แบกกล้องลัดเลาะเซาะแซะ ‘ชุมชนเก่าตลาดน้อย’
สัปดาห์นี้จะเป็นการสะพายกล้องคู่ใจออกเดินลัดเลาะในอีกส่วนพื้นที่ของย่าน เจริญกรุง เนื่องจากการตะลุยเจริญกรุงครั้งที่แล้ว แม้จะได้เห็นภาพและสภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์ของย่านเก่า แต่ที่จริงแล้วยังไม่ครบเพราะขาด “ชุมชนเก่าตลาดน้อย”
สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ในสัปดาห์นี้ผมจะใช้โอกาสตรงนี้พาผู้อ่านไปเดินเท้าลัดเลาะซอกซอยในย่านชุมชนเก่าตลาดน้อย สัมผัสบรรยากาศการเป็นอยู่ของชุมชนแถบนี้กันอีกที หลังจากที่ได้ไปเดินย่านที่คนพลุกพล่านของอีกซีกหนึ่งในเจริญกรุง เพราะชุมชนตลาดน้อยนั้นก็อยู่ในช่วงซอยแถวเจริญกรุงนั่นเองครับ
ครั้งนี้ผมพาตัวเองเริ่มต้นจาก MRT สถานีหัวลำโพงเพราะเห็นว่าการเดินเท้าไปยังจุดหมายปลายทางน่าจะมีบรรยากาศดี ๆ ตามข้างทางให้เสพพอสมควร ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ
การเดินทางในช่วงแรกหลังจากขึ้นมาจากสถานีหัวลำโพง ผ่านถนนมิตรภาพ ไทย – จีน ก็ได้แชะภาพ วัดไตรมิตร มานิดหน่อยซึ่งภายในวัดก็มีทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยกราบไหว้บูชาและเดินชมกันอยู่ข้างใน จากนั้นก็เดินผ่านซุ้มประตูเยาวราชเลาะเข้าเยาวราช ซอย 1 เดินมาได้สักพักก็พบกับบรรยากาศของบ้านเรือนที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับอะไหล่ยนต์ทั้งซอย ได้กลิ่นน้ำมันเครื่องและเหล็กอบอวลอยู่เนือง ๆ
การเดินเล่นในครั้งนี้ถึงแม้อากาศจะอบอ้าวเล็กน้อย แต่ก็พอสบายตัวเพราะตึกรามบ้านช่องคอยบังแดดให้ร่มรื่นอยู่พอประมาณ เรียกได้ว่าเดินชิลล์ ๆ สบาย ๆ ไม่นานนักก็ล่วงเข้าสู่ตัวชุมชนตลาดน้อย ซึ่งเมื่อถึงช่วงนี้จะพบนักท่องเที่ยวมาเดินกันค่อนข้างเยอะแต่ไม่แออัด ทั้งต่างชาติและวัยรุ่น
ย่านตลาดน้อยนั้นเป็นย่านที่อยู่อาศัยของคนเชื้อสายจีนเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์นู่นเลยล่ะครับ ซึ่งก็ถือเป็นย่านชุมชนการค้าเก่าแก่ขยายตัวออกมาจำสำเพ็ง โดยความจริงแล้วจุดหมายที่แท้จริงของผมในการมาเยือนชุมชนตลาดน้อยก็คือ “โซเฮงไถ่”
โซเฮงไถ่ คือคฤหาสน์แบบจีนโบราณอายุมากกว่า 250 ปีเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะเป็นบ้านพักอาศัยจริง ๆ แล้วยังเปิดโรงเรียนสอนดำน้ำ อีกทั้งยังเป็นร้านกาแฟให้ผู้คนที่แวะเวียนเข้ามานั่งพักดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ให้ชื่นใจพร้อมกับชมบรรยากาศความเป็นจีนฮกเกี้ยน ซึ่งใครก็ตามที่แวะเวียนเข้ามาคงได้รูปสวย ๆ กลับไปเป็นกระบุงเชียวล่ะ
ในระหว่างกับลังเพลิดเพลินหลังจากสั่งน้ำดื่มและขึ้นมาหาที่นั่งบนชานบ้าน แต่ก็มีอาการนั่งไม่ติด เพราะสายตามักจะเหลือบเห็นมุมสวย ๆ น่าแชะอยู่ตลอด อีกทั้งนักท่องเที่ยวก็เดินเข้ามาแวะชมอย่างไม่ขาดสาย
เมื่อนั่งพักดื่มน้ำจนพลังงานเริ่มเข้าที่และได้รูปจนค่อนข้างพอใจแล้ว ผมจึงตัดสินใจลุกและเดินสำรวจพื้นที่อื่น ๆ ต่อ จนมาพบกับ “บ้านริมน้ำ”
ซึ่งทีแรก ดูจากข้างนอกก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่เพราะดูแล้วเหมือนโกดังส่วนบุคคล ก็เลยด้อม ๆ มอง ๆ อยู่พักใหญ่ พอดีมีคุณพี่ท่านหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นคนในชุมชน เดินผ่านมาและบอกกับผมว่า “เข้าไปดูได้ค่ะ เดินดูก่อนได้” อ่ะจัดไป ถือว่าได้รับเพอร์มิชชั่นจากคนในพื้นที่เรียบร้อย ผมจึงเดินเข้าไป
เมื่อเข้าไปถึงด้านใน ผมจึงพบคำตอบด้วยตัวเองว่าที่นี่คือร้านอาหารนั่นเอง แล้วก็คิดกับตัวเองว่า เอ้า เดินเข้าร้านเขามาแล้ว จะเดินออกไปก็ไม่รู้จะน่าเกลียดไหม งั้นสั่งอะไรมาทานหน่อยแล้วกัน
บรรยากาศโดยรวมภายในร้าน บ้านริมน้ำ
ซึ่งเมื่อหยิบเมนูอาหารขึ้นมาดู อาการท้องกิ่วก็เข้าแทรก จากตอนแรกที่ไม่รู้สึกหิวก็หิวขึ้นมาเสียเฉย ๆ ผมก็ไม่รอช้าจัด ข้าวและแกงเขียวหวาน มาหนึ่งเซ็ต นั่งกินริมน้ำอาบแสงแดดอ่อน ๆ ยามบ่าย ซึ่ง.. ค่อนข้างร้อนอยู่พอตัว จึงย้ายที่เข้าไปนั่งในที่ร่ม ๆ ดีกว่า หลังถ่ายภาพเซ็ตอาหารที่สั่งไปเสร็จ
หลังจากจัดการกับข้าวแกงเขียวหวานจานนี้เป็นที่เรียบร้อย ผมก็ใช้เวลาที่เหลือเดินย่อยอาหาร เดินเล่นแชะภาพในชุมชนส่วนอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งไม่ว่าหันซ้ายหันขวามีมุมดี ๆ ให้ได้กดชัตเตอร์ตลอด
ชุมชนเก่าตลาดน้อยนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คู่ควรกับการมาเดินเล่นเสพบรรยากาศชุมชนเก่าแก่ของกรุงเทพอยู่ไม่น้อย ยิ่งถ้าหากมาในช่วงบ่ายแก่ ๆ แสงแดดกำลังระเรื่อยิ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การถ่ายรูปมาก ๆ หนุ่ม ๆ คนไหนอยากเอาใจแฟนด้วยภาพสวย ๆ ก็พาแฟนมาที่นี่ได้ รับรองว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านเมมโมรี่กล้องคุณเต็มแน่นอน
แล้วพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับทุกคน สำหรับสัปดาห์นี้ จากกันไปด้วยภาพน้องแมวเช่นเคย
พอดีว่าน้องค่อนข้างกล้า ๆ กลัว ๆ
ประกอบกับเพิ่งมีคุณพี่ที่อยู่ละแวกนั้นเดินตักอาหารแบ่งใส่ภาชนะให้แมวจรแถว ๆ นั้นพอดี