“เชียงราย” 4 วัน 3 คืน ภูชี้ฟ้า – ภูชี้ดาว – ดอยผาตั้ง
ลางานไปเที่ยวกันเถอะ ทริปนี้ 4 วัน 3 คืน ตะลุย “เชียงราย” ไปเที่ยวให้ทั่ว ภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ดอยผาตั้ง สัมผัสลมหนาว ชมทะเลหมอก นอนกางเต็นท์ใกล้ชิดธรรมชาติ
ตอนวางแผนทริปนี้ ทีมงาน Paapaii.com ก็คิดแล้วว่า ลางานเยอะ ก็ต้องได้เที่ยวเยอะ จึงทำแพลนว่าจะไปที่ไหนบ้าง และก็ออกมาเป็นแบบนี้ครับ ไปชมความงามของ “วัดร่องขุ่น” ไปเที่ยวไร่ชาที่ “ไร่บุญรอด” หรือ สิงห์ปาร์ค และก็ไปนอนหนาว กางเต็นท์ล่าหมอกที่ “ภูชี้ฟ้า” “ภูชี้ดาว” “ดอยผาตั้ง” เป็นอันจบทริป
ว่าแล้วก็เดินทางเข้าตัวเมือง “เชียงราย” กันดีกว่า ระยะทางจากกรุงเทพฯ 800 กิโลเมตร ขับรถจุก ๆ ประมาณ 11 ชั่วโมง ใช้พี่ Google Maps เป็นผู้นำทาง
แต่เราจะยังไม่เดินทางเข้าตัวเมือง “เชียงราย” ทันทีนะ เพราะ จะแวะไปชมความงามของ “วัดร่องขุ่น” กันก่อน สำหรับคนที่ขับรถมาจากกรุงเทพฯ วัดร่องขุ่นจะอยู่ก่อนถึงตัวเมืองเชียงราย ประมาณ 13 กิโลเมตร ให้ใช้เส้นทางตรงหลัก ก.ม ที่ 816 ถนนพลหลโยธิน (หมายเลข 1/A2 ) เลี้ยวเข้าไปประมาณ 100 เมตร จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ ๆ ก็จะถึงที่หมาย
พอเข้ามาใน “วัดร่องขุ่น” เราถึงกับตะลึง เพราะ ที่นี่สวยงามมาก สถาปัตยกรรมแต่ละชิ้น มีความงดงามโดดเด่นเฉพาะตัว โดยเฉพาะโบสถ์สีขาว ที่ตกแต่งด้วยกระจกสีเงิน หน้าบันไดเป็นรูปพญานาค ในขณะที่ข้างในมีรูปจิตรกรรมฝาผนังมากมายให้ชม ซึ่งได้รับการออกแบบและสร้างโดย “อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” และถือเป็นวัดสำคัญที่ใครมาเที่ยว “เชียงราย” ไม่ควรพลาด
จากนั้นเราไปกันต่อที่ “ไร่บุญรอด” หรือ สิงห์ปาร์ค เพื่อมารับอากาศบริสุทธิ์ พร้อมถ่ายรูปสวย ๆ กับไร่ชาขนาดใหญ่ และทุ่งดอกไม้เมืองหนาวแสนสวย ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งในช่วงสิ้นปีนี้
ช่วงเย็นเราเดินทางมาถึง “ภูชี้ฟ้า” ที่ตั้งอยู่ในอำเภอเทิง ที่นี่เป็นดอยที่สูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่นมีพื้นที่ติดกับชายแดนไทย กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อากาศบริเวณจุดกางเต็นท์หนาวมาก ๆ บรรยากาศก็ดีสุด ๆ แถมค่ำคืนนี้ “ดวงดาว” สวยงามเต็มท้องฟ้า จนอยากนอนมองไปยันเช้าเลย
ตื่นเช้ามาอากาศสดชื่นมาก รีบเดินไปที่ยอด “ภูชี้ฟ้า” ก่อนเลย เพราะ เรามีนัดกับ “ทะเลหมอก” สวย ๆ ที่มาตามนัดแบบ อลังการงานสร้างสุด ๆ และถือเป็นเสน่ห์ของธรรมชาติที่สวยงามเกินคำบรรยาย สำหรับภาพทะเลหมอกที่อยู่เบื้องหน้า จนเราไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย
วิวนี้คือช่วงตอน “พระอาทิตย์ขึ้น” กับ “ทะเลหมอก” เต็มท้องฟ้า ที่เราชอบและประทับใจมาก ๆ
ฝากไว้เป็นความทรงจำ ครั้งหนึ่งเคย “พิชิตภูชี้ฟ้า” ที่ความสูง 1,628 เมตร ถึงแม้ทางเดินขึ้นมาจะไม่ยากและไม่ไกลมาก แต่บอกเลยว่า “ธรรมชาติ” และ “ทะเลหมอก” อลังการไม่แพ้ที่ใดแน่นอน
จากนั้นช่วงเที่ยง ๆ เราก็เดินทางกันต่อ เพื่อมาที่ “ภูชี้ดาว” โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1093 ขับมาจาก “ภูชี้ฟ้า” ประมาณ 9 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางตลอด ไม่ต้องกลัวหลงทางแน่นอน และวิวบนภูชี้ดาว ก็สวยมากอีกด้วย ลองเดินขึ้นมาตอนกลางวัน ถึงแม้แดดจะร้อน แต่ก็มองวิว “ธรรมชาติ” ได้อย่างชัดเจน
ขาลงมีรูป “ดวงดาว” สวย ๆ มาฝากทุกคนกัน แม้ดาวจะไม่เยอะเหมือนคืนแรก ที่ “ภูชี้ฟ้า” แต่พอได้มองขึ้นไปแล้วอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ก็ให้ความรู้สึกดีไม่ต่างกัน ว่าแล้วคืนนี้ก็ไปนอนเก็บแรง แล้วพรุ่งนี้เตรียมไปดู “ทะเลหมอก” กันดีกว่า
เช้าแล้วครับ เตรียมไปพิชิตยอด “ภูชี้ดาว” ต้องเดินขึ้นอีกประมาณ 300 เมตร หลังจากเดินมาเรื่อย ๆ จะเจอ “หลักกิโลเมตรแสดงเขตแดน” ตรงจุดนี้สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา ทำให้เราต้องหยุดถ่ายรูปสวย ๆ สักหน่อย
ถึงแล้วจ้าาา ยอด “ภูชี้ดาว” 1,800 เมตร อากาศหนาวมาก ๆ “ทะเลหมอก” ก็สวยสุด ๆ ประทับใจจนลืมความเหนื่อยจากการเดินขึ้นมาเมื่อกี้เลย และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ก็คือ ยอดเขาที่ชี้ขึ้นไปสู่ท้องฟ้านั่นเอง ทำให้ทุกคนที่ขึ้นมายืนตรงนี้ สามารถชมวิวและถ่ายรูปธรรมชาติ ได้แบบ 360 องศา กันเลยทีเดียว
เดินทางกันต่อ จาก “ภูชี้ดาว” ไป “ดอยผาตั้ง” ระยะทางเพียงแค่ 15 กิโลเมตร วิ่งบนถนน 1093 ประมาณ 30 นาที จะถึงที่หมาย โดยจุดยอดของดอยผาตั้งแห่งนี้ ต้องใช้ระยะทางเดิน 1 กิโลเมตร เราจะพาทุกคนไปเที่ยวกัน ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
เริ่มต้นที่แรก “จุดชมวิวผาบ่องประตูสยาม” เป็นช่องผาขนาดใหญ่ ที่ตรงกลางหินสามารถลอดไปชมวิวของประเทศลาวได้ อากาศเย็นสบาย และวิวสวยมาก
เดินต่อมาอีกประมาณ 100 เมตร จะเจอกับ “ศาลาอนุสรณ์นายพลหลี่” เป็นศาลาทรงจีนสีแดง สรา้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน แก่นายพลหลี่ เหวิน ฟาน อดีตผู้นำทางทหารจีนคณะชาติ แห่งกองพล 93 ทุกคนสามารถเดินเข้าไปชม และถ่ายรูปกับวิวสวย ๆ ได้
เดินต่อไปอีกไม่ไกล จะพบกับที่ประดิษฐานของ “พระพุทธมังคลานุภาพลาภสุขสันติ” ทุกคนสามารถแวะมาสักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองได้
เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ พร้อมชมวิวธรรมชาติมาตลอดทาง ก็มาถึง “ช่องเขาขาด” หรือ ผาหินขนาดใหญ่ที่แยกออกจากกัน โดยที่นี่เป็นจุดชมวิวแสนสวยที่มองเห็นฝั่งประเทศลาว และสามารถนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้
หลังจากนั้นเราเดินขึ้นมาสู่จุดชมวิวสุดท้าย ซึ่งสูงที่สุดในดอยผาตั้ง นั่นคือ “เนิน 103” ที่นี่คือสถานที่ชม “ทะเลหมอก” ของเราในพรุ่งนี้เช้า วันนี้เวลาเราเหลือเลยเดินขึ้นมาชมวิวกันก่อน
ซึ่งเรายอมรับเลย จากทุกจุดที่ผ่านมา “เนิน 103” วิวสวยงามมากที่สุด บรรยากาศดีที่สุด และลมเย็นสุด ๆ จนเราอยากเห็น “ทะเลหมอก” ในวันพรุ่งนี้แล้ว ว่าจะสวยงามขนาดไหน
เย็นแล้วเตรียมเดินกลับกันดีกว่า ตอนนี้หิวข้าวมาก ๆ แถมเหนื่อยมาก ๆ ด้วย แม้ระยะทางจะแค่ 1 กิโลเมตร แต่ก็เล่นเอาเราต้องพักไปหลายจุดเหมือนกัน
พอฟ้าเริ่มมืด “ดวงดาว” บนดอยผาตั้ง ก็ต่างส่องแสงสว่างงดงามมาก คืนนี้ก็ขอลาไปด้วยภาพนี้แล้วกัน หลับฝันดีนะครับทุกคน
เช้าแล้ววว เปิดวาร์ปมาที่ “เนิน 103” กันเลย ดู “ทะเลหมอก” สิครับทุกคน อลังการมากกก !! แถมเราเดินขึ้นมาทันช่วง “พระอาทิตย์ขึ้น” ด้วยนะ ได้เห็นแสงแรกของวันก่อนใครเพื่อนเลย
เมฆบัง “ดวงอาทิตย์” ซะแล้ว แต่ “ทะเลหมอก” บังทุกสิ่งหมดเลย ฮ่า ๆ เหลือไว้แต่เพียงยอดเขาน้อย ๆ ที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ
เรียบร้อยจ้า “ผู้พิชิตดอยผาตั้ง” ความสูง 1,635 เมตร ดอยที่สามประจำทริปนี้ ฟินสุด ๆ ภูมิใจสุด ๆ และหนาวสุด ๆ ด้วย
และแล้วก็ได้เวลากล่าวคำอำลา “เชียงราย” ปิดทริป 4 วัน 3 คืน เที่ยวภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ดอยผาตั้ง สัมผัสทะเลหมอก นอนดูดาว ตื่นเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้น ได้ทำครบทุกอย่างเลย คุ้มค่ากับการลาหยุดจริง ๆ แล้วคราวหน้าเราจะไปเที่ยวไหนกันอีก ฝากเพื่อน ๆ ติมตามเพจ Paapaii พาไปดอทคอม กันด้วยนะครับ
อัลบั้มภาพ 32 ภาพ