เที่ยวเมืองรองสองจังหวัดภาคตะวันออก (สระแก้ว – ปราจีนบุรี)

คุ้มค่าตื่นทริปนี้ เราเดินทางแบบสบาย ๆ มาเที่ยวเมืองรองทั้งสองจังหวัดของทางภาคตะวันออก จ.สระแก้ว และ  จ.ปราจีนบุรี ซึ่งสองจังหวัดนี้  เคยเป็นจังหวัดเดียวกันมาก่อนด้วย เรามาดูกันว่า สถานที่ท่องเที่ยวเก๋ ๆ ของที่นี่จะมีอะไรบ้าง

ตั้งต้นทริปกันที่จังหวัดสระแก้ว จะพาทุกคนมาดูฝูงผีเสื้อที่ “อุทยานแห่งชาติปางสีดา” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก ที่นี่มีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ มีดินโป่งที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของผีเสื้อนับนานาชนิด จนได้ถูกเรียกว่า “ดินแดนผีเสื้อแห่งผืนป่าตะวันออก” ซึ่งถ้าหากใครอยากจะมาดูผีเสื้อ ที่นี่เขาจัดขึ้นตั้งแต่ช่วง มิถุนายน จนถึง สิงหาคม 2562 เลยค่ะ

 

ซึ่งจุดหลัก ๆ ที่สามารถชมผีเสื้อได้นั้น ก็จะมีบริเวณโป่งผีเสื้อ โดยจุดนี้สามารถขับรถเที่ยวชมได้เองเลย และอีกจุดก็คือ บริเวณน้ำตกปางสีดา ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปชมผีเสื้อที่โบยบินต้อนรับตลอดเส้นทางเลยค่ะ

มาทั้งที ขอหาจุด Unseen กันหน่อย ที่นี่เขามีรถโฟร์วิล ที่สามารถขับพาเข้าไปชมเส้นทางธรรมชาติ และทุ่งกระทิงที่มีชื่อว่า “ทุ่งบุตาปอด” เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่มาก มองดูแล้วเหมือนหลุดไปอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนาในต่างประเทศเลยล่ะค่ะ และจุดนี้เองก็เป็นต้นน้ำของแม่น้ำบางปะกงอีกด้วย ใครได้มาเที่ยวที่นี่ อย่าลืมนั่งโฟร์วิลเข้าป่ามาชมธรรมชาติให้ชื่นช่ำหัวใจกันด้วยนะคะ

เดินทางกันต่อ หาอะไรรองท้อง กาแฟดีดีสักแก้วกันหน่อย ขอแนะนำที่ “มีเขามีเรา คาเฟ่” เป็นคาเฟ่ที่อยู่ท่ามกลางวิวเขาฉกรรจ์ ล้อมรอบไปด้วยทุ่งดอกไม้หลากหลายพันธุ์ แข่งกันเบ่งบานดอกกันใหญ่เลยล่ะ ที่นี่เปิดมาได้ประมาณ 3 - 4เดือนเองนะ แต่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่บอกต่อกันมา จนทำให้ช่วงเสาร์-อาทิตย์ นักท่องเที่ยวจะแน่นเป็นพิเศษ แต่ถ้ามาเที่ยวในช่วงวันธรรมดา บอกเลยว่าที่นี่จะชิลล์มาก ๆ เลยจ้า ส่วนเครื่องดื่มก็มีพร้อมบริการ พร้อมเสิร์ฟ และไฮไลท์ของที่นี่เลย เหมือนเป็นของแถมในช่วง 17.00 เป็นต้นไป จะมีฝูงค้างคาวบินออกมาจากเขาฉกรรจ์ หลายร้อยตัว เป็นวิวที่สวยไปอีกแบบในยามค่ำคืน

มาถึงเรื่องของที่พักกันบ้าง วันนี้เราขอเอนกาย พักใจกันที่ “The Verona at Tublan” ที่พักในสไตล์อิตาลี ที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศขุนเขาทับลาน ซึ่งมีพื้นที่กว่า 300 ไร่ เขาสร้างที่นี่ด้วยแรงบันดาลใจจากเมืองเวโรน่า ที่อิตาลี ซึ่งเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มากมาย จนได้รับสมญานามว่า LITTLE ROMAN เลยนะคะ จริง ๆ ที่นี่มีหลายโซนมาก แต่ขอแนะนำสัก 2 โซนล่ะกัน นั่นก็คือที่พักที่เราจะพักกันในค่ำคืนนี้ และร้านค้าที่มีของมากมายให้เลือกช้อป ทั้งเครื่องแต่งกาย ของที่ระลึก สินค้าตกแต่งบ้าน และร้านอาหารหลายสไตล์ให้ได้ลิ้มลองกันด้วย  และอีกโซนที่อยากจะแนะนำก็คือ โซนกิจกรรมเวโรน่า แอดเวนเจอร์ สำหรับใครที่ต้องการความตื่นเต้น ทั้งท้าทายและสนุกสนาน ไม่ว่ากิจกรรมโหนสลิง ลูกบอล ยักษ์ ลูกบอลน้ำ ปีนหน้าผาจำลอง มีให้บริการเพียบค่ะ บอกเลยว่ามาที่นี่ที่เดียวสะดวกสบายมาก ๆ และเขามีกิจกรรมล่องเรือกอนโดล่าด้วยนะคะ นั่งแล้วได้ฟิลลิ่งเหมือนไปเยือนอิตาลีเลยล่ะ

ตกเย็นก็มาฝากมื้อหนักกันที่ “Blackwood” จะมี 2 โซนให้เลือกนั่ง จะนั่งด้านในตากแอร์เย็น ๆ หรือจะด้านนอกใต้แสงไฟสีส้ม ดื่มด่ำกับบรรยากาศตอนกลางคืนก็ได้ฟิลลิ่งโรแมนติกไปอีกแบบ ส่วนเรื่องอาหารไม่ต้องพูดถึง ที่พักดีดีแบบนี้อาหารทุกอย่างของที่นี่ สดใหม่ ให้เยอะ แถมอร่อยทุกเมนูเลยค่ะ

ตื่นเช้าอีกวัน เดินทางกันต่อ วันนี้เราเริ่มต้นที่ “แก่งหินเพิง” เป็นเส้นทางล่องแก่งที่มีระดับความยากง่ายอยู่ที่ 3 – 5 ระยะทางโดยรวมอยู่ที่ 4.5 กิโลเมตร โดยต้องใช้เวลาผจญภัยไปกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวประมาณ 2 ชั่วโมง ใครที่ออกแนวอยากจะท้าทายทักษะ ต้องการความตื่นเต้นและใช้ความสามารถอย่างมาก ที่นี่เหมาะมาก ๆ ค่ะ

มาเมืองปราจีนบุรี มีอีกสถานที่ที่อยากจะให้ทุกคนมาตามรอยกันค่ะ “ภูมิภูเบศร” เป็นอุทยานการเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ มาแล้วเราจะได้ชมพิพิธภัณฑ์หมอไทย ที่เป็นหมอหลวงในรัชกาลที่ 5 อายุกว่า 100 ปี มีอาคารที่จะแสดงข้าวของเครื่องใช้ในการแพทย์สมัยก่อนให้เราได้ศึกษากันด้วยค่ะ พร้อมกับมีกิจกรรม Workshop ทำยาดมสมุนไพร ซึ่งแต่ละเดือนกิจกรรมก็จะหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปค่ะ เปิดให้บริการตั้งแต่ 8.30 – 16.30 น.

อีกหนึ่งสถานที่อยากจะส่งต่อความกรีน “Bonsai Zone สวนลุงประเสริฐ” เป็นสวนบอนไซที่มีกิจกรรมจัดสวนกระถางไม้ดัดกันด้วย ซึ่งเป็นแห่งเดียวในหมู่บ้านดงบัง ด้วยความชอบและความสนใจในการจัดสวนถาด ที่นี่ทำสืบต่อกันมาถึง 3 รุ่นแล้วนะคะ นอกจากได้เรียนรู้การจัดสวนถาดแล้ว ยังนำไปเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย ซึ่งก็มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 150 บาท แล้วแต่วัสดุ และขนาดของต้นไม้ด้วยค่ะ

ปิดทริปด้วย “พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์” ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ตะเกียงที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่นี่แบ่งเป็น 4 อาคาร ถ้ามองด้านบนเพดานจะเห็นแต่ตะเกียง เจ้าพายุทุกตารางนิ้ว นับรวมแล้วมีมากกว่า 10,000 ดวง ผลิตจากนานาประเทศ เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา สวีเดน ฮ่องกง จีน ออสเตรเลียและไทย แต่นอกจากตะเกียงแล้ว ยังมีข้าวของเครื่องใช้เก่า ๆ สมัยก่อนไว้ให้นึกถึงกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจักรยานเหล็ก มอเตอร์ไซค์รุ่นคุณปู่ เครื่องพิมพ์ดีด และอีกมากมายหลายอย่าง ถ้าใครจะมาเดินเพลิน ๆ ที่นี่เปิดตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น. ยังไงก็อย่าลืมทำทุกวันให้คุ้มค่าตื่นกันด้วยนะคะ           

 

อย่าลืมติดตามชมได้ใน รายการMake Awake คุ้มค่าตื่น ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 22.45 ทางช่อง Workpoint