อุ้มผางคี หมู่บ้านนี้สวยบริสุทธิ์
มาอำเภออุ้มผาง จังหวัดตากคราวนี้มีจุดหมายอยู่ที่หมู่บ้านอุ้มผางคี ซึ่งตั้งอยู่ค่อนไปทางทิศตะวันออกของตัวอำเภอ หากพิจารณากันอย่างถ้วนถี่แล้วจะพบว่า อำเภออุ้มผางนั้นเป็นเสมือนเมืองหนึ่งในอ้อมกอดของขุนเขายากต่อการเข้าถึง บริเวณโดยรอบประกอบไปด้วยหมู่บ้านของชนเผ่ามากมายหลายหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวปกาเกอะญอที่ได้ดำรงชีวิตอยู่อาศัยกันมายาวนานหลายชั่วอายุคน มีวัฒนธรรมและภาษาเป็นของตนเองโดยส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาไทยได้ อาจจะมีบ้างกับผู้สูงอายุที่ไม่มีความเข้าใจในภาษาไทย แต่ทว่าเขาเหล่านั้นมีความเป็นมิตรมีน้ำใจเอื้ออารี รู้จักการให้ รู้สำนึกถึงคุณแผ่นดินถิ่นอาศัย
จากตัวอำเภอเราต้องเปลี่ยนพาหนะจากรถตู้ไปเป็นรถกระบะโฟรวิลล์พันโซ่ที่ล้อ หนทางข้างหน้าต้องบุกฝ่าขึ้นไปบนภูเขาสูงบางช่วงเป็นบ่อโคลน สายฝนทำให้เกิดทางน้ำไหลเป็นทางจนบางคนบอกว่าเหมือนดาวอังคารมากกว่าจะเป็นโลกมนุษย์ แต่นี่ก็คือเสน่ห์ของหมู่บ้านอุ้มผางคี ความยากลำบากในการเดินทางเป็นเสมือนปราการขวางกั้นสิ่งที่เรียกว่า ความเจริญ
เราทั้ง 10 ชีวิต มาถึงหมู่บ้านอุ้มผางคีในช่วงเวลาเย็นใกล้ค่ำ จากการประสานงานไว้ล่วงหน้า ทำให้คณะของเราได้เข้าพักในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีสภาพคล้ายกับบ้านหลังอื่นๆ ในหมู่บ้าน เจ้าของบ้านให้การต้อนรับด้วยการเชื้อเชิญให้ขึ้นไปบนบ้านพลันรีบรินน้ำฝนใสสะอาดใส่จอกไม้ไผ่หยิบยื่นพร้อมรอยยิ้มให้จนครบทุกคน
บ้านไม้เก่าสร้างพออยู่อาศัยไม่ต้องหรูหราน่ารำคาญ ดูเพียงพอแล้วกับการใช้เพื่อดำรงชีวิตอย่างมีความสุข “เช้าเข้าป่าหาผักปลามาเลี้ยงครอบครัว ปล่อยอีพังน้อยเข้าป่าให้มันหาหญ้าไผ่เคี้ยวตามวิถีของมัน เย็นมันก็เดินกลับมาเอง” ปกาเกอะญอหนุ่มใหญ่เจ้าของบ้านเล่าเรียงถึงการดำเนินชีวิตท่ามกลางบ้านป่าแห่งนี้อย่างมีความสุข พลันพูดต่ออย่างอารีว่า “เย็นแล้วคุณๆ ไปอาบน้ำกันเถอะ ที่ริมลำห้วยน้ำเย็นสดชื่นดีมาก ส่วนของผู้ชายจะอยู่ต้นน้ำนะครับ ส่วนของผู้หญิงจะอยู่ท้ายน้ำ แยกกันครับ” ใช่สินะที่หมู่บ้านนี้ยังคงรักษาขนมธรรมเนียมดั้งเดิม ดูเหมือนผู้ชายจะเป็นใหญ่ได้อาบน้ำต้นน้ำ ส่วนผู้หญิงถือว่าเป็นเพศรองจึงได้อาบน้ำที่ไหลรินไปทางด้านใต้ลงไป หรือว่านี่คือกุศโลบายอะไรบางอย่าง? ที่ปกติหญิงสาวทั่วไปในบางวันของเดือนอาจจะทำให้ผู้ชายไม่สะดวกใจในการจะได้ชำระล้างร่างกายจากน้ำที่ไหลผ่านเรือนร่างของพวกเธอ
เวลาพลบค่ำเดินทางมาถึงพร้อมๆ กับอากาศหนาว หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนที่สูงล้อมรอบด้วยป่าเขา กลางวันสงบกลางคืนยิ่งเงียบสงัด หากเราไม่ได้คุยกันก็คงมีแต่เสียงใบไม้พริ้วไหว บางจังหวะก็มีเสียงหางของช้างที่อยู่ข้างบ้านแกว่งปัดไปมาพรึบพรับ มันคงรำคาญแมลงที่มาตอมผิวหยาบกร้านของมัน และแล้วค่ำคืนพิเศษนี้ได้จบลงที่ระเบียงข้างบ้าน ผมไม่รู้ว่าใครหลับก่อนหรือนอนทีหลัง ที่แน่ๆ ต้องเตรียมพลังเอาไว้ไปเดินป่าผจญแก่งสายน้ำแรงในวันพรุ่งนี้
เช้าตรู่กลุ่มสตาฟซึ่งก็คือพี่น้องชาวปกาเกอะญอในหมู่บ้าน กำลังวุ่นอยู่กับการจัดสัมภาระสำหรับการล่องแก่งในสายน้ำอุ้มผางคีไปไว้ที่บนหลังช้าง ช้างจะช่วยในการขนเรือยางและอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ ไปยังต้นน้ำ ส่วนพวกเรานักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าลัดเลาะไปตามริมน้ำ บางช่วงต้องตัดข้ามลำน้ำไปอีกฝั่งเพื่อการเดินสะดวก รวมระยะทางประมาณ 8 กม. ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
จากนั้นทุกคนจะต้องลงเรือยางแล้วล่องไปตามลำน้ำผ่านแก่งหินและสายน้ำต่างระดับบางช่วงมีความรุนแรงท้าทาย ยั่วยวนใจให้นักผจญภัยมาสัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจ นอกจากความสวยงามของหมู่บ้านอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว การได้สนุกสุดมันกับการล่องแก่งในสายน้ำใสบริสุทธิ์ยิ่งเพิ่มอรรถรสให้กับการเดินทางได้อย่างดีเยี่ยมน่าจดจำ
ผมรีบเร่งสาวเท้าก้าวตามคนอื่นๆ หลังจากมัวยืนถ่ายภาพมวลหมอกที่ลอยเป็นกลุ่มขาวอยู่เหนือต้นหญ้าหน้าสนามของโรงเรียนบ้านอุ้มผางคี น้อยครั้งมากที่จะได้มีโอกาสสัมผัสมวลหมอกขาวอย่างใกล้ชิด ผมนึกอิจฉาเด็กๆ ในโรงเรียนที่ได้เห็นภาพสวยงามอย่างนี้อยู่บ่อยครั้ง พวกเขาได้ยืนตรงเข้าแถวเคารพธงชาติท่ามกลางกรุ่นไอหมอก อากาศสดชื่นยามเช้าทำให้เด็กมีสมองปลอดโปร่ง หากเขาเหล่านี้ได้บุคลากรที่ดีมีความสามารถ มีอาหารให้รับประทานครบทุกหมู่ทุกมื้อ มีห้องสมุดที่มีหนังสือใหม่ๆ เขาคงรู้เท่าทันโลกเหมือนเด็กในเมืองใหญ่ แต่อาจจะต่างกันตรงที่ว่าเด็กบ้านป่าน่าจะมีสุขภาพจิตที่ดีกว่าเด็กในเมือง
พังน้อยเดินมาถึงจุดเริ่มต้นการล่องแก่งก่อนใคร ในป่าช้างเดินได้เก่งกว่าคนหลายเท่านัก แม้ตัวของมันจะอุ้ยอ้ายแต่ทุกก้าวของมันล้วนมั่นคง มันเดินโดยไม่หยุดพักไม่มีเสียงหอบกระหาย เรี่ยวแรงพละกำลังอันเหลือเฟือของมันทำให้มนุษย์อิจฉา จากนี้เราจะได้เริ่มต้นการล่องแก่งในลำน้ำอุ้มผางคี สายน้ำอันใสบริสุทธิ์ที่ไหลรินมาจากกลางผืนป่า มุ่งหน้าสู่อำเภออุ้มผาง ความสนุกอย่างสะใจในช่วงต้นฤดูกาลท่องเที่ยวหน้าฝนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สายน้ำ ธรรมชาติสองข้างทางและเรือยางกำลังจะพาผมไปพบกับความประทับใจ...แล้วคุณล่ะ ต้นฤดูฝนนี้ได้มองหาสถานที่ผจญภัยกันแล้วหรือยัง?
ขอขอบคุณ / สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ตูกะสู คอทเทจ รีสอร์ท
โทรศัพท์ 055561295 , 0818190304