“พระอาทิตย์ดารุมะ” ความงามของธรรมชาติที่หาดูได้แค่ช่วงหน้าหนาวเท่านั้น

เมื่อพูดถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศญี่ปุ่น เพื่อน ๆ ก็คงจะนึกถึงแต่ภาพบรรยากาศของใบไม้เปลี่ยนสี หรือภาพหิมะขาวฟูฟ่องกันใช่ไหมละคะ แต่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในช่วงอากาศหนาวแบบนี้ที่ญี่ปุ่นไม่ได้มีเพียงแค่นั้นเท่านั้น เพราะอีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามและจะหาดูได้แค่ช่วงนี้เท่านั้นก็คือ ปรากฏการณ์ “พระอาทิตย์ดารุมะ”（だるま朝日・だるま夕日）หรือที่หลาย ๆ คนเรียกกันว่า “พระอาทิตย์รูปโอเมก้า”

"พระอาทิตย์ดารุมะ” คือ?

“พระอาทิตย์ดารุมะ” เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ภาพลวงตาหรือมิราจ (mirage) ชนิดหนึ่ง ที่เรามักคุ้นเคยกับการเห็นภาพแอ่งน้ำบนท้องถนน ที่บอกว่าปรากฏการณ์ “พระอาทิตย์ดารุมะ” ไม่ได้หาดูได้ง่าย ๆ ก็เป็นเพราะปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้เฉพาะแค่ในสถานที่ที่เหมาะสมและมีอุณหภูมิที่พอเหมาะเท่านั้น

เราสามารถเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ในสถานที่ที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกหรือโผล่ขึ้นจากท้องทะเลได้ โดยสถานที่หนึ่งที่มีชื่อเสียงในการชมพระอาทิตย์ดารุมะในประเทศญี่ปุ่นก็คือ ที่เมืองมุโรโตะ จังหวัดโคจิ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งตอนพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ส่วนจุดอื่น ๆ ที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ดารุมะได้ในญี่ปุ่นคือ ที่เมืองโจชิ จังหวัดจิบะ และชายหาดโออาราอิในจังหวัดอิบารากิ เป็นต้น

“พระอาทิตย์ดารุมะ” เกิดขึ้นได้อย่างไร?

“พระอาทิตย์ดารุมะ” เกิดจากมวลอากาศเย็นในยามเช้ากับมวลอากาศที่อุ่นกว่าของพื้นผิวน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันค่อนข้างมาก ทำให้แสงที่มากระทบที่ดวงตาเราลวงตาเราให้เห็นเหมือนกับที่ด้านล่างของดวงอาทิตย์มีพระอาทิตย์อีกดวงนึง ซึ่งคนญี่ปุ่นมองเห็นภาพนี้เหมือนกับตุ๊กตาดารุมะ จึงได้เรียกว่า “พระอาทิตย์ดารุมะ” นั่นเอง

ปัจจัยการเกิดที่มาจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้อุณหภูมิของน้ำก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนไป แต่อุณหภูมิของอากาศกลับเย็นลงอย่างรวดเร็วจากมวลอากาศหนาวและความเย็นจากการแผ่รังสี ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาวเป็นช่วงที่เกิดสภาวะดังกล่าวได้บ่อย เนื่องจากอากาศจะเย็นลงได้ง่ายกว่าอุณหภูมิของน้ำทะเล ดังนั้นในวันที่ท้องฟ้าโปร่งและอากาศค่อนข้างเย็น ถ้าหากเราอยู่ที่ชายหาดหรือท่าเรือที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกที่เส้นขอบฟ้าตัดกับขอบน้ำทะเลได้ เราก็จะมีโอกาสเห็นความสวยงามของ “พระอาทิตย์ดารุมะ” ได้เหมือนกันค่ะ