอแนะนำเลยว่าคิวชูนั้นเติมเต็มทุกความรู้สึกในการท่องเที่ยวให้กับคุณได้จริงๆ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.jnto.or.th/
อัลบั้มภาพ 115 ภาพ